"กันตนากรุ๊ป" ซุ่มแผนขยายธุรกิจบันเทิงสู่ต่างประเทศ เล็งรับบริหารทีวีเวียดนามกับอินโดนีเซีย
สร้างฐาน ธุรกิจโปรดักชั่นไว้แล้ว ย้ำไม่มีนโยบายลงทุนรับสัมปทานทีวีในต่างประเทศ
หลังผ่านประสบการณ์ช่อง 5 ในกัมพูชา เผยผลงาน ในกัมพูชา ดันช่อง 5 เป็นผู้นำตลาด
กินส่วนแบ่ง 42%
นายจาฤก กัลย์จาฤก ประธาน กรรมการบริหาร บริษัทกันตนากรุ๊ป จำกัด เปิดเผย"ผู้จัดการรายวัน" ว่า
บริษัทฯ มีแผนงานที่จะขยายธุรกิจทางด้านสื่อและการโปรดักชั่นไปยังต่างประเทศมากขึ้น
โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านโทรทัศน์ และธุรกิจการจัดแสดง การผลิตหนังโฆษณา เพื่อเป็นการยกระดับและสร้างศักยภาพให้กับองค์กรด้วย
ซึ่งมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์และฝีมือตลอดจนทีมงานของกันตนาจะสามารถดำเนินธุรกิจได้
"ตลาดเพื่อนบ้านเราละแวกนี้ มีประชากรรวมกันจำนวนมากและเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่ยังเปิดกว้าง
อีกมากสำหรับธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะของชาวต่างประเทศ ถ้าเราสามารถจับตลาดได้เม็ดเงินมันก็จะไหลมา
โดยเฉพาะตลาดสื่อและตลาดบันเทิงนั้นยังมีช่องว่างอีกมาก"
ขณะนี้กันตนาขยายธุรกิจไปใน 3 ประเทศแล้วที่เป็นรูปเป็นร่าง คือ ประเทศเวียดนาม
อินโดนีเซียและกัมพูชาหรือเขมร ซึ่งมีทั้งลักษณะของการร่วมทุนและการลงทุนเอง
สำหรับกิจการในกัมพูชาเป็นการร่วมทุนระหว่างกันตนากรุ๊ปกับบริษัท ไทยนครพัฒนา
จำกัด เจ้าของยาทิฟฟี่ ซึ่งเป็นธุรกิจไทยด้วยกัน และยังถือเป็นครั้งแรกของ กันตนากรุ๊ปที่เข้าไปรับสัมปทานบริหารกิจการโทรทัศน์ในต่างประเทศ
โดยเข้าบริหารสถานีทีวีช่อง 5 ของเขมร มีระยะเวลาสัมปทานนาน 30 ปี ขณะนี้ผ่านไปแล้ว
8 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งใน แง่ของรายได้จากเม็ดเงินโฆษณา ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากไทย
และเข้าไปขยายธุรกิจในกัมพูชา
ส่วนที่เวียดนามนั้นได้ตั้งสำนักงานตัวแทนขึ้นมาเมื่อประมาณ 1 ปีแล้ว เพื่อเป็นช่องทางในการมองหาและทำธุรกิจ
ซึ่งที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ การผลิตรายการโทรทัศน์ร่วมกับบริษัทท้องถิ่นชื่อบริษัท
LAST STAR จำนวน 1 รายการ ชื่อเกมโกลเด้นดราก้อน และยังมีการรับจ้างผลิตหนังโฆษณา
อีกด้วยโดยเฉลี่ย 2 เรื่องต่อเดือน เช่นเดียวกับที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ตั้งสำนักงานตัวแทนขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
และรับงานทางด้านผลิตโฆษณา
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศ นี้แม้ว่ากันตนากรุ๊ปจะเพิ่งตั้งสำนักงานเพียงปีเดียว
แต่ในด้านของการทำงานนั้นชื่อเสียงของกันตนากรุ๊ปเป็นที่รู้จักในสองประเทศนี้อย่างดี
แล้ว เพราะบริษัทมีประสบการณ์และรับจ้างผลิตงานมานานกว่า 8 ปี แล้ว ทำให้รู้ถึงสภาพตลาด
และการแข่งขันดีว่าเป็นอย่างไร ควรจะดำเนินธุรกิจแบบไหน
ล่าสุดบริษัทมีความสนใจธุรกิจโทรทัศน์ในประเทศเวียดนามกับอินโดนีเซียมาก แต่รูปแบบ
การดำเนินงานนั้นจะไม่เน้นการลงทุนหรือรับสัมปทาน แต่จะเข้าไปในลักษณะของการเป็นที่ปรึกษาหรือรับบริหารสถานีโทรทัศน์ให้กับผู้ที่ได้รับสัมปทานอยู่แล้ว
แตกต่างจากที่ทำในกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายทั้งเอกชนที่รับสัมปทานอยู่แล้วและภาครัฐ
ในเวียดนามตลาดโทรทัศน์เพิ่งมีการเติบโต แต่มีสถานีโทรทัศน์ค่อนข้างมาก เกือบทุกเมืองกว่า
60 สถานี แต่สถานีโทรทัศน์หลักๆมีเพียง เอชทีวี 7 และ 9 ซึ่งแพร่ภาพเฉพาะที่เมืองโฮจิมินห์
เท่านั้น และวีทีวี 1, 2, 3, 4 แพร่ภาพทั่วประเทศ นอกนั้นเป็นช่องทั่วไปที่ยังไม่อยู่ในอันดับต้นๆ
ส่วนที่อินโดนีเซียทางกันตนาได้รับข้อเสนอเข้ามาแล้วแต่จะเป็นสถานีเคเบิลทีวีไม่ใช่ฟรีทีวีที่ต่างจังหวัด
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียดทั้งสองแห่งว่าจะดำเนินการอย่างไร
การที่กันตนาต้องการขยายธุรกิจบริหารทีวี ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย เพราะกันตนา
เป็นผู้ผลิตรายการทีวีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือผลิตรายการ 1,218 ชั่วโมงต่อปี
ด้วยรูปแบบรายการที่หลากหลาย จึงมีประสบการณ์มากเพียงพอที่จะผลิตรายการให้เข้ากับพฤติกรรม
ของผู้ชมในกลุ่มประเทศเอเชีย และมั่นใจว่าน่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับการบริหารทีวีในกัมพูชา
นอกจากนั้นเมื่อเร็วๆนี้ กันตนากรุ๊ปยังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับทางบริษัท เทอร์มินัล
เอ็กซ์ตร้า เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ของนางวนิดา วรรณศิริกุล กรรมการผู้จัดการ
ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากบริษัท เอ็ม-ไลน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานแสดงโชว์ต่างๆ
โดยการร่วมมือกันครั้งนี้ของทั้งคู่คือการที่กันตนา กรุ๊ปจะเป็นผู้รับผิดชอบในการนำกิจกรรมหรืองานแสดงโชว์ต่างๆที่ทางเทอร์มินัลฯนำเข้ามาโชว์ในประเทศไทย
และทางกันตนากรุ๊ปจะนำไปทำตลาดในต่างประเทศคือ เวียดนามกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสองประเทศแรกประเดิมตลาดก่อน
อย่างไรก็ตาม โชว์ล่าสุดของบริษัทเทอร์มินัล คือ สตาร์ออนไอซ์ นำเข้าโชว์นี้มาจากบริษัท
อินเตอร์เนชั่นแนล อารีน่า แอทแทรคชั่น จากอเมริกา เป็นสเก็ตน้ำแข็ง ทางกันตนากรุ๊ปยังไม่ได้นำไปโชว์ในต่างประเทศ
การที่กันตนากรุ๊ปจับมือกับเทอร์มินัลฯจึงสอดรับกับแผนการรุกธุรกิจบันเทิงในเวียดนามกับอินโดนีเซียอย่างลงตัว
แหล่งข่าวจากวงการให้ความเห็นถึงกรณีที่ผู้ประกอบการของไทยจะเข้าไปขยายงานด้านทีวี
ในต่างประเทศว่า ตลาดของธุรกิจทีวีในต่างประเทศโดยเฉพาะที่อินโดจีนนั้น การแข่งขันยังไม่รุนแรงเท่าใดนัก
หากกลุ่มทุนไทยเข้าไปลงทุน หรือรับจ้างบริหารถือเป็นช่องทางและโอกาสที่จะสร้างรายได้และศักยภาพให้กับธุรกิจได้
เนื่องจากว่า โดยพฤติกรรมและวัฒนธรรมนั้นมีความใกล้เคียงกันในระดับหนึ่ง อีกทั้งการหาโฆษณาหรือสปอนเซอร์มาลงรายการนั้นไม่ยากเท่าใด
เพราะส่วนใหญ่แล้ว สินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลาย ก็ล้วนแต่มาจากไทยเป็นส่วนใหญ่ทั้งแบรนด์อินเตอร์และแบรนด์ไทยเอง
ดังนั้นการจะลงโฆษณา ก็สามารถเจรจากันได้ง่ายขึ้น
สำหรับธุรกิจทีวีในกัมพูชานั้น ถือว่ากลุ่มกันตนาสามารถเข้าไปสร้างกระแสและการตื่นตัวให้กับธุรกิจทีวีในกัมพูชาได้อย่างดี
โดยในแง่ของความนิยมจากประชาชนต่อช่อง 5 ในกัมพูชา นั้น ช่อง 5 กัมพูชาประสบความสำเร็จอย่างสูง
และถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด 42% ของสถานีทีวีทั้งหมดในกัมพูชา
เนื่องจากการออกอากาศของทีวีช่อง 5 ครอบคุลม พื้นที่ในกัมพูชามากถึง 95% ของพื้นที่ทั้งประเทศ
ปัจจุบันในกัมพูชามีทีวีทั้งหมด 5 ช่อง คือ ทีวี ช่อง 3 แชร์ตลาด 20.6%, ทีวีช่อง
5 แชร์ตลาด 42.6%, ทีวีช่อง 7 แชร์ตลาด 9.2%, ทีวีช่อง 9 แชร์ ตลาด 16%, ทีวีช่อง
11 แชร์ตลาด 11.6%
โดยเฉพาะในจังหวัดพนมเปญนั้นซึ่งเป็นเมืองหลวง มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 9 แสนกว่าคน
และรับชมช่อง 5 มากประมาณ 550,000 กว่าคน คิดเป็นสัดส่วน 56%
สำหรับรายการทีวีช่อง 5 ที่บริษัทผลิตมีความหลากหลาย ทั้งข่าวประจำวัน รายการบันเทิง
คอนเสิร์ต การนำเข้าลิขสิทธิ์รายการกีฬาดังจากต่างประเทศ เป็นต้น
ในปีนี้กันตนาตั้งเป้ารายได้รวมของกลุ่มไว้ที่ 2,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจาก
ปีที่แล้วประมาณ 30% โดยในปี 2545 บริษัทมีรายได้รวม 1,574 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจโทรทัศน์
ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีสัดส่วน 65% ของรายได้รวม ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,300 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,075 ล้านบาท และการที่จะขยายงานต่างประเทศก็เป็นแผนหนึ่ง
ในการสร้างรายได้และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯด้วยในอนาคต
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจของกันตนากรุ๊ป แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์,
กลุ่ม ภาพยนตร์และการผลิต, กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ จัดจำหน่าย, สิ่งพิมพ์,
ออร์กาไนเซอร์และกลุ่ม 4 คือ กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ ซึ่งคาดว่าจะสร้าง รายได้ให้บริษัทในปีนี้