ซาบีน่า ทำใจ ส่งออกแย่ ออเดอร์หด 40-50% เชื่อสถานการณ์ซึมไปถึงปีหน้า มุมานะเร่งทำตลาดในประเทศทดแทน อัดคอลเลกชั่นใหม่ ดีไซน์หลากหลายตลอดปี ใส่เกียร์ผุดชอปในห้างต่อเนื่อง 4 เดือนสุดท้ายของปีเปิดแน่อีก 5-6 ชอป หวังอุดช่องโหว่ เพิ่มยอดขายทั้งปี แตะ 1,200 ล้านบาท เติบโต 20% ตามแผน
นายอมรเทพ อสีปัญญา ผู้อำนวยการสายงานขาย และการตลาดในประเทศ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดชุดชั้นในในประเทศ มองว่าจะเติบโตทรงตัวอยู่ แต่สำหรับตลาดส่งออก ซึ่งทางบริษัท ทำโออีเอ็ม ส่งออกป้อนให้กับแบรนด์ต่างประเทศในหลายๆแบรนด์ทั้งในฝั่งยุโรปเกือบทั้งหมด รวมถึงสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าออเดอร์ลดลงเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 40-50% จากปีก่อนปิดรายได้เท่ากับในประเทศที่ 1,000 ล้านบาท และถึงแม้ว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกจะเริ่มดีขึ้นก็ตาม แต่ประเทศที่เราส่งออกก็ยังมีออเดอร์ไม่มากนัก เพราะเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่า เศรษฐกิจของประเทศเขานั้นจะดีขึ้นจริงหรือไม่ จึงมองว่า รายได้จากการส่งออกของบริษัทจะยังไม่ดีขึ้นไปจนถึงปีหน้า
ดังนั้นแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภายในปีนี้ไปจนถึงปีหน้าจะมุ่งทำตลาดในประเทศเป็นหลัก ภายใต้งบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท ใช้มากกว่าปีก่อนอีก 20 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นการออกคอลเลกชั่นใหม่ และดีไซน์ที่หลากหลายทุกๆเดือน พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ใช้เฉพาะงานมากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายในประเทศเติบโตได้ถึง 20% จาก 1,000 ล้านบาทในปีก่อน ที่เติบโตจากปี 2550 เพียง 10% เท่านั้น โดยเมื่อดูพอร์ตรายได้ของบริษัทแล้ว จากปีก่อน รายได้ในประเทศและต่างประเทศรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท สัดส่วนอยู่ที่ 50% เท่าๆกัน ปีนี้มองว่ารายได้ในประเทศจะอยู่ที่ 70% คิดเป็นตัวเลขที่ 1,200 ส่วนรายได้ต่างประเทศจะอยู่ที่ 30% หรือประมาณ 700-800 ล้านบาท ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนในประเทศจะเพิ่มเป็น 80% และต่างประเทศจะเหลือ 20% เหตุจากความไม่มั่นใจของลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก
นายอมรเทพ กล่าวต่อว่า ผลจากเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้เราต้องโฟกัสตลาดในประเทศ จึงช่วยให้ยอดขายในประเทศเติบโตมากกว่าปีก่อน ขณะที่ตลาดรวมชุดชั้นในคาดว่าจะทรงตัวเท่าปีก่อน โดยในแง่ของกำลังการผลิต ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่บริษัทต้องให้ความสำคัญ เพื่อช่วยผยุงรายได้ให้เป็นไปตามแผนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตที่ต้องกระชับและทำงานได้เร็วขึ้น เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด โดยไม่มีการปลดพนักงานลงแต่อย่างไร จากปัจจุบันซาบีน่า มีโรงงานการผลิต 4 แห่ง คือ ท่าพระ, นครปฐม,ชัยนาท และยโสธร
อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันรายได้ในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น คือการขยายช่องทางซาบีน่าชอป จากปัจจุบันเปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้าในส่วนพลาซ่าแล้วกว่า 5 สาขา คือ เซ็นทรัล พระราม2, แฟชั่นไอส์แลนด์, มาบุญครอง,หัวหิน และ บางแสน ครึ่งปีหลังนี้จะเปิดอีกอย่างน้อย 5-6 สาขา ทั้งในห้างกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 2 ล้านบาท โดยในปีหน้าจะขยายต่อเนื่องแล้วแต่โอกาสที่เข้ามา เพราะมองว่าช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้นอย่างมาก ไม่แพ้ยอดขายในส่วนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ซึ่งในส่วนของพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า พบว่ามีความถี่ในการซื้อดีขึ้น แม้ว่าจำนวนการซื้อในแต่ละครั้งจะลดลงก็ตาม
|