Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2531
เบนซ์แวนกับ "เสี่ยเล็ก" ไอ้แดงนะ…ไอ้แดง..เรื่องนิดเดียวทำให้ใหญ่ได้             
 


   
search resources

ธนบุรีพาณิช
เล็ก วิริยะพันธ์
Auto Dealers




คนที่ (น่าจะ) ปวดใจมากที่สุดคนหนึ่งในความมัวหมองของเบนซ์แวน (อ่านรายละอียดในเล่มนี้) ก็คือ เล็ก วิริยะพันธ์

เล็ก วิริยะพันธ์ หรือที่เรียกสั้น ๆ "เสี่ยเล็ก" คนก็ร้องอ๋อกันแล้วนั้น เขาเป็นเจ้าของบริษัทธนบุรีพานิช จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถเบนซ์แวนแต่ผู้เดียวในประเทศไทย และยังเป็นเจ้าของเมืองโบราณที่สมุทรปราการที่รู้จักกันดีอีกด้วย

ความร่ำรวยของ "เสี่ยเล็ก" มีมากขนาดที่ว่ายอมที่จะถอนขนหน้าแข้งตัวเองเดือนละเส้นสองเส้นให้ลูกสาวนำมาเป็น "ทุน" ทำนิตยสารระดับคุณภาพที่เสี่ยงต่อการขาดทุนค่อนข้างสูงเล่มหนึ่งถึงขวบปีที่สี่แล้ว นิตยสารเล่มนั้นหลายคนบอกว่าเสี่ยเล็กหวังเพียงชื่อเสียงของตระกูลให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงไปชั่วนิรันดร์กาล

ปี 2530 ปีที่ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักอีกหน อัตราการเพิ่มถัวเฉลี่ยของหลายค่ายอาจเป็นเรื่องปกติหรือไม่บางทีก็ผิดหวังอยู่ลึก ๆ นั้น สำหรับธนบุรีพานิชแล้วถือได้ว่าเป็นปีที่มีอาการผิดสำแดงในทางที่ดีค่อนข้างสูง จนเป็นปีที่เสี่ยเล็กสามารถที่จะเปล่งเสียงหัวเราะได้ดังกว่าใคร ๆ

จะไม่ให้หัวเราะร่วนได้อย่างไร? ในเมื่อเปิดตัวเบนซ์ออกมาแต่ละรุ่นคิวสั่งจองจนเต็มเพียบ เล่นเอาดีลเลอร์ 14 แห่งพลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะราย "ยงวัฒนาธุรกิจ" และ "โค้วยู่ฮะมอเตอร์" ของเสี่ยวิญญู คุวานนท์ เจ้าพ่ออีสานตัวจริง

นอกจากนี้เสี่ยเล็กยังหากินกับกองทัพบกได้อย่างเป็นล่ำเป็นสันกว่าใครอีกด้วย!!??

คงจำกันได้ว่าเมื่อปี 2528 ที่กองทัพบกมีโครงการซื้อรถช่วยรบขนาด 1.5 ตัน ซึ่งมีบริษัทเสนอตัวนับสิบ ๆ บริษัท กระทั่งในที่สุดกองทัพบกได้ตัดสินใจสั่งซื้อรถยูนิม็อคจำนวน 1,890 คัน คันละ 1,370,000 บาท รวมแล้วกองทัพบกจ่ายไปเหนาะ ๆ แค่ 2,593,300,000 บาท

รายรับมหาศาลอย่างนี้คนที่ได้ไปย่อมยิ้มได้ไม่มีวันหุบและคน ๆ นั้นก็คือเสี่ยเล็ก เพราะรถยูนิม็อคนี้ประทับตรา "เบนซ์" นั่นเอง งานเที่ยวนี้ ดร. ไพโรจน์ ซึ่งเป็นมือขวาของ "เสี่ยเล็ก" เคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่ายัง ๆ เบนซ์ก็ต้องมาวินแน่นอน

เสี่ยเล็กใหญ่หรือไม่ใหญ่นั้นดูกันแค่นี้ก็ได้แล้ว!!!

ยังไม่พอมีข่าวแว่วมาอีกว่าธนบุรีพานิชและเบนซ์เลียบ ๆ เคียง ๆ ที่จะขายรถจี๊ปให้กับกองทัพบกอีกหลายร้อยคัน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าขุมทรัพย์จากรายการนี้อาจเป็นจริงในเร็ว ๆ วัน เพราะขณะนี้สถานการณ์ทางการทหารเรียกร้องความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากเสียด้วยซี่

มองมุมไหน ๆ เสี่ยเล็กก็ต้องแฮปปี้ ๆ!!??

แต่อย่างว่านั้นแหละไม่มีเรื่องหนักใจไหนเลยจะพิสูจน์ความเป็นทองแท้ของคนเราได้!!

เป็นเพราะความที่ไม่อยากเสียเวลา เสียดอกเบี้ย ไปกับการรอรุ่นใหม่ ๆ ไปเปล่า ๆ ธนบุรีพานิชเลยสบช่องที่จะหากินของง่าย ๆ กับ "เบนซ์แวน" (อ่านจากเรื่องในเล่ม) เพราะเห็นแล้วว่างานนี้มีแต่กำไรลูกเดียว คนที่เป็นต้นคิดก็คือ "เสี่ยแดง" ซึ่งเป็นลูกชายสุดโปรดของเสี่ยเล็ก

ที่จริงเบนซ์แวนถ้าปล่อยให้ขายตามปกติก็ย่อมขายได้อยู่แล้ว พะยี่ห้อเบนซ์เสียอย่าง หนำซ้ำราคาไม่แพงเกินไปนักมีหรือที่ใครไม่อยากได้

แต่ไหน ๆ จะขายทั้งทีเพื่อให้รถรุ่นนี้ขายได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น เพื่อที่จะบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถรุ่นเดียวที่ขายได้เปรี้ยงปร้างมากที่สุด เรื่องที่น่าจะเป็นปกติก็เลยผิดปกติ ด้วยสาเหตุที่ว่า มีการวิ่งเต้นให้รถรุ่นนี้จดทะเบียนเป็นรถบรรทุกที่ไม่ต้องเสียภาษี

กล่าวโดยแง่การค้า การกระทำอย่างนี้เรียกได้ว่า "ไม่ผิด"

ทว่าในแง่การปฏิบัติทางราชการมันเป็นเรื่องที่พานให้เสื่อมเสียได้ง่าย ๆ

ฮอทไลน์ที่มีส่วนช่วยเหลืองานนี้ให้สะดวกขึ้นมีมูลเหตุว่ามีพ่อค้าคนหนึ่งซึ่งมีเมียเป็นน้องสาวนายตำรวจนอกราชการคนหนึ่ง (พ.ต.ท. "น") ได้ขอร้องพี่เขยให้ช่วยวิ่งเต้นกอปรกับพี่เขยคนนี้มีนายตำรวจที่ซี้ย่ำปึ๊กคนหนึ่งอยู่ที่กองกำกับการตำรวจรถไฟ จึงไหว้วานให้เพื่อนคนนี้พูดจากับนายเวรนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง (พ.ต.อ. "อ") ช่วยขอร้องให้นายตำรวจที่มีหน้าที่เรื่องทะเบียนผ่านเรื่องให้เร็วขึ้น

นายเวรคนนี้เส้นแข็งจริง ๆ เพราะว่าหลังจากที่ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นนายปลดเกษียณก็ถูกย้ายไปเป็นใหญ่ถึงผู้กำกับจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก ซึ่งการย้ายเที่ยวนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าไม่เหมาะสม เพราะตำแหน่งนายเวรนั้นเทียบได้กับผู้กำกับก็จริงอยู่ แต่ควรเป็นผู้กำกับในกรมมากกว่าที่จะไปเป็นผู้กำกับจังหวัดที่มีผลประโยชน์ได้เสียมากมาย

พ.ต.อ. "อ" อดีตนายเวรคนนั้นได้ชื่อว่าเป็นศษย์ก้นกุฏิของนายตำรวจใหญ่ที่กองบัญชาการสอบสวนกลางคนหนึ่ง เรื่องเลยถูกส่งผ่านกันเป็นทอด ๆ ชนิดที่เรียกว่า "ม้วนเดียวจบ วันเดียวเสร็จสิ้น" โดยง่ายดาย ง่ายเสียจนขนาดมีหนังสือแย้งจากกรมสรรพากรก็ยังดำเนินการจดทะเบียนกันต่อไป

ค่าใช้จ่ายในการวิ่งรับส่งไม้ผลัดเที่ยวนี้ว่ากันว่าหมดไปไม่มากนักเพียงแค่ 17 ล้านบาทเท่านั้นเอง โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ในสูตร "9-2-2-1-1-2" ตามตำแหน่งและหน้าที่ที่มีความสำคัญลดหลั่นกันลงไป

ปกติเสี่ยเล็กไม่ชอบเรื่องกินนอกกินในอยู่แล้ว ยิ่งพอเบนซ์แวนมามีเรื่องฉาวโฉ่ก็เลยยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้น เพราะงานนี้พ่อค้าคนนั้นที่กุลีกุจออยากช่วยให้เบนซ์ขายง่ายขึ้นเป็นคนที่เสี่ยแดงลูกชายรู้จักดี!!??

รำพึงรำพันจากเสี่ยเล็กเลยดังขึ้นอย่างขึ้งโกรธในวันหนึ่งว่า "ไอ้แดงนะ…ไอ้แดง…เรื่องนิดเดียวทำให้ใหญ่ได้" คนที่ใกล้ชิดเสี่ยเล็กจริง ๆ บอกกับ "ผู้จัดการ" อย่างนี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us