|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัทจดทะเบียนใหม่เดินหน้า IPO เข้าตลาดกันคึกคัก เสริมงาน IB ของบริษัทหลักทรัพย์ แต่รายได้ปีนี้ยังอาจยังไม่หวือหวานัก เหตุหุ้นยังมีแววผันผวน หากดัชนีไม่หลุด 600 จุด เชื่องาน IPO ยังรุ่งได้อีก
วรุฒม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า จากการที่บริษัทหลักทรัพย์เริ่มทยอยนำลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนเข้ากระจายหุ้นให้กับประชาชานทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่ค้างจากในช่วงครึ่งปีแรก เข้ามาระดมทุนในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามา 'เก็งกำไร'ในหุ้นกลุ่มดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แต่การเข้ามาเก็งกำไรจะเป็นเพียงเข้ามาระยะสั้นๆเท่านั้น เพราะนักลงทุนเริ่มมีความกังวลการเปิดเสรีที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุให้รายได้เริ่มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ฝ่ายวิจัยเริ่มมองเชิงบวกมากขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ เพราะเริ่มมีรายได้จากงานด้านวาณิชธนกิจ(IB) เข้ามา เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ 'ถือ'ระยะยาว KEST ,BLS และ PHATRA เพราะเป็นบริษัทที่มีงานด้าน IB ค่อยข้างแข็งแกร่ง อีกทั้งในช่วงตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นยังส่งผลให้มีกำไรจากพอร์ตการลงทุนด้วย
สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำ 'เก็งกำไร' GBX และ CGS เพราะมีประเด็นเข้ามาสนับสนุนราคาหุ้น เช่น การรุกธุรกิจใหม่ และ การควบรวมกิจการ
'การลงทุนในหุ้นกลุ่มทรัพย์ยังต้องมีความระมัดระวังการลงทุน เพราะเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของตลาด แต่ถ้าจะให้เลือกลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่เพราะเห็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ด้าน ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้อำนวยการกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินว่า การที่บริษัทหลักทรัพย์ออกมาทำ IPO ช่วงนี้เพิ่มมากขึ้น ฝ่ายวิจัยมองว่าจะไม่สามารถเข้ามาสนับสนุนรายได้ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่มูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ผันผวนได้ เนื่องจากการทำ IPO ส่วนใหญ่เป็นเพียงบริษัทขนาดเล็กเฉลี่ยมูลค่าเพียง 200-300 ล้านบาทต่อบริษัท เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้บริษัทหลักทรัพย์เป็นเงินเพียงไม่กี่ล้านบาทเท่านั้น
'เป็นเรื่องยากที่จะเห็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่า5 000ล้านบาทในปีนี้ เพราะบริษัทส่วนใหญ่ยังกังวลการเข้าระดมทุนในช่วงตลาดมีความผันผวนอยู่ เพราะฉะนั้นรายได้ของบริษัทหลักทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังมาจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่'
ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้ฝ่ายวิจัยมองว่าถ้าดัชนีหุ้นหลุดที่ 600 จุดก็อาจจะไม่เห็นการทำหุ้น IPO แต่ถ้าในทางตรงกันข้ามดัชนีสามารถยืนเหนือ 600 จุดได้ เชื่อว่าจะเริ่มมีหุ้น IPOเริ่มทยอยเข้ามาระดมทุนแต่จะเป็นลักษณะการเข้าระดมทุนของหุ้นบริษัทขนาดเล็กมูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ 'รอจังหวะเข้าซื้อ' แม้ว่าช่วงนี้หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์จะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เท่าที่สังเกตการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์จะเป็นกลุ่มสุดท้ายของตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนที่จะปรับตัวลดลงแรงอีกครั้ง
ขณะที่ ธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยกำลังอยู่ระหว่างเตรียมปรับเพิ่มประมาณการมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)ทั้งปี รวมถึงกำไร รายได้และราคาเหมาะสมของหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ หลังจากที่วอลุ่มในช่วงนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น แม้กลุ่มหลักทรัพย์จะมีความเสี่ยงการเปิดเสรีแบบขั้นบันไดในอนาคตซึ่งอาจจะกระทบต่อการดำเนินงานได้ แต่คำแนะนำจะเปลี่ยนเป็น 'ซื้อ' หรือ 'เก็งกำไร' แทนปัจจุบันที่เป็นคำแนะนำ 'ขาย' หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้เพราะต้องรอดูภาวะตลาดก่อน
สำหรับการควบรวมกิจการในระบบบริษัทหลักทรัพย์ในช่วงนี้อาจจะยังไม่เห็นโดยเชื่อว่าประมาณ 1 ปีข้างหน้าอาจจะเริ่มเห็นการควบรวมกิจการในระบบเพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงที่เปิดเสรีแบบขั้นบันไดส่งผลให้บริษัทต่างๆเริ่มได้รับผลกระทบหรือแนวทางในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และแนวทางการควบรวมกิจการอาจจะเป็นแนวทางแรกที่บริษัทหลักทรัพย์จะใช้เพื่อขยายฐานให้แข็งแกร่งมากขึ้น
|
|
|
|
|