Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2531
ประดลเดช กัลยาณมิตร ลืมแล้วหรือยัง?             
 

   
related stories

สนั่น-รพช. บทเรียนของคนที่คิดว่าตนมีอำนาจ
สนั่น วงศ์พัวพันธุ์ มังกร (โดน) ขอดเกล็ด
บพิตร นพสุวรรณวงศ์ 'ผมทำเพื่อความถูกต้อง

   
search resources

สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท
ประดลเดช กัลยาณมิตร
Political and Government




เรื่องอื้อฉาวเคล้าสาบเงินใน รพช. ที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อเก้าปีที่แล้วเป็นเรื่องที่เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนทั่วไปแล้ว แต่สำหรับคนใน รพช. เองเรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องที่จดจำกันอยู่ เพราะตัวผู้ถูกกล่าวหาในครั้งนั้น ทุกวันนี้ยังนั่งเก้าอี้ตัวเดิมกับที่เคยนั่งอยู่เมื่อครั้งที่มีเรื่องมีราวกัน

กรณีนี้ลงเอยด้วยคำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรมว่า จำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ปลอดพ้นจากมลทินแห่งความทุจริต ฉ้อโกง เป็นเรื่องพลิกล็อคที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องอารมณ์ค้าง เพราะหมายมั่นปั้นมือกันมาแต่แรกว่า "ไม่รอดแน่"

แต่เมื่อศาลเห็นเป็นเช่นนี้ ก็ต้องว่ากันตามศาล จะมีอะไรยอกย้อนซ้อนเงื่อนก็ไม่ต้องไปใส่ใจแล้ว

คดีกินถนน รพช. 26 สายเมื่อปี 2522 ผู้ถูกกล่าวหาโดยตรงคือ ประดลเดช กัลยาณมิตร นายช่างใหญ่ของ รพช. ในขณะนั้น

ตำแหน่งนายช่างใหญ่ เป็นตำแหน่งระดับ 9 เทียบเท่ารองเลขาธิการ รพช. มีหน้าที่ควบคุมงานด้านเทคนิคของกองสำรวจและออกแบบ ว่ากันตามอำนาจหน้าที่แล้ว ตำแหน่งนี้ไม่มีช่องทางที่จะแสวงหาผลประโยชน์แต่อย่างใดเพราะเป็นตำแหน่งทางด้านวิชาการ

เผอิญในตอนนั้นประดลเดชกินตำแหน่งผู้จัดการโครงการเงินกู้จากธนาคารโลกอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย เป็นโครงการสร้างถนนในภาคอีสานที่ธนาคารโลกช่วยเหลือ ซึ่งได้รับอนุมัติเงินกู้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2520 เป็นจำนวน 575 ล้านบาท เพื่อสร้างถนนยาว 1,310 กิโลเมตร อยู่ในภาคอีสานทั้งหมด

การก่อสร้างถนนแบ่งออกเป็น 9 สัญญา สัญญาหนึ่ง ๆ กำหนดระยะทางที่จะต้องสร้างประมาณ 130-150 กิโลเมตร ถนนสายที่เกิดปัญหาเพราะว่ากันว่ามีคนจ้องจะงาบอยู่ในสัญญาที่ 4 และ 5 มีจำนวน 26 สาย ในสามจังหวัดคือ เลย ขอนแก่นและอุดรธานี

รพช. ในระยะแรกที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ๆ นั้น ขาดแคลนกำลังคนที่มีความชำนาญงาน องค์การยูซ่อมซึ่งช่วยเหลือในการจัดตั้ง รพช. จึงแนะนำรัฐาลไทยให้ว่าจ้างบริษัทเอกชนที่มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาโครงการต่าง ๆ ของ รพช.

คำชี้แนะของยูซ่อมเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ รพช. มองเห็นลู่ทางในการทำมาหากิน บรรดานายช่างจึงได้จัดตั้งบริษัทที่ปรึกษาขึ้นโดยมีเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องเป็นผู้ถือหุ้น ประดลเดชเองก็มีบริษัทของตนเองชื่อ ที. อี. ซี. หรือ ไทยแลนด์ เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ มีประกอบ อุดมเดชเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้จัดการ

ประกอบกับประดลเดชเป็นเพื่อนเรียนวิศวที่จุฬาฯ มาด้วยกันและยังไปเรียนต่อที่เมืองนอกพร้อม ๆ กันด้วย นอกจากประกอบแล้วยังมีภรยาของประดลเดชคือ สายัณห์ และพี่ชายของสายัณห์ ชื่อ ร.ท. เรืองฤทธิ์ เลิศพฤกษ์ ถือหุ้นอยู่ใน ที.อี.ซี. ด้วย

ที.อี.ซี. ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาในโครงการสร้างถนน 26 สายนี้ มีหน้าที่สำรวจ ออกแบบ ประเมินราคากลางและควบคุมการก่อสร้าง ถึงแม้ว่าเลขา รพช. ในตอนนั้นประสงค์ สุขุม จะพายามตรวจสอบความเป็นมาของบริษัทนี้ก่อนที่จะเสนอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา แต่ประสงค์กลับถูกย้ายไปเป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนเสียก่อน

มหาดไทยในปี 2520 มีสมัคร สุนทรเวชเป็นเจ้ากระทรวงอยู่ แม่ของประดลเดชก็คือป้าของสมัคร ประดลเดชจึงมีศักดิ์เป็นลูกผู้พี่

กรสำรวจและประเมินราคาของ ที.อี.ซี. นั้น ต่อมาได้ถูกตีแผ่ว่าเป็นเรื่องแหกตาเพื่อหวังจะเขมือบ โดยที่ประดลเดชในฐานะผู้จัดการโครงการเงินกู้ที่เป็นเจ้าของเองก็เห็นดีด้วยกับรายงานของ ที.อี.ซี.

รายการแหกตาครั้งนี้ก็คือถนนทั้ง 26 สายที่ ประดลเดชมอบหมายให้ ที.อี.ซี. สำรวจออกแบนั้น เป็นถนนที่มีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่สร้างขึ้นตามโครงการเงินผันในสมัยที่คึกฤทธิ์เป็นนายกและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เพียงแต่ปรับปรุงเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผลการสำรวจของ ที.อี.ซี. ต้องสร้างขึ้นใหม่ทั้ง 26 สาย บางสายต้องใช้งบประมาณในการถางทางเพื่อทำการสำรวจเพราะว่าเป็นป่าทึบ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการยกเมฆขึ้นทั้งสิ้น

ถนนสายหนึ่งในอำเภอกุมภวาปี เป็นถนนที่โรงงานน้ำตาลกุมภวาปีสร้างขึ้นเพื่อลำเลียงอ้อยเข้าโรงงาน มีความยาว 10.8 กม. กว้าง 7 เมตร บางส่วนได้ลาดยางไปแล้ว ประดลเดชกลับกำหนดให้เป็นถนนที่ต้องสำรวจเพื่อสร้างใหม่ และระบุว่าเป็นป่าต้องใช้งบประมาณในกรถางป่า 180 ไร่เพื่อทำการสำรวจ ในรายงานการสำรวจถนที่จะสร้างใหม่ทับเส้นเดิมมีความกว้างเพียง 5 เมตรเท่านั้น และเป็นถนนลูกรังทั้งหมด

การประเมินราคาสร้างถนนใหม่ของ ที.อี.ซี. ตกกิโลเมตรละ 4 แสนบาท ขณะที่ถ้า รพช. ทำเองจะตกไม่เกินกิโลเมตรละ 1 แสน 6 หมื่นบาท หรือถ้าเป็นการซ่อมก็ตกกิโลเมตรละ 6 หมื่นบาทเท่านั้น

ทั้ง 26 สายมีระยะรวมกันเกือบ 300 กิโลเมตร จะเป็นเงินเท่าไรก็ลองคำนวณกันเองก็แล้วกัน

ถ้าหากว่าญาติสนิทยังคงเป็นใหญ่อยู่ที่ริมคลองหาด รายการนี้ก็คงจะผ่านอย่างสบาย ถึงขั้นที่หาตัวผู้รับเหมาเข้ามาเล่นละครกันต่อไปอีก พอดีตอนนั้นมีการผลัดอำนาจ รัฐบาลหอยโดนเปลือกหอยเขี่ยทิ้งไป ผู้ที่มานั่งเป็นเจ้ากระทรวงคือ พลเอกเล็ก แนวมาลี มีนายทหารบ้านนอกที่เป็น ผบ. ทบ. ในขณะนั้นชื่อพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ และรักษาการในตำแหน่งประธานโครงการเงินกู้ธนาคารโลกอยู่

ข่าวคราวการเขมือบถนน 26 สายนี้ ลอยไปเข้าหูพลเอกเปรม จึงมีการตั้งกรรมการสอบสวนและย้ายประดลเดชเข้าประจำกระทรวงเมื่อเดือนมกราคม 2522

ผลการสอบสวน ประดลเดชมีความผิดจริง พลเอกเปรมจึงส่งเรื่องต่อให้ทางกองปราบเพื่อสอบต่อทางอาญา ปลายเดือนมีนาคม 2522 กองปราบได้จับกุมตัวประดลเดช และบรรจงศักดิ์ ปานทอง หัวหน้ากองวิชาการและเทคนิควิศวกรรมในฐานะนายช่างผู้ควบคุมโครงการ ทั้งสองคนถูกส่งตัวฟ้องศาลเมื่อเดือนมิถุนายน 2522 ในข้อหาร่วมกันปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และทำให้รัฐต้องเสียผลประโยชน์

การต่อสู้กันทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ว่า รายการแหกตากินถนนครั้งนี้ เป็นการแหกตากันจริง ๆ หรือเปล่า ยืดเยื้อกันถึงสามศาลตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2522 ถึงเมษายน 2526

ทั้งศาลชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกาตัดสินให้ยกฟ้อง เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของประดลเดชเป็นไปตามระเบียบแบแผนของทางราชการ ไม่ปรากฏว่าได้มีการทุจริต ตามที่โจทก์ฟ้องแต่ประการใด

ประดลเดชจึงกลับมานั่งเป็นนายช่างใหญ่ตามเดิมจนถึงทุกวันนี้ แต่ยังมีคดีทางแพ่ง ซึ่งสืบเนื่องจากกรณีนี้อยู่ โดย รพช. เป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 70 ล้านบาท กว่าจะรู้ดำรู้แดงคงกินเวลาอีกหลายปี เพราะเริ่มฟ้องตั้งแต่ปี 2527 จนถึงตอนนี้เพิ่งจะสืบพยานโจทก์ไปได้ปากเดียว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us