Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์7 กันยายน 2552
ลุ้นปรับเกณฑ์บ้านบีโอไอ ลดอุปสรรคเอื้อจัดสรรลงทุน             
 


   
www resources

โฮมเพจ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน - บีโอไอ

   
search resources

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน - บีโอไอ
Real Estate




*เอกชนลุ้นปรับเกณฑ์บ้านบีโอไอระลอกสอง เอื้อลงทุนเพิ่ม เชื่อดันซัปพลายเพิ่มปีละ 10,000 ยูนิต
*จัดสรรเสนอกระจายทำเล-ยืดหยุ่นคอนโดคละราคาขาย
*แนะตั้งกรรมการกลางทบทวนหลักเกณฑ์-ต้นทุนก่อสร้างทุก 3-5 ปี

การประกาศปรับปรุงเงื่อนไขบ้านบีโอไอ หรือกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางเมื่อ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน เพื่อให้เป็นหนึ่งในฟันเฟืองของการฟื้นเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ให้มีความคึกคักขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่างที่จะมีการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เห็นได้จากความตื่นตัวของดีเวลลอปเปอร์ที่แสดงความสนใจ สอบถามข้อมูลเข้ามายังสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง

หลังจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขในบ้านบีโอไอไปแล้ว พบว่าได้รับความสนใจจากภาคเอกชนเป็นอย่างดี เห็นได้จากสถิติข้อมูลการส่งเสริมการลงทุน ณ วันที่ 14 ส.ค. 2552 มีจำนวนโครงการบ้านบีโอไอเพิ่มขึ้น 25 โครงการ หรือคิดเป็น 400% สูงกว่าในช่วงก่อนปรับเงื่อนไขที่มีเพียง 5 โครงการเท่านั้น ทั้งนี้มีมูลค่าการลงทุนรวม 1,892.6 ล้านบาท

มีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8,690 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการใน กทม. 3 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด รวม 2,250 ยูนิต ที่เหลือจำนวน 6,640 ยูนิต เป็นทาวน์เฮาส์ในเขตปริมณฑล ฉะเชิงเทรา และสมุทรสาคร ฟากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ก็เตรียมวงเงิน 15,000 ล้านบาทสำหรับปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับลูกค้าในโครงการบ้านบีโอไอในปีนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสินเชื่อ Fast Track ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง

เมื่อพิจารณาในจำนวน 25 โครงการที่เพิ่มขึ้น พบว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการของพฤกษาฯ ถึง 21 โครงการ เนื่องจากเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่เติบโตและคร่ำหวอดมากับการพัฒนาบ้านบีโอไอมานาน จึงมีความเชี่ยวชาญและความพร้อม สามารถปรับตัวและยื่นโครงการได้เร็วกว่าดีเวลลอปเปอร์รายอื่น ทั้งนี้คาดว่าโครงการแรกจะผ่านการอนุมัติและเปิดขายได้ในเดือนนี้

แต่ในขณะเดียวกันดีเวลลอปเปอร์รายอื่นๆ ที่ยังไม่พร้อม ส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเงื่อนไขและออกแบบโครงการให้เข้ากับเงื่อนไขใหม่นี้ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าในหลักการใหญ่จะมีการแก้ไขให้เพิ่มเพดานราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าก่อสร้างปัจจุบันไปแล้ว แต่ในทางปฏิบัติก็ยังพบปัญหาบางส่วนที่หากไม่แก้ไข อาจทำให้บ้านบีโอไอไม่สามารถกระตุ้นการลงทุนได้มากเท่าที่ควร เช่น การปรับใช้เงื่อนไขใหม่ที่จำกัดเฉพาะเขต 1 หรือกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น ซึ่งอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เห็นว่า อาจเกิดความไม่เป็นธรรม เพราะยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์อาจเสนอขอขยายเกณฑ์ดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีค่าครองชีพสูงด้วย เช่น ภูเก็ต ระยอง อยุธยา ชลบุรี

ส่วนอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เห็นว่า บ้านบีโอไอถือเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งมีดีมานด์กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ควรจำกัดทำเลเหมือนนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องมีการควบคุมพื้นที่การลงทุน ในขณะที่การพัฒนาคอนโดมิเนียมให้เข้ากับเงื่อนไขบ้านบีโอไอยังมีอุปสรรคมากกว่าโครงการแนวราบ เนื่องจากเงื่อนไขกำหนดให้การพัฒนาโครงการทุกยูนิตในอาคารต้องขายในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทเท่านั้น ไม่สามารถคละยูนิตที่มีราคาขายเกิน 1.2 ล้านบาทไว้ภายในอาคารเดียวกันได้ ซึ่งอธิปมองว่า หากผ่อนปรนให้คอนโดมิเนียมสามารถมียูนิตที่มีราคาขายเกินเกณฑ์บ้านบีโอไอขายปนอยู่ในโครงการเดียวกันได้เหมือนโครงการแนวราบ เชื่อว่าจะเป็นการลดอุปสรรคเอื้อให้ดีเวลลอปเปอร์เข้ามาลงทุนง่ายขึ้น สามารถกระจายทำเลในการลงทุนโครงการได้หลากหลายทำเล ไม่กระจุกอยู่เฉพาะในทำเลที่มีที่ดินราคาถูกเท่านั้น และทำให้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีคุณภาพดีขึ้น เพราะสามารถเฉลี่ยต้นทุนค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายส่วนกลางในการบำรุงรักษากับยูนิตที่มีราคาสูงกว่าได้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยมีทางเลือกในการซื้อบ้านมากขึ้น

อย่างไรก็ตามจากปัญหาดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้คำรับรองว่ายินดีที่จะรับฟังข้อเสนอของเอกชน เพื่อนำไปปรับปรุงเงื่อนไขบ้านบีโอไอให้เหมาะสมต่อไป ขณะนี้ทั้ง 3 สมาคมฯ กำลังอยู่ระหว่างการหารือก่อนนำเสนออีกครั้ง ซึ่งอิสระคาดว่า การปรับเงื่อนไขจะหนุนให้มีการลงทุนบ้านบีโอไอปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 ยูนิต และในระยะยาวเห็นว่าควรจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการจากภาครัฐและเอกชนเข้ามาทบทวนปรับปรุงเงื่อนไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทุก 3-5 ปี และควรมีคณะกรรมการอีกชุดจากภาครัฐที่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขดัชนีราคาต่างๆ เป็นตัวเสริมเข้ามาติดตามสถานการณ์ต้นทุนค่าก่อสร้างอย่างใกล้ชิด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us