|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เป๊ปซี่ หนุนภาครัฐทบทวนโครงสร้างภาษีน้ำอัดลม หวังสร้างการแข่งขันน้ำอัดลมเป็นธรรมในตลาดเครื่องดื่ม โหนกระแสเอเชี่ยน ฟีเวอร์ ทุ่ม 50 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญระดับรีจินัล “Pepsi Asian Music Batter” ชูเค-ป๊อป ซี-ป๊อป มั่นใจดันยอดโต 4% ปิดปากเงียบแนวโน้มน้ำตาลพุ่งกระทบต้นทุนจ่อคิวพุ่ง
นายเอริค กิจจาธนพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่ –โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเห็นด้วยที่ค่ายน้ำอัดลมคู่แข่งอย่างโค้ก ที่ต้องการให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมของไทย และมาตรการกำหนดราคาสินค้า จากปัจจุบันน้ำอัดลมถูกจัดเก็บภาษีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และเป็นสินค้าเฝ้าระวังการปรับราคาขึ้นต้องยื่นขอต่อกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้น้ำอัดลมมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันและส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม 3.5 หมื่นล้านบาท ให้เติบโต หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 3% และคาดว่าทั้งปีสภาพตลาดโต 3% และช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทย
อย่างไรก็ตามกรณีให้ภาครัฐทบทวนโครงสร้างภาษี แม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นทิศทางใด บริษัท ก็จะปฏิบัติตามกฎหมายที่ภาครัฐวางไว้ และยังคงมีแผนลงทุนในประเทศไทย โดยนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริม สุข จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ กล่าวว่า บริษัทเสริมสุขได้ปรับแผนลงทุนใหม่ จากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีและตลาดน้ำอัดลมปีนี้เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงได้สั่งซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับกับความต้องการตลาดปีหน้า
สำหรับการตลาดบริษัทได้ทุ่มงบมากกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญระดับรีจินัล “Pepsi Asian Music Batter” นำกระแสเอเชียน ฟีเวอร์ เค-ป๊อป และซี-ป๊อป เพื่อรุกตลาดในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีสำหรับการนำเอเชี่ยน ฟีเวอร์ กลับมาทำแคมเปญครั้งใหญ่อีกครั้ง จากเมื่อปี 2547 เปิดแคมเปญ 4 หนุ่มเอฟโฟร์ โดยแคมเปญปีนี้ได้นำไอดอลเกาหลี 7 หนุ่มซูเปอร์จูเนียร์-เอ็ม ลีจุนกิ และ 4ซูเปอร์สตาร์จากประเทศจีน นำทีมโดยกู่เทียนเล่อ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาในประเทศไทยและจีน
“กระแสเอเชี่ยน ฟีเวอร์ กำลังมาแรงสำหรับคนไทย โดยบริษัทคาดว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เปิดตัวแคมเปญ 4 หนุ่ม เอฟโฟร์ กระตุ้นยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ส่วนแคมเปญครั้งนี้ คาดว่ากระตุ้นยอดขายเติบโต 4% ”
สำหรับปีนี้เป๊ปซี่ได้ดำเนินการตลาดอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเปิดตัวแคมเปญอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส พร้อมกันส่งบรรจุภัณฑ์ขนาดใหม่ๆ อาทิ 400 มล. 480 มล. หรือ 2 ลิตร รองรับกับปัจจัยลบที่รุมเร้า เศรษฐกิจ การเมือง และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกส่งผลให้ปัจจุบันเป๊ปซี่มีส่วนแบ่ง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 53% โดยเฉพาะช่องทางร้านอาหารเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งถึง 63.2% เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 3%
นายปริญญา กล่าวว่า ปัจจัยที่กังวลในขณะนี้ คือ สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยมากกว่า ส่วนกรณีแนวโน้มราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้น ยังไม่สามารถรู้ว่าจะกระทบต้นทุนมากน้อยแค่ไหน ส่วนกำไรครึ่งปีแรก 252 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมา 108 ล้านบาท เติบโต 150% และคาดว่าทั้งปีกำไรเติบโตมากกว่า 100%
|
|
|
|
|