Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน2 กันยายน 2552
ไทยพาณิชย์คงเป้าสินเชื่อปีนี้โต5% ยันคุมบ.ลูกปล่อยกู้ไม่กระทบNPL             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารไทยพาณิชย์

   
search resources

ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
วิชิต สุรพงษ์ชัย
Banking and Finance




บิ๊กใบโพธิ์ยันคงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 5% คิดเป็นสินเชื่อใหม่แสนล้าน ยันยอดหนี้เอ็นพีแอลอยู่ในระดับ 5% พร้อมคุมความเสี่ยงการปล่อยกู้ของบ.ลูกอยู่แล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 5% หรือคิดเป็นมูลค่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 300,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าสิทธิที่ 100,000 ล้านบาท โดยธนาคารจะควบคุมดูแลในการปล่อยกู้ทั้งในส่วนของธนาคารเอง และบริษัทลูก เนื่องจากเป็นบริษัทที่ธนาคารถือหุ้นอยู่เต็ม 100% หากไม่บริหารจัดการให้ดีก็จะส่งผลเสียต่อธนาคารเอง

"ที่ว่ามีสถาบันจัดอันดับเครดิตประเมินว่าธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีหนี้ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)อยู่ในอัตราค่อนข้างสูงถึง 10% นั้น ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์เองขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว แต่ยืนยันว่าตัวเลขเอ็นพีแอลของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ 5% และถือว่าไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับระบบ"

นอกจากนี้ ในส่วนของสภาพคล่องธนาคารทั้งระบบในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการออกพันธบัตรมาทำให้มีการดูดสภาพคล่องออกไป ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการย้ายสภาพคล่องจากธนาคารพาณิชย์ไปไว้ที่ พันธบัตรเท่านั้น

ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์พี)นั้น คาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่อีกระยะหนึ่ง โดยจะต้องพิจารณาถึงทิศทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งขณะนี้สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีความเปราะบางอยู่ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้นก็คงจะต้องดูที่สภาพคล่องเป็นหลัก และหากมีการปรับขึ้นก็คงจะต้องปรับขึ้นทั้ง 2 ด้านคือดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้

"กรณีที่มีข่าวว่าธนาคารอินเดียกำลังมีการเจรจาเพื่อซื้อธนาคารที่ตั้งอยู่ ในภูมิภาคเอเชียนั้น ธนาคารเองมองว่าไม่มีผลกระทบอะไร เพราะเป็นเรื่องของบุคคลภายนอกซึ่งไม่เกี่ยวกับเรา"

นายวิชิตกล่าวในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี SCB Annual Conference on the Economy : SCB ACE หัวข้อ “กลยุทธ์หลังวิกฤติ ทิศทางปี 2553” ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยนับแต่ครึ่งหลังปีนี้จนถึงปี 2553 น่าจะปรับตัวมาเป็นบวกมากขึ้น จากราคาพืชผลการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำตาลและยางพาราเริ่มสูงขึ้น และหากปัจจัยทางการเมืองไม่มีอะไรที่รุนแรงเกิด ก็เชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆฟื้นจนกระทั่งมีความชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากภาวะต่างๆในปัจจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคโนโลยี หรือการไหลเวียนของธุรกิจและเงินทุน ทำให้ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญในการเป็นแหล่งความรู้ที่ลูกค้าและภาคธุรกิจ สามารถใช้เป็นประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจและการตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆที่ เปลี่ยนไป โดยอาศัยทุกช่องทางของธนาคารในการให้ความรู้และให้บริการออกไปในวงกว้างให้ มากขึ้น

“ธนาคารได้ตระหนักแล้วว่าจะเป็นเพียงแหล่งเงินทุนอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องมีสมรรถภาพในการให้ข้อมูลและความรู้แก่ลูกค้าของธนาคารด้วย เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารไปยังลูกค้าและนักธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มมีการฟื้นตัวมาก ขึ้น แต่การฟื้นตัวดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปเหมือน 2 ปีที่ผ่านมาที่การบริโภคขยายตัวมาก ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ การบริอุปโภคบริโภคอยู่ในระดับสูง และเกิดปัญหาตามมากได้ ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ภาคธุรกิจต่างๆจะต้องเข้าใจทิศทางหลังจากที่เศรษฐกิจได้ ผ่านยุควิกฤต”

พร้อมเปิดทางขาย SICCO

ส่วนกรณีการขายหุ้น บริษัท เงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) ที่่ธนาคารถือหุ้นอยู่ประมาณ 40% นั้น นายวิชิตกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ของธนาคารที่ดูแลด้านการลงทุนและการขายสินทรัพย์ โดยยอมรับว่ามีผู้ที่ให้ความสนใจติดต่อขอซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวหลายราย ซึ่งธนาคารต้องการที่จะดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยและธปท. ด้วย

"การจัดการให้เรียบร้อยเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นและธปท. ซึ่งเรื่องก็เดินหน้าไปแล้ว แต่ใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ ผู้ที่กำลังดูเรื่องนี้อยู่เราได้ให้นโยบายไปนานแล้ว มีคนมาขอซื้อ SICCO หลายราย แต่หน้าที่ดูแลอยู่ที่ CFO".   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us