Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2531
สริยา สิวายุ เลือดที่เปลี่ยนสีได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ อุตสาหกรรมนมไทย

   
search resources

สริยา สิวายุ
Dairy Product
ซอ สิวายุ




"เขาไปเมืองนอกเดี๋ยวก็กลับมา"

กระทั่งบัดนี้สริยายังไม่อาจทำใจเชื่อได้สนิทนักว่า "เขาจากเธอไปแล้ว จากไปแล้วจริง ๆ" เธอบอกกับตัวเองว่า เขาห่างเธอไป เพื่อติดต่อค้าขายต่างประเทศชั่วพักชั่วครู่ตามปกติวิสัยของนักธุรกิจที่ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับหลักอายุ ถ้าตราบใดที่เขายังมองเห็น "เงินตรา" "ความสำเร็จ" และ "ชื่อเสียง" เป็นกำนัลชีวิตที่น่าเสพชิมลิ้มรส

ยี่สิบกว่าปีที่เป็นสามีภรรยากันมาบอกให้สริยาตระหนักดีว่าคนอย่างเขาไม่ว่าจะเป็น "การงาน" หรือ "ความรัก" เขาหยิ่งทระนงในเกียรติของความเป็นผู้ชายมากที่สุด ยากเพียงไหนเขาต้องไขว่คว้ามาให้ได้ จนแทบพูดได้ว่าถ้าขนคอเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นม้าเช่นเดียวกับที่มันช่วยทำให้สิงโตต่างกับแมว ปราศจากขนคอม้าก็ดูเหมือนลา แมวก็ไม่ผิดอะไรกับสิงโตแล้วไซร้ ราชสีห์อย่างเขาจะไม่มีวันยอมถูกกร้อนขนคอเป็นอันขาด

เขาเป็นคนอย่างนี้… และเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้สวาสวยรวยเสน่ห์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคนรักมารุมล้อมอย่างฟุ่มเฟือยอย่างเธอยอมที่จะตัดสินใจเลือกชายชราที่วัยต่างกันเกือบสองรอบเช่นนาย "ซอฮกซิว" มาเป็นสามีอย่างไม่อินังขังขอบต่อสายตาและเสียงครหานินทา

สริยาปฏิเสธและเกลียดนักถ้าใครบางคนจะบอกว่า "ที่เธอยอมพลีกายถวายใจให้คนต่างวัยเชยชมเพียงเพราะเขาเป็นคนรวย"

"แม่…ปุกเกลียดที่สุดที่เขามองปุกอย่างนั้น" เธอเคยคุยเชิงหารือกับแม่ แม่ที่ยั่วยุและชี้ให้เห็นถึงข้อดีของชายต่างวัยคนที่แม่บอกกับเธอก่อนจะยกให้เป็นสมบัติของเขาว่า "ปุกเอ๋ยถ้าแกแต่งงานกับหนุ่มสามปีแกก็ต้องวิ่งตามเขา" แต่คนนี้เชื่อเถอะว่าเขาต้องวิ่งตามเราจนวันตาย"

ก็ไม่ผิดนักหรอกถ้าความซื่อสัตย์ ความจริงใจ บวกกับทรัพย์ศฤงคารที่จะทำให้ชีวิตนี้ทั้งชีวิตไม่เดือดร้อนที่เขามีอยู่นั้นจะบันดาลในให้สาวสวยอย่างสริยาที่เคยถูกเพื่อนล้อว่าอาทิตย์หนึ่งมี 7 วันแต่หล่อนมีแฟนได้ถึง 9 คน จะยอมให้วงแขนของชายต่างวัยกันมาก ๆ เป็นเรือนตาย มิใช่เป็นเพียงแค่เป็นที่พักพิงที่ร้อนรุ่มเมามันในอารมณ์ขึ้นมาก็เข้ามาแสวงหาความอบอุ่น สิ้นรักหายเหนื่อยเมื่อยล้าตักตวงอะไรไปได้หนำใจแล้วก็อำลาอกเหี่ยว ๆ ไปอิงอกใหม่ที่กระชุ่มกระชวยกว่า

สริยายืดอกพูดกับใคร ๆ ได้เต็มปากว่ายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอไม่เป็นผู้หญิงทำนองนั้นเด็ดขาด "ก็เขารักเขาหึงฉันแทบตาย งานไหนที่เขาไม่ได้ไปด้วยยังขอร้องฉันเลยว่ายูไม่ไปได้ไหม" เธอเคยนำเอารสหึงของสามีมาคุยกับเพื่อน ๆ เป็นประจำ

มันเป็นเรื่องจริงของความรักที่เธอเชื่อมั่นว่าปริ่มสุขยิ่งนัก เป็นความรักที่ทั้งเธอและเขาอยากให้มันเป็นอมตะ และมันก็น่าจะเป็นไปได้ในเมื่อเขามี "เงิน" ที่จะซื้อความสุขและยืดเยื้อภัยร้ายที่จะยังความตายให้กับชีวิตอย่างเพียงพอ

เพราะเป็นอย่างนี้สริยาจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า "เขาจากเธอไปแล้วจริง ๆ"!!??

"ความรักคืออะไร บางครั้งน่ากังขาใจนัก"

มันอาจเป็นคำสาปแช่งของปวงปีศาจหรือไม่อาจเป็นพรดีงามของพระเจ้า และถ้าชีวิตจะเป็น "เกม" มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต่างมีโอกาสได้สัมผัสความหมายสองประการนี้โดยเท่าเทียมกัน บางทีอาจเกิดขึ้นอย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่บางคราวก็เป็นไปอย่างง่าย ๆ เหมือนเรื่องราวของสริยา

ความทรงจำที่เธอไม่ลืมเลือน และกระตุกให้เธอต้องได้คิดในหลาย ๆ วินาทีของปัจจุบัน!?

ด้วยความเป็นลูกผู้มีอันจะกินแห่งลุ่มทะเลภาคตะวันออก (จ. ชลบุรี) พ่อของเธอนายสุธี แซ่โง้ว หรือศรีเจริญ เป็นถึงเอเย่นต์ใหญ่เหล้าแม่โขงของภาคนี้ ส่วนแม่สมจิตร จินตเศรณีนั่นเล่าก็สืบเชื่อสายผู้ลากมากดีมาจากในวัง ทั้งยังปรุงรสน้ำพริกได้เก่งจนผันมาเป็นการค้าที่ช่วยเกื้อหนุนฐานะครอบครัวให้อยู่แถวหน้าของจังหวัด ความสมบูรณ์พูนสุขที่พ่อแม่สร้างมาทำให้เธอและพี่น้องอีก 4 คนล้วนต่างได้รับการส่งเสียให้ร่ำเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นดีทั้งสิ้น

"มีอีปุกคนเดียวที่ไม่เป็นโล้เป็นพายกับเขานัก"สริยามักพูดทีเล่นทีจริงอย่างนี้กับคนที่รู้จัก แต่ถึงกระนั้นด้วยความงามของสรีระและใบหน้าที่เป็นทรัพย์สมบัติติดกายมาแต่เกิดกับชีวิตที่สามารถหาความสำเริงสำราญใจมาได้แต่เล็ก ๆ จึงทำให้เธอมักหลุดคำพูดเชื่อมั่นที่ค่อนข้างโผงผางออกมาเนือง ๆ ว่า "ชีวิตของฉันไม่ใช่ธรรมดา คนอย่างฉันต้อง ON THE TOP เสมอ"

"ก็หล่อนสวยเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนที่ใคร ๆ ก็หลงรักมานานแล้วนี่" เพื่อนสนิท ๆ ในกลุ่มหยิกแกมหยอกที่เธอเองก็พอใจอยู่ไม่น้อย

จากชั้นมัธยมของโรงเรียนประจำจังหวัด (ชลกัลยาณุกูล) พ่อและแม่ก็ส่งเธอให้มาเรียนต่อด้านบัญชี-เลขานุการในโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อมากในด้านนี้ กระทั่งจบระดับชั้นมัธยมปลาย เส้นทางแห่งความฝันของเธอและเพื่อน ๆ ในขณะนั้นก็คือ "มหาวิทยาลัย"

ทว่าเป็นด้วยระดับการเรียนที่พอไปได้แต่ไม่สวยหรูนัก สริยาเลยบอกตัวเองว่าถ้าหล่อนไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงเป็นการสูญเปล่า แม่ที่รู้จักลูกสาวดีเลยชักชวนให้ไปเป็นแม่ค้าน้ำพริกเพื่อก่อร่างสร้างตัวเสียแต่เล็ก ๆ เลย

"ต๊ายตายแม่จะให้ปุกไปเป็นแม่ค้าขายน้ำพริกเหรอ ปุกไม่เอาด้วยหรอกน่าเบื่อจะตายไป" เธอไม่ยินยอมในหนทางที่แม่เลือกให้ตามประสาลูกคนรวยที่ได้รับการฟูมฟักราวกับไข่ในหิน แล้วในที่สุดก็เป็นพ่อแม่ของเธอนั้นล่ะที่ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของเธอได้เมื่อเธอเรียกร้องว่า "ขอไปเรียนต่อในต่างประเทศ"

ปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นแดนดินต่างถิ่นแห่งแรกที่เธอไปศึกษาโดยเข้าเรียนในสถาบันแห่งหนึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นคนไทยที่กลายมาเป็นสาวไฮโซซิตี้ของโลก เช่น อาภัสรา หงสกุล (จิราธิวัฒน์) จากปีนังจึงลัดฟ้าไปเรียนต่อที่โปลี่ คอลเลจประเทศอังกฤษ

มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับคนต่างชาติภาคพื้นยุโรปที่ตัวเองเกลียดนักเกลียดหนา ถึงกับปวารณาไว้ในใจว่า "แม้หมอดูจะเคยทำนายว่าชีวิตนี้ต้องได้สามีเป็นคนต่างชาติ ก็จะดิ้นสุดชีวิตฝืนลิขิตคำทำนาย"

ปีกว่าในอังกฤษนอกจากประกาศนียบัตรหลักสูตรเลขานุการจากสถาบันที่มีชื่อ เช่น โปลี่ แล้วนั้นวัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากเมืองไทยได้หล่อหลอมความรู้สึกนึกคิดให้เธอกลายเป็นคนยุโรปไปกว่าค่อนตัว

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีคู่ควงในภายหลังถึง 7-8 คนในเวลาเดียวกัน!!!

แต่ก็ไม่มีใครสามารถพิจารณาความอาญาให้เธอต้องกลายเป็นจำเลยรักที่ "หลง" และ "ยอม" สิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปทั้งชีวิต รอยยิ้มและกิริยาชักชวนที่หลายครั้ง เธอมีปฏิกิริยาโต้ตอบผิวเผินคือการยอมจำนนทว่าเบื้องลึกมิผิดกับปลาหมึกที่ปล่อยน้ำดำออกมาเพื่ออำพรางศัตรู

ผู้ชายสำหรับเธออาจไม่ใช่ลาโง่ แต่ก็พร้อมที่จะกลายเป็นเบี้ยบนกระดานที่ถูกจับให้เดินอย่างไร้ข้อกำหนด "ฉันอาจมีแฟนหลายคนแต่ก็ไม่เคยเสียกับใคร และเชื่อไหม ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขาเหล่านั้นไม่โกรธด้วย" สริยาเคยคุยถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ชายต้องศิโรราบ

แล้วเธอเก่งจริงอย่างนั้นหรือ!!

จริง ๆ แล้วภายหลังกลับจากอังกฤษ หากสริยาจะทำงานให้กัทางบ้านเธอก็กลับเลือกที่จะสมัครใจเป็นลูกจ้างโรงแรมแห่งหนึ่ง (โรงแรมเฟิสท์) ด้วยอัตราเงินเดือนเพียง 1,200 บาท

ค่าที่ได้รับการเอาใจมาแต่เล็ก ๆ ทำให้สริยาทำงานอยู่ที่ไหนไม่ได้นานก็มีอันต้องจรลี จากพนักงานโรงแรมเธอสมัครเป็นเลขานุการของนายจ้างฝรั่งที่บริษัทแห่งหนึ่ง (จัสแมกซ์) ดูเหมือนว่าที่นี่จะถูกโฉลกกับเธอไม่น้อยแม้ว่าจะมีความรังเกียจคนต่างชาติเป็นทุนเดิมก็ตาม

อีกนั่นล่ะแม้สริยาจะบอกว่า "นายจ้างชื่นชอบในตัวเธอนักหนา" แต่เมื่อเธอไม่พอใจก็หิ้วกระเป๋าลาออกในทันที

โลกชีวิตของสริยายังหมุนต่อไปด้วยความสนุกสนานและคลาคล่ำด้วยผู้ชายมากหน้าหลายตาที่รุมล้อมหมายปอง

"โธ่ ไอ้แก่" เธอคิดอยู่ในใจเมื่อนายจ้างที่ทำงานแห่งใหม่ (นมมะลิ) เข้ามาบอกว่า "เหมือนเคยเห็นยูมาก่อน ประทับใจยูจริงๆ"

ไม่รู้ว่าเทพเล่นตลกหรือกระไร เมื่อเธอถูกย้ายหน้าที่จากงานพนักงานรับโทรศัพท์ที่ได้ฉอเลาะกับแขก ๆ อันเป็นความชอบ ไปเป็นเลขาส่วนตัวของนายจ้างคนนั้น นายจ้างที่เปรยหูปรายตาทำท่าสิเน่หาในตัวเธอเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเองแทบจะปลงเวทนากับสังขารที่ห่างกันเกือบยี่สิบปี

"ไอ้แก่เอ๋ยใครเขาจะไปชอบแกได้ลงคอ" สริยาเชื่อมั่นว่าไม่มีวันเสียหรอกที่จะกลายเป็นหญ้าอ่อนของโคแก่ และยิ่งเชื่อมั่นเป็นทวีคูณมากขึ้นตรงที่นายจ้างต่างวัยของเธอคนนี้เป็นคนต่างชาติ ซึ่งเธอปณิธานแล้วว่าจะไม่มีวันเป็นเมียคนต่างชาติเด็ดขาดไม่ว่าเขาจะมาดีอย่างไรก็ตาม

ซอฮกซิวหรือนายจ้างคนนั้นเป็นชาวมาเลเซีย เป็นลูกชายคนที่ 6 ของตระกูลซอที่มีกิจการป่าไม้ขนาดใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์ แต่เขาไม่สู้พอใจที่จะทำธุรกิจในบ้านเกิดจึงออกแสวงหาแหล่งลงทุนใหม่แล้วก็มาติดใจเมืองไทย โดยเฉพาะลู่ทางสินค้าประเภทอาหารที่มองเห็นว่าประเทศไทยยังต้องนำเข้านมในปริมาณสูง ช่องทางจัดตั้งโรงงานนมจึงมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่สุดบริษัทอุตสาหกรรมนมไทยก็เกิดขึ้นในปี 2505 โดยมีบริษัทออสเตรเลียน แดรี่ จากออสเตรเลียเข้าร่วมหุ้นด้วย ผลิตนมภายใต้ชื่อ "มะลิ" ดอกไม้ที่ซอฮกซิวประทับใจมากจากเด็กขายพวงมาลัยสี่แยกราชประสงค์

ชีวิตของซอฮกซิวถึงจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ทว่าเขาก็ใช่ว่าจะสุขสบายนัก สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเขาแทบเอาตัวไม่รอดเพราะเป็นโรคขาดแคลนอาหารอย่างหนัก จนทำให้ความฝันที่อยากจะเป็นนายแพทย์ต้องพังทลาย

ซออกซิวกับสริยาเลขาฯ สวยคนไทยมีความเหมือนกันตรงที่พื้นฐานครอบครัวดี แต่การดำเนินชีวิตแทบจะผิดแผกแตกต่างกันสิ้นเชิง ซอใช้ชีวิตอย่างสมถะเจียมถ่อม เขาเรียนเก่ง ข้ามชั้นถึง 3 ชั้น ส่วนสริยาไม่ผิดหรอกที่จะบอกว่า เธอมีชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับความฟุ้งเฟ้อ หะหรูหะหรา แวดล้อมด้วยคนคอยเอาใจปรนนิบัติ และเรียนก็ผ่านมาอย่างคาบลูกคาบดอก

แต่ทั้งคู่กลับกลายเป็นคู่รักของกันและกัน

ไม่มีใครคิดหรอกว่าผู้หญิงเฟี้ยวอย่างสริยาจะต้องมาเกยน้ำตื้นกับความจริงจังของชายที่มีอายุมากกว่าหล่อนถึงสองรอบ

"ไอก็ชักชอบยูแล้ว เพราะยูตั้งใจที่จะรอคอยไอจริง ๆ" นั่นเป็นคำกล่าวของวันวานที่ยังอบอวลหวานชื่นอยู่ในสติสัมปชัญญะของสริยา

ใครมองเธอด้วยสายตาแคลงใจ แต่สริยาคิดว่าเธอเลือกทางเดินไม่ผิดที่จะกลายเป็น "เมียคนที่สอง" แต่เป็น "เมียคนแรก" ที่ซอลกฮิวยินดีที่จะจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ความรัก ความหลงคลั่งไคล้ในเรือนร่างที่อวบอิ่มพริ้มพราย ประกายตาที่ซุกซ่อนความยั่วยวนรัญจวนใจในตัวสริยากระนั้นหรือ ที่ถึงกับทำให้ผู้ชายที่เดินทางมาแล้วกว่าครึ่งค่อนชีวิตอย่างซอฮกซิวพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเชื่อมั่น เพื่อมัดใจให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

ทำไมนักรบที่ผ่านเกมธุรกิจมาอย่างโชกโชนอ่างเขาจะยอมลงจากอานในสนามรักอย่างสงบราบคาบและง่ายดายเพียงนี้

บางเหตุผลของคนบางคนย่อมมองว่าเป็นเพราะซออกซิวนั้นเป็น "โคแก่" แต่คงไม่มีใครนึกคิดหรอกว่า จริง ๆ แล้วผู้หญิงอย่างสริยาที่รู้เหลี่ยมเล่ห์ผู้ชายชนิดพลิกฝ่ามืออ่านเส้นลายมือได้อย่างลุ่มลึกคนนี้นั้น เธอคิดว่าผู้หญิงไม่ใช่ลูกมะนาวโปรยทานในงานศพ

"ON THE TOP" ในความเป็นภรรยามหาเศรษฐีของเธอเกิดขึ้นแล้วอย่างไม่คาดคิด เศรษฐินีพันล้านเป็นคำต่อท้ายชื่อของเธอ "สริยา สิวายุ" ไปในบัดดล!!!

รักลองสิงอยู่กับใจของใครแล้ว

โลกเหวย แม้ชีพจักดับสลาย ร่างรักก็ไม่รู้จักตาย

นั่นคงเป็นความจริงแท้ที่สุดที่ซอฮกซิวมีต่อเธอ เสน่ห์ที่เธอโปรยปรายมิเพียงทำให้ซอฮกซิวยอมจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเสียใหม่ว่า "ซอ สิวายุ" เขาให้ของขวัญการแต่งงานแก่เธอด้วยการเรมิตคฤหาสน์หลังงามที่มีราคาถึง 50 ล้านบาท ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่จะปรนเปรอชีวิตให้สุขสบาย การงานไม่ต้องทำเพียงทำหน้าที่เมียที่ดียามที่เขากลับมาถึงบ้านก็พอใจ

สริยาเองเหมือนล่วงรู้ความต้องการของผู้ชายที่เป็นสามีของเธอว่า เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความยกย่องจากยอดหญิงของเขา ด้วยกิริยาที่แสดงออก และไม่เหยียดหยามจนทำให้เขาเองกลายเป็นแมลงวันหัวเขียวเหมือนคู่รักบางคู่

ถ้าการอ่านคนเป็นกลศึกขั้นสุดยอดสริยาก็กลายเป็นผู้ชนะไปแล้ว ในสนามธุรกิจ ในองค์กรคนอย่างซออาจเป็นนัมเบอร์วันที่ทุกคนต้องฟังเขา หากแต่ในชีวิตจริงที่บ้านเขาอาจเป็นเพีงแค่ทารกเฝ้าวิงวอนขอนิยายรักประโลมหัวใจ

อะไร ๆ ที่เป็นของซอจึงดั่งตกอยู่กับสริยาทางอ้อมโดยปริยาย

ครั้นเมื่อถึงวันที่ไม่มีเขาซึ่งเป็นตัวตนจริง ๆ อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ไม่มีทางที่สริยาจะได้เขากลับคืนมาออดอ้อนฉอเลาะในคฤหาสน์หลังงามทุกค่ำคืนอีกแล้วนั้น และมันเป็นความบังเอิญที่ค่อนข้างจะโชคร้ายในตัวเธอที่แม้ว่าจะมีความงามพร้อม ทว่าส่วนที่ให้ความเป็นชีวิตมนุษย์กลับบกพร่องจึงทำให้ไม่มีลูกกับเขาเลยสักคน

ในความเงียบเหงาสริยาจะทำอย่างไร?

ที่จริงการเป็น "ม่าย" สักหนหนึ่งในชีวิตจะด้วยเหตุผลใดนั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อบางทีมันก็เป็นกฎทางธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทว่าสำหรับสริยาแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่!?

เพราะเจ้าหล่อนต้องมาตกพุ่มม่ายทั้ง ๆที่ความสาวสวยยังคงเปล่งปลั่งแม้วัยจะใกล้สี่สิบ ริ้วบนหน้าผากนูนของเธอยังงามเป็นเสน่ห์ด้วยความลาดกว้างได้ระดับ ลาดไหล่ไหปลาร้าหรือก็ไม่พร่องเป็นหลุมลึกจนน่าเกลียด รอยย่นที่ขอบตานั้นเล่าแทบไม่ปรากฏ เรือนผมยาวสลวยยังสีดำมะเมื่อมดุจสีนกดุเหว่า ผิวเนื้อก็ยังเต่งตึงมีน้ำมีนวลจนไร้รอยติ

แต่เธอก็เป็น "ม่าย" แล้วจริง ๆ และข้อที่แปลกแยกจากม่ายหลาย ๆ คนคือว่าเธอยังมีพร้อมทั้งความสาวสวย รวมไปถึงความ "ทรงเครื่อง" ที่รับผลมรดกเป็นพัน ๆ ล้านบาทจากสามี ครั้งหนึ่งใครเคยมองว่าเธอแต่งงานกับคนแก่เพราะเขารวย ครั้งนี้ที่จะพิสูจน์ความจริงนั้นได้มาถึงแล้ว

ว่าไปแล้วซอก็เป็นคนหนึ่งที่เตรียมพร้อมรับความตาย ทันทีที่รู้ความจริงจากหมอว่าชีวิตเขาพร่องลงทุกขณะ ก็จัดการโอนหุ้น-มรดกที่มีอยู่ให้กับคนที่เกี่ยวพันและคนที่รับผลพวงมากที่สุดก็ไม่พ้น "สริยา" ภรรยาสาวสวยคนเดียวที่เขามีอยู่

ในเมืองไทยซอมีธุรกิจหลักอยู่ 5 แห่งคือ บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย "นมมะลิ" บริษัทนาบิสโก้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปัง "นาบิสโก" จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปัง "นาบิสโก" บริษัทฮันตา จำกัด ที่ทำหน้าที่ด้านการเงินและเป็น HOLDING COMPANY ของเขา บริษัทซอเอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ที่ลงทุนทำเหมืองแร่ที่ยะลากับพี่ชายซึ่งเป็นหมอ และบริษัทอินดัสเตรียล ชีลด์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายวาวล์ที่ใช้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากบริษัทเบิร์กแมน อินดัสตรี สตีล ของเยอรมัน หุ้นส่วนในบริษัทเหล่านี้โดยเฉพาะกับบริษัทฮันตาที่เป็นหัวใจ เป็น HOLDING COMPANY โดยตรงของเขาที่เข้าไปถือหุ้นในหลาย ๆ กิจการและเป็นหุ้นใหญ่ของนมมะลิด้วยนั้น เขาโอนให้กับสริยาทั้งหมด

นั่นเท่ากับว่าในทางพฤตินัยแล้วนั้น สริยาได้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้านตัวจริง ถึงจะมีบางส่วนที่แบ่งให้กับลูกสาวของซอที่เกิดกับเมียคนแรกไปบ้าง ยังไงเธอก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของมรดกของ ซอ สิวายุโดยแท้

ความละเอียดอ่อนของซอเป็นเรื่องที่ต้องมองกันอย่างลุ่มลึก เขารักและหวงเมียสาวจนไม่ให้ทำงานต่อที่นมมะลิก็จริงอยู่ ทว่าหลายครั้งที่เขาเดินทางไปติดต่องานในต่างประเทศเป็นต้องหนีบเอาเมียไปเรียนงานด้วย และการตั้งบริษัทขายวาวล์อย่างอินดัสเตียล สตีล ขึ้นมานั้นนัยหนึ่งเพื่อให้เป็นโรงเรียนสอนการปฏิบัติทางธุรกิจแก่เมีย

ซอทำทุกอย่างค่อนข้างเงียบเชียบ แต่เขาคิดไว้แล้วว่า วันหนึ่งถ้ามีอันต้องลาโรงก็เป็น "เมีย" ของเขานี่ล่ะที่จะขึ้นมารั้งแทน สริยาเองก็ได้ชื่อว่าถึงจะเป็นคนโผงผางแต่น้ำหนักคำพูดของเธอก็มีจังหวะจะโคนไม่เช่นนั้นแล้ววัยสาวคงไม่สามารถมัดใจชายให้ลุ่มหลงได้ถึง 7-8 คน

และเธอยังเฉียบขาดเข้มงวดนักในเรื่องการเงิน!!

ภายหลังการตายของซอเสียงกล่าวขวัญถึงเมียคนสวยของเขามักออกไปทำนองที่ว่า "จะไหวหรือสมบัติของนายซอจะปี้ป่นไหม ก็ในเมื่อเธอไม่เคยทำอะไรออกหน้าเลยสักอย่าง"

ในคฤหาสน์หลังงามราคา 50 ล้าน สริยายังเก็บตัวเงียบไว้อาลัยกับความตายของสามี แต่เธอก็มีการติดต่อข่าวคราวกับเส้นสายกลในบริษัทต่าง ๆ ของสามีอย่างเป็นปกติ

ผู้หญิงที่เคยอ่านราชสีห์อย่างซอจนสยบอย่างเธอกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่นะ???

"ฉันคิดว่าต้องเข้าไปดูงานในบริษัทเหล่านั้นอย่างจริงจัง ขอเพียง TAKE TIME สักระยะหนึ่งก่อน"

"ดูสิผัวตายยังไม่ทันเท่าไร ในนมมะลิก็มี MOVEMENT กันแล้ว คนนั้นเส้นคนนี้จะขึ้นมากันบ้างล่ะ จะถีบจะกันคนนั้นออกไป ข้อสำคัญหุ้นของผัวเรา" สริยาบ่นเบา ๆ กับคนรู้จักหลังจับตาการเคลื่อนไหวภายในบริษัทโดยเฉพาะกับนมมะลิ

แล้วเธอก็รู้ว่าบางคนคิดไม่ซื่อเสียแล้ว!??

คนอย่างซอนั้นมีอีกข้อหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ "เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้ใจใคร" ดังนั้นข้อมูลที่เขาเก็บเอาไว้สำหรับคนเป็นเมียอย่างสริยาแล้วไม่มากก็น้อยที่ต้องรับรู้บ้าง ซึ่งมันคงมีประโยชน์ต่อเธอไม่น้อยถ้าเธอตัดสินใจที่จะกระโจนลงไปในสนามธุรกิจ

"ฉันลงไปแน่ จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเอาไว้ เพราะฉันรู้จักเขาดีที่สุด จริงอยู่ฉันอาจไม่มีความสามารถในการบริหารมากนัก แต่เชื่อว่าเรียนรู้ได้เพราะมีพื้นฐานมาก่อน ยิ่งในนมมะลิฉันเคยอยู่มาแล้วด้วยคงง่ายขึ้น" สริยาเคยพูดให้สัญญาไว้กับเพื่อน

สัญญานี้คงไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอยและเชื่อเถอะว่าคนรวยอย่าง ซอ สิวายุ คงไม่บ้าพอที่จะเลือกผู้หญิงสักคนหนึ่งมาเป็นเมียเพียงเพราะเจ้าหล่อนสวยและมีเสน่ห์บาดลึกกินใจเท่านั้น คุณค่าและความสามารถของเธอก็ต้องมีบ้าง เพียงรอวันปะทุออกมาเท่านั้น

สำหรับสริยาหากเธอคิดจะต่อสู้คงไม่โดดเดี่ยวลำพัง เพราะยังมีพี่ชายที่เป็นทนายความชื่อดัง ซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือน้องสาว (สิทธิโชค ศรีเจริญ) และยังมีน้องชายที่จบวิศวกรรม ซึ่งเป็นเขยของพ่อค้าคนหนึ่งที่มีเพื่อนเป็นนายทหารใหญ่อยู่หลายคน นอกจากนี้เธอยังสนิทชิดเชื้อกับตระกูลใหญ่ที่คุมแบงก์อย่าง "โสภณพนิช" ถึงขนาดที่ลูกสาวคนสุดท้อง (ชดช้อย โสภณพนิช) ยังยอมยกลูกชายให้เป็นลูกบุญธรรมของเธอคนหนึ่ง

กำลังหลักเหล่านี้พร้อมเสมอที่จะช่วยเธอ นอกจากนี้เธอยังเบนเข็มการเรียนของลูกสาวของซอสองคนที่อเมริกา ซึ่งหวังและตั้งใจที่จะศึกษาด้านเคมีอุตสาหการให้มาสนใจด้านบริการธุรกิจแทน โดยที่เธอบอกกับคนใกล้ชิดว่า

"เมื่อเขาเรียนจบจะได้ดึงมาทำงานร่วมกัน รักษาสมบัติของพ่อและผัวเอาไว้ร่วมกัน"

สัญญาข้อหนึ่งที่เธอได้ให้ไว้กับซอหลังจากที่เขาโอนหุ้นมาให้พร้อมกับคำบอกกล่าวที่ว่า "ยูรู้จักไอดีที่สุด ย่อมรู้นะสิ่งที่ไอสร้างมาไอต้องการให้มันเป็นอย่างไร"

วันนี้ เวลานี้ บางครั้งเธออยากแผดเสียงกลบกลืนความรู้สึกในใจให้จิตวิญาณของเขาได้รับรู้ว่า

"คนแก่ที่ฉันรักและเคารพ สัญญาที่ให้กับคุณไว้ เรื่องอะไรที่คุณทำได้ จะไม่มีวันให้ใครมาเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด เมื่อไม่มีคุณทุกอย่างคงเดิม ฉันจะรักษาสถานภาพเอาไว้ให้คงมั่น"

"และแน่นอนไม่มีคุณก็ฉันก็จะไม่มีใครเป็นอันขาด"

บนเส้นทางธุรกิจที่สับสนอลหม่าน มีผู้หญิงกล้าประทับย้ำความรุ่งโรจน์ของพวกเธอผ่านไปแล้วหลายคน สำหรับ สริยา สิวายุ ม่ายสาวทรงเครื่องคนล่าของสังคมผู้นี้เธอกำลังจะเริ่มต้นที่จะท้าทายอย่างเป็นจริงเป็นจัง

เลือดที่ย่อมเปลี่ยนสีได้ ความดำมืดย่อมต้องมาก่อนแสงสว่างอรุณไรทุก ๆ ครั้งมิใช่หรือ? และถ้าเธอโชคดี คิดว่าคงมีโอกาสได้เขียนถึงความสำเร็จเฉกเช่นสามีของเธอได้เคยกระทำให้เป็นจริงมาแล้วอีกครั้งหนึ่งในไม่ช้า??

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us