คนที่ (น่าจะ) ปวดใจมากที่สุดคนหนึ่งในความมัวหมองของเบนซ์แวน (อ่านรายละอียดในเล่มนี้)
ก็คือ เล็ก วิริยะพันธ์
เล็ก วิริยะพันธ์ หรือที่เรียกสั้น ๆ "เสี่ยเล็ก" คนก็ร้องอ๋อกันแล้วนั้น
เขาเป็นเจ้าของบริษัทธนบุรีพานิช จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถเบนซ์แวนแต่ผู้เดียวในประเทศไทย
และยังเป็นเจ้าของเมืองโบราณที่สมุทรปราการที่รู้จักกันดีอีกด้วย
ความร่ำรวยของ "เสี่ยเล็ก" มีมากขนาดที่ว่ายอมที่จะถอนขนหน้าแข้งตัวเองเดือนละเส้นสองเส้นให้ลูกสาวนำมาเป็น
"ทุน" ทำนิตยสารระดับคุณภาพที่เสี่ยงต่อการขาดทุนค่อนข้างสูงเล่มหนึ่งถึงขวบปีที่สี่แล้ว
นิตยสารเล่มนั้นหลายคนบอกว่าเสี่ยเล็กหวังเพียงชื่อเสียงของตระกูลให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงไปชั่วนิรันดร์กาล
ปี 2530 ปีที่ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักอีกหน อัตราการเพิ่มถัวเฉลี่ยของหลายค่ายอาจเป็นเรื่องปกติหรือไม่บางทีก็ผิดหวังอยู่ลึก
ๆ นั้น สำหรับธนบุรีพานิชแล้วถือได้ว่าเป็นปีที่มีอาการผิดสำแดงในทางที่ดีค่อนข้างสูง
จนเป็นปีที่เสี่ยเล็กสามารถที่จะเปล่งเสียงหัวเราะได้ดังกว่าใคร ๆ
จะไม่ให้หัวเราะร่วนได้อย่างไร? ในเมื่อเปิดตัวเบนซ์ออกมาแต่ละรุ่นคิวสั่งจองจนเต็มเพียบ
เล่นเอาดีลเลอร์ 14 แห่งพลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะราย "ยงวัฒนาธุรกิจ"
และ "โค้วยู่ฮะมอเตอร์" ของเสี่ยวิญญู คุวานนท์ เจ้าพ่ออีสานตัวจริง
นอกจากนี้เสี่ยเล็กยังหากินกับกองทัพบกได้อย่างเป็นล่ำเป็นสันกว่าใครอีกด้วย!!??
คงจำกันได้ว่าเมื่อปี 2528 ที่กองทัพบกมีโครงการซื้อรถช่วยรบขนาด 1.5 ตัน
ซึ่งมีบริษัทเสนอตัวนับสิบ ๆ บริษัท กระทั่งในที่สุดกองทัพบกได้ตัดสินใจสั่งซื้อรถยูนิม็อคจำนวน
1,890 คัน คันละ 1,370,000 บาท รวมแล้วกองทัพบกจ่ายไปเหนาะ ๆ แค่ 2,593,300,000
บาท
รายรับมหาศาลอย่างนี้คนที่ได้ไปย่อมยิ้มได้ไม่มีวันหุบและคน ๆ นั้นก็คือเสี่ยเล็ก
เพราะรถยูนิม็อคนี้ประทับตรา "เบนซ์" นั่นเอง งานเที่ยวนี้ ดร.
ไพโรจน์ ซึ่งเป็นมือขวาของ "เสี่ยเล็ก" เคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ว่ายัง ๆ เบนซ์ก็ต้องมาวินแน่นอน
เสี่ยเล็กใหญ่หรือไม่ใหญ่นั้นดูกันแค่นี้ก็ได้แล้ว!!!
ยังไม่พอมีข่าวแว่วมาอีกว่าธนบุรีพานิชและเบนซ์เลียบ ๆ เคียง ๆ ที่จะขายรถจี๊ปให้กับกองทัพบกอีกหลายร้อยคัน
ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าขุมทรัพย์จากรายการนี้อาจเป็นจริงในเร็ว ๆ วัน
เพราะขณะนี้สถานการณ์ทางการทหารเรียกร้องความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่
ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากเสียด้วยซี่
มองมุมไหน ๆ เสี่ยเล็กก็ต้องแฮปปี้ ๆ!!??
แต่อย่างว่านั้นแหละไม่มีเรื่องหนักใจไหนเลยจะพิสูจน์ความเป็นทองแท้ของคนเราได้!!
เป็นเพราะความที่ไม่อยากเสียเวลา เสียดอกเบี้ย ไปกับการรอรุ่นใหม่ ๆ ไปเปล่า
ๆ ธนบุรีพานิชเลยสบช่องที่จะหากินของง่าย ๆ กับ "เบนซ์แวน" (อ่านจากเรื่องในเล่ม)
เพราะเห็นแล้วว่างานนี้มีแต่กำไรลูกเดียว คนที่เป็นต้นคิดก็คือ "เสี่ยแดง"
ซึ่งเป็นลูกชายสุดโปรดของเสี่ยเล็ก
ที่จริงเบนซ์แวนถ้าปล่อยให้ขายตามปกติก็ย่อมขายได้อยู่แล้ว พะยี่ห้อเบนซ์เสียอย่าง
หนำซ้ำราคาไม่แพงเกินไปนักมีหรือที่ใครไม่อยากได้
แต่ไหน ๆ จะขายทั้งทีเพื่อให้รถรุ่นนี้ขายได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น เพื่อที่จะบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถรุ่นเดียวที่ขายได้เปรี้ยงปร้างมากที่สุด
เรื่องที่น่าจะเป็นปกติก็เลยผิดปกติ ด้วยสาเหตุที่ว่า มีการวิ่งเต้นให้รถรุ่นนี้จดทะเบียนเป็นรถบรรทุกที่ไม่ต้องเสียภาษี
กล่าวโดยแง่การค้า การกระทำอย่างนี้เรียกได้ว่า "ไม่ผิด"
ทว่าในแง่การปฏิบัติทางราชการมันเป็นเรื่องที่พานให้เสื่อมเสียได้ง่าย
ๆ
ฮอทไลน์ที่มีส่วนช่วยเหลืองานนี้ให้สะดวกขึ้นมีมูลเหตุว่ามีพ่อค้าคนหนึ่งซึ่งมีเมียเป็นน้องสาวนายตำรวจนอกราชการคนหนึ่ง
(พ.ต.ท. "น") ได้ขอร้องพี่เขยให้ช่วยวิ่งเต้นกอปรกับพี่เขยคนนี้มีนายตำรวจที่ซี้ย่ำปึ๊กคนหนึ่งอยู่ที่กองกำกับการตำรวจรถไฟ
จึงไหว้วานให้เพื่อนคนนี้พูดจากับนายเวรนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง (พ.ต.อ. "อ")
ช่วยขอร้องให้นายตำรวจที่มีหน้าที่เรื่องทะเบียนผ่านเรื่องให้เร็วขึ้น
นายเวรคนนี้เส้นแข็งจริง ๆ เพราะว่าหลังจากที่ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นนายปลดเกษียณก็ถูกย้ายไปเป็นใหญ่ถึงผู้กำกับจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก
ซึ่งการย้ายเที่ยวนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าไม่เหมาะสม เพราะตำแหน่งนายเวรนั้นเทียบได้กับผู้กำกับก็จริงอยู่
แต่ควรเป็นผู้กำกับในกรมมากกว่าที่จะไปเป็นผู้กำกับจังหวัดที่มีผลประโยชน์ได้เสียมากมาย
พ.ต.อ. "อ" อดีตนายเวรคนนั้นได้ชื่อว่าเป็นศษย์ก้นกุฏิของนายตำรวจใหญ่ที่กองบัญชาการสอบสวนกลางคนหนึ่ง
เรื่องเลยถูกส่งผ่านกันเป็นทอด ๆ ชนิดที่เรียกว่า "ม้วนเดียวจบ วันเดียวเสร็จสิ้น"
โดยง่ายดาย ง่ายเสียจนขนาดมีหนังสือแย้งจากกรมสรรพากรก็ยังดำเนินการจดทะเบียนกันต่อไป
ค่าใช้จ่ายในการวิ่งรับส่งไม้ผลัดเที่ยวนี้ว่ากันว่าหมดไปไม่มากนักเพียงแค่
17 ล้านบาทเท่านั้นเอง โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ในสูตร "9-2-2-1-1-2"
ตามตำแหน่งและหน้าที่ที่มีความสำคัญลดหลั่นกันลงไป
ปกติเสี่ยเล็กไม่ชอบเรื่องกินนอกกินในอยู่แล้ว ยิ่งพอเบนซ์แวนมามีเรื่องฉาวโฉ่ก็เลยยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้น
เพราะงานนี้พ่อค้าคนนั้นที่กุลีกุจออยากช่วยให้เบนซ์ขายง่ายขึ้นเป็นคนที่เสี่ยแดงลูกชายรู้จักดี!!??
รำพึงรำพันจากเสี่ยเล็กเลยดังขึ้นอย่างขึ้งโกรธในวันหนึ่งว่า "ไอ้แดงนะ…ไอ้แดง…เรื่องนิดเดียวทำให้ใหญ่ได้"
คนที่ใกล้ชิดเสี่ยเล็กจริง ๆ บอกกับ "ผู้จัดการ" อย่างนี้