ภายหลังการประชุมสามัญประจำปี ผู้ถือหุ้นธนาคารแหลมทองเมื่อวันที่ 21 มีนาคม
2531ผ่านพ้นไป คนที่ออกมานั้นสำหรับแบงก์ชาติผู้จับจ้องที่จะ "ฟัน"
ใครต่อใครให้กระเด็นไปจากแบงก์ก็คงจะกระอักกระอ่วนไม่น้อย
ขณะที่ก็เป็นการพิสูจน์ความหนังเหนียวที่ใคร "ฟัน" ไม่ลงอีกครั้งของสุระ
จันทร์ศรีชวาลา
ผลการประชุมวันนั้นสุระยังได้รับชัยชนะอีกครั้งแบบสบาย ๆ
และทำให้เป็นที่เชื่อกันว่าตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่ควานหากันมานานนั้น
ก็จะยุติลงตัวที่กรรมการคนใหม่ที่ชื่อ สุชาติ เนติสิงหะ นักการธนาคารมือเก่าเชื้อสายภราตะจากแบงก์กรุงเทพพาณิชย์การ
ซึ่งเพิ่งจะเกษียณอายุไปทำสวนลิ้นจี่ทางภาคเหนือกว่าปีมาแล้ว
สุระนั้นจัดทัพเข้ามาบริหารแหลมทองแทนคณะของสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
แม้ว่าแบงก์ชาติจะไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่เมื่อฝ่ายสุระเป็นผู้ถือหุ้นเสียงข้างมาก
แบงก์ชาติก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งมองอยู่ห่าง ๆ แต่กระนั้น "ถ้าผมหาเงินเข้ามาไม่ทันวันนั้น
รับรองเขาสั่งปิดแบงก์แน่ ๆ ผมถือว่าผมยังโชคดีมากที่ใครหลายคนช่วยเอาเงินเข้ามาฝากได้ทันในวันนั้น…"
สุระยังไม่วายรู้สึกคลางแคลงใจกับเหตุการณ์วันแรกที่เข้าบริหารแบงก์
การเข้ามาในแบงก์แหลมทองของกลุ่มสุระ แรกทีเดียวก็พูดกันว่าประกายเพชร
อินทุโสภณ ผู้บริหารคนหนึ่งของโอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่
แต่ด้วยเหตุผลบางประการจนแล้วจนรอดก็ไม่มีการประกาศแต่งตั้งประกายเพชร
และก็ไม่มีการแต่งตั้งใครมาเรื่อย ๆ
ในช่วงเดือนธันวาคมที่เสรี จินตนเสรี ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศไทยพาณิชย์ลาออกนั้น
อีกไม่นานต่อมาก็มีข่าวว่ากลุ่มสุระติดต่อทาบทามเสรีเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่
แต่ในที่สุดก็เงียบไปอีก
จากนั้นแหลมทองก็เริ่มส่อเค้ายุ่งยากอีกครั้งในช่วงต้น ๆ เดือนมีนาคม เมื่อคลังและแบงก์ชาติร่วมกันยื่นคำขาดให้แบงก์ปรับปรุงคณะกรรมการเสียใหม่
ทั้งนี้มีการอ้างว่าผลจากการตรวจสอบของแบงก์ชาตินั้น พบว่าธนาคารมีฐานะบักโกรกอย่างน่าวิตก
วันที่ 7 มีนาคม 2531 กรรมการแหลมทองทำหนังสือถึงแบงก์ชาติโดยระบุว่าตามคำขอแกมขู่นิด
ๆ ของคลังและแบงก์ชาตินั้น คณะกรรมการมีมติตกลงใจว่า จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นในวันที่
21 มีนาคม ซึ่งวันนั้นคณะกรรมการจะลาออกทั้งชุดเพื่อเปิดให้มีการโหวตเลือกตั้งใหม่
และในการเลือกกรรมการชุดใหม่ จะพยายามกระจายกรรมการตามกลุ่มผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะจะมีกรรมการจากคลังและแบงก์ชาติรวมอยู่ด้วย
ราว ๆ กลางเดือนมีนาคม ก็มีเสียงแว่ว ๆ จากแบงก์ชาติว่า อยากได้ ปิ่น จักกะพาก
กรรมการผู้จัดการบริษัทเงินทุนยิบอินซอยเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแบงก์แหลมทอง
ซึ่งปิ่น จักกะพากก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มีศักดิ์เป็นหลานของพลเอกสม ขัตพันธ์
ประธานแบงก์นั่นเอง (ลูกสาวพลเอกสมแต่งงานกับน้าชายของปิ่น)
มาตรการของแบงก์ชาตินั้นวิเคราะห์กันมากว่าเที่ยวนี้สุระคงไม่รอดแน่
แต่ผลของการประชุมผู้ถือหุ้นกลับปรากฏว่า สุระก็สามารถรอดไปได้อีกครั้ง
กรรมการส่วนใหญ่ยังเป็นฝ่ายสุระ (อ่านรายละเอียดรายชื่อกรรมการชุดใหม่จากผู้จัดการรายสัปดาห์)
ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแบงก์ชาติจะรู้สึกเช่นไร?
จากรายงานล่าสุดนั้น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม กำจร สถิรกุล ผู้ว่าแบงก์ชาติก็ได้กล่าวว่า
เรื่องกรรมการแบงก์แหลมทองนั้นได้รับแจ้งจากสุระแล้วว่า สุระ, กุรดิษฐ์ และสุวัฒน์ทนายความคู่ใจของสุระ
ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว
เรียกว่าสถานการณ์แบงก์แหลมทองถึงวันนี้ก็ยังพลิกไปได้เรื่อย ๆ โดยที่ยังไม่ทราบว่าจะลงตัวอย่างไรในที่สุด