|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บิ๊กใบโพธิ์ยันคงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 5% คิดเป็นสินเชื่อใหม่แสนล้าน ยันยอดหนี้เอ็นพีแอลอยู่ในระดับ 5% พร้อมคุมความเสี่ยงการปล่อยกู้ของบ.ลูกอยู่แล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 5% หรือคิดเป็นมูลค่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 300,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าสิทธิที่ 100,000 ล้านบาท โดยธนาคารจะควบคุมดูแลในการปล่อยกู้ทั้งในส่วนของธนาคารเอง และบริษัทลูก เนื่องจากเป็นบริษัทที่ธนาคารถือหุ้นอยู่เต็ม 100% หากไม่บริหารจัดการให้ดีก็จะส่งผลเสียต่อธนาคารเอง
"ที่ว่ามีสถาบันจัดอันดับเครดิตประเมินว่าธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีหนี้ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)อยู่ในอัตราค่อนข้างสูงถึง 10% นั้น ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์เองขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว แต่ยืนยันว่าตัวเลขเอ็นพีแอลของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ 5% และถือว่าไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับระบบ"
นอกจากนี้ ในส่วนของสภาพคล่องธนาคารทั้งระบบในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการออกพันธบัตรมาทำให้มีการดูดสภาพคล่องออกไป ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการย้ายสภาพคล่องจากธนาคารพาณิชย์ไปไว้ที่ พันธบัตรเท่านั้น
ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์พี)นั้น คาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่อีกระยะหนึ่ง โดยจะต้องพิจารณาถึงทิศทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งขณะนี้สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีความเปราะบางอยู่ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้นก็คงจะต้องดูที่สภาพคล่องเป็นหลัก และหากมีการปรับขึ้นก็คงจะต้องปรับขึ้นทั้ง 2 ด้านคือดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้
"กรณีที่มีข่าวว่าธนาคารอินเดียกำลังมีการเจรจาเพื่อซื้อธนาคารที่ตั้งอยู่ ในภูมิภาคเอเชียนั้น ธนาคารเองมองว่าไม่มีผลกระทบอะไร เพราะเป็นเรื่องของบุคคลภายนอกซึ่งไม่เกี่ยวกับเรา"
นายวิชิตกล่าวในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี SCB Annual Conference on the Economy : SCB ACE หัวข้อ “กลยุทธ์หลังวิกฤติ ทิศทางปี 2553” ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยนับแต่ครึ่งหลังปีนี้จนถึงปี 2553 น่าจะปรับตัวมาเป็นบวกมากขึ้น จากราคาพืชผลการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำตาลและยางพาราเริ่มสูงขึ้น และหากปัจจัยทางการเมืองไม่มีอะไรที่รุนแรงเกิด ก็เชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆฟื้นจนกระทั่งมีความชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากภาวะต่างๆในปัจจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี หรือการไหลเวียนของธุรกิจและเงินทุน ทำให้ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญในการเป็นแหล่งความรู้ที่ลูกค้าและภาคธุรกิจ สามารถใช้เป็นประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจและการตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆที่ เปลี่ยนไป โดยอาศัยทุกช่องทางของธนาคารในการให้ความรู้และให้บริการออกไปในวงกว้างให้ มากขึ้น
“ธนาคารได้ตระหนักแล้วว่าจะเป็นเพียงแหล่งเงินทุนอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องมีสมรรถภาพในการให้ข้อมูลและความรู้แก่ลูกค้าของธนาคารด้วย เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารไปยังลูกค้าและนักธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัวมาก ขึ้น แต่การฟื้นตัวดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปเหมือน 2 ปีที่ผ่านมาที่การบริโภคขยายตัวมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ การบริอุปโภคบริโภคอยู่ในระดับสูง และเกิดปัญหาตามมากได้ ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ภาคธุรกิจต่างๆจะต้องเข้าใจทิศทางหลังจากที่เศรษฐกิจได้ ผ่านยุควิกฤต”
พร้อมเปิดทางขาย SICCO
ส่วนกรณีการขายหุ้น บริษัท เงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) ที่่ธนาคารถือหุ้นอยู่ประมาณ 40% นั้น นายวิชิตกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ของธนาคารที่ดูแลด้านการลงทุนและการขายสินทรัพย์ โดยยอมรับว่ามีผู้ที่ให้ความสนใจติดต่อขอซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวหลายราย ซึ่งธนาคารต้องการที่จะดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยและธปท. ด้วย
"การจัดการให้เรียบร้อยเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นและธปท. ซึ่งเรื่องก็เดินหน้าไปแล้ว แต่ใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ ผู้ที่กำลังดูเรื่องนี้อยู่เราได้ให้นโยบายไปนานแล้ว มีคนมาขอซื้อ SICCO หลายราย แต่หน้าที่ดูแลอยู่ที่ CFO".
|
|
|
|
|