การประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นธนาคารสหธนาคารที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้
มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกรรมการและตำแหน่งบริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง
แต่โดยเนื้อหาสาระจริง ๆ แล้วก็คือการประกาศอย่างเป็นทางการว่าใครดำรงตำแหน่งอะไรเท่านั้น
เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็ทราบ ๆ กันอยู่แล้วว่าโครงสร้างกรรมการชุดใหม่จะเป็นเช่นไร?
โดยเฉพาะการขึ้นมาของปิยะบุตร ชลวิจารณ์ นั้นก็คงไม่ได้สร้างความแปลกประหลาดใจอะไรมากนัก??
และถ้าจะให้สรุปปมเงื่อนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้
ก็น่าจะต้องสรุปว่า ชัยชนะยังเป็นของฝ่ายตระกูล "ชลวิจารณ์"
อีกครั้ง
เพียงแต่จะรักษาชัยชนะไปได้นานแค่ไหนก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กล่าวได้ว่าสำหรับ "ชลวิจารณ์" แล้วก็คงจะดูแคลนไม่ได้
ขณะเดียวกันกลุ่มอาหรับแบงก์ (เอบีซี) บวกกับ "อัศวินวิจิตร"
ความแข็งแกร่งของทุนทรัพย์ที่มีก็คงจะดูเบาไม่ได้อีกเช่นกัน
บรรเจิด ชลวิจารณ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ล่าสุดก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานบอร์ดใหญ่พร้อม
ๆ กับควบตำแหน่งประธานกรรมการบริหารปัจจุบันอายุ 74 ปี เขาเหน็ดเหนื่อยพอสมควรในช่วงไม่กี่ปีมานี้และโดยอายุขัยแล้วก็คงต้องใกล้เวลาที่จะวางมือเข้าไปทุกขณะ
บรรเจิดก็คงคล้าย ๆ กบอีกหลายคนที่คิดว่าตนเป็นผู้สร้างอาณาจักร เพราะฉะนั้นก็ควรจะเป็นเจ้าของและพยายามที่จะให้ทายาทของตนได้เป็นผู้สืบทอด
ซึ่งถ้าคิดเช่นนั้นการขึ้นมาของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างปิยะบุตรก็คงจะต้องถือว่าเป็นความสมหวังอย่างยิ่ง
ทีนี้ก็คงจะวางมือได้อย่างสบายใจแล้ว!!
ภารกิจข้างหน้าเป็นเรื่องที่ปิยะบุตรจะต้องทำหน้าที่ฟันฝ่าต่อไป ซึ่งถ้าเขาแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวไม่แพ้ผู้พ่อ
สหธนาคารก็คงสามารถอยู่ยั้งยืนยงจนไปสู่ทายาท "ชลวิจารณ์" รุ่นต่อ
ๆ ไปตามลำดับ?
ปิยะบุตร นั้นปัจจุบันอายุ 38 ปี นับเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่หนุ่มที่สุดในจำนวนแบงก์พาณิชย์ไทยทั้ง
15 แบงก์
เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซินและปริญญาโทสาขาเดียวกันจากโคลัมเบีย
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เคยเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเคยผ่านการอบรมการบริหารชั้นสูงจากธนาคาร
MANUFACTURERS HANOVER TRUST NEWYORK ที่สหรัฐฯ
ปิยะบุตรเข้าร่วมงานกับสหธนาคารเมื่อปี 2519 ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการต่างประเทศ
ปีรุ่งขึ้นย้ายไปเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายสาขา ปี 2522 หรืออีก 2 ปีต่อมาขึ้นตำแหน่งผู้อำนวยการที่ฝ่ายสาขา
ปี 2524 ก้าวอย่างรวดเร็วขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่พร้อม ๆ กับควบตำแหน่งผู้อำนวยการสาขาเอาไว้ด้วย
และปี 2527 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยผู้จัดการ
จากนั้นก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่สืบต่อจากบรรเจิดผู้พ่อเมื่อต้นปี
2531 นี้
เบ็ดเสร็จแล้วก็ใช้เวลาเพียง 10 ปีในแบงก์เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารสูงสุด
ชีวิตส่วนตัวเขามีภรรยาชื่อสุจินตนา มีบุตรชาย 2 คน สัคคยศและพจน์ปรีชา
ยามว่างชอบเล่นกอล์ฟกับอ่านหนังสือ
มีคนถามว่าเขามีปรัชญาในการทำงานอย่างไร ปิยะบุตรมักจะตอบว่า
"จริงใจ จริงจังและอดทน"