Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2531
เสริมสุข 35 ปี "เป๊ปซี่ดีที่สุด" แค่กะพริบเดียวก็โดนอัดได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เสริมสุข จำกัด (เป๊ปซี่)

   
search resources

เสริมสุข, บมจ.
ทรง บุลสุข
Pepsi
Soft Drink




ทรง บุลสุข วันนี้เขาอายุ 78 ปี

ทรงกับบทบาทที่ผ่านมาไม่เกินคำคุยที่จะยกย่องเขาว่า เป็นตำนานร่วมสมัยของเป๊ปซี่อีกบทหนึ่ง

ปัจฉิมวัยของชายชราที่ไต่ภูเขาสูงอย่างทระนงองอาจ ผ่านอุปสรรคความยากลำบากแทบเลือดตาแทบกระเด็นมานับครั้งไม่ถ้วนอย่างเขานั้น อนาคตของพรุ่งนี้และตลอดไปเขาย่อมปรารถนาที่จะเห็นความสำเร็จทั้งมวลดำรงสถานะยิ่งยงอย่างไม่เปลี่ยนแปร

ทรงเป็นลูกชายคนที่สองของเจ้าสัวโล่เต็กชวน เจ้าของโรงสีล่งเฮงจั่น ฮั่วเฮงจั่น ลี่เฮงจั่น ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของไทยในอดีต ฐานะครอบครัวที่ดีมากทำให้ทรงมีโอกาสได้เรียนถึงชั้นปริญญาโดยจบวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง

ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อนหลังจากที่จบจากฮ่องกงมาหมาด ๆ เตี่ยของทรงซึ่งเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเสริมสุข จำกัดผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลม "เป๊ปซี่" ก็ผลักดันให้ทรงเข้าไปรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบริษัทในปี 2502

ดูถึงความเป็นหนุ่มกระทงที่ยังค่อนข้างขาดแคลนประสบการณ์กับภาระหน้าที่อันหนักหน่วง มันช่างเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ของทรงเสียนี่กระไร? ครั้งนั้นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเขาอาจะเป็นเพียงภาพวาดที่สวยหรูในจินตนาการเท่านั้นเอง!!!!

ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาคนไทยมักคุ้นลิ้นกับการดื่มเครื่องดื่มพื้น ๆ เช่น โอเลี้ยง สำหรับเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลและสารบางอย่างเช่น "เป๊ปซี่" ดูจะเป็นของใหม่ที่ "ต้องห้าม" ในความรู้สึก" ดังนั้นการที่เสริมสุขจะแหวกม่านพฤติกรรมการบริโภคจึงยากเย็นเสียยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา

เป๊ปซี่และเสริมสุขเมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมาจึงเริ่มต้นจากศูนย์กันจริง ๆ !!!

เป็นการเริ่มต้นที่ไม่อาจคาดเดาอนาคตได้เลยว่าจะมีชะตากรรมออกมาในรูปใด ???

ในปี 2496 ยม ตัณฑเศรษฐี เจ้าสัวคนหนึ่งของไทยที่เป็นนายแบงก์ของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การอยู่ด้วย ได้รับการติดต่อจากเอเย่นต์ของเป๊ปซี่ในสิงคโปร์ว่า ควรที่จะมีการลงทุนผลิตน้ำอัดลมดื่มขายในเมืองไทยซึ่งมีทางเป็นไปได้สูงว่าจะเฟื่องฟูเพราะแม้แต่สิงคโปร์ที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ยังไปได้ฉิว

ยมคล้อยตามในความคิดนี้จึงชักชวนเพื่อนสนิทหลายคนรวมทั้งเจ้าสัวโล่เต็กชวนให้ร่วมลงทุน โดยจัดตั้งบริษัทเสริมสุขจำกัด ขึ้นมาในปีเดียวกันนั้นเอง

เริ่มแรกของการจัดตั้งมีทุนจดทะเบียนเพียง 8 ล้านบาท และมีโรงงานแห่งแรกอยู่ตรงศาลาแดง สีลม ในที่ดิน 4 ไร่เศษ

18 มีนาคม 2496 เป๊ปซี่ขวดแรกได้ฤกษ์ออกสู่ตลาด ในปีแรกของการทักทายผู้บริโภคโรงงานที่สีลมผลิตเป๊ปซี่ได้เพียง 600,000 ลัง/ปีเท่านั้น ลูกค้าหลักในระยะเริ่มแรกวางน้ำหนักไปในวงผู้คนสังคมชั้นสูง ยังไม่กระจายเซ็กเมนท์มากมายอะไร

ยุทธศาสตร์ทางการตลาดของเป๊ปซี่แรก ๆ คงไม่แตกต่างจากสินค้าอื่น ๆ คือคับแคบไม่ค่อยมีอะไรหวือหวากระทั่งพบบทสรุปใหม่ที่ว่า สินค้าจะไปได้ดีจะต้องรุกรบทางโฆษณาอย่างเต็มรูปแบบ และแล้วเป๊ปซี่ก็เป็นสินค้าตัวแรกที่โดดเด่นขึ้นมาด้วยการใช้สื่อเพลงโฆษณาทางโทรทัศน์

ภายใต้คำขวัญที่ว่า "บิ๊กวัน" บวกกับความร้อนแรงของเสียงเพลงในภาพยนตร์โฆษณาควบคู่ไปกับสโลแกนสั้น ๆ ที่เจาะลึกถึงขั้วหัวใจว่า "เป๊ปซี่ดีที่สุด" ซึ่งคิดค้นขึ้นมาโดยธานี นพจินดา อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินทำให้เป๊ปซี่สามารถทะลุทะลวงตลาดได้อย่างสง่าผ่าเผย

ความแข็งแกร่งที่เกิดจากเสียงเพลงโฆษณากลายเป็น "อาวุธหลัก" ตายตัวของเป๊ปซี่มาจนถึงปัจจุบันทั้งนี้เปลี่ยนแปลงตัวศิลปินไปตามยุคสมัย อย่างเช่นความเป็นเป๊ปซี่ในวันนี้ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายมายังคนรุ่นใหม่ในวัยหนุ่มสาวก็ดึงเอาสองยอดนักร้องระบือโลกอย่างทีน่า เทอร์เนอร์และไมเคิล แจ๊คสัน มาเป็นจุดโปรโมท

23 ตุลาคม 2510 เสริมสุขก็ขยายโรงงานแห่งที่สองไปตั้งที่บางเขน ในที่ดิน 15 ไร่ มีกำลังผลิต 55,000 ลัง/วัน การขยายตัวเที่ยวนี้เท่ากับเป็นการประกาศให้รู้กันแจ่มชัดว่า "ณ บัดนี้เครื่องดื่มเป๊ปซี่ได้เข้ากุมตลาดเมืองไทยได้เรียบร้อยแล้ว อัตราส่วนของตลาดเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันห่างกันมากถึง 9/1"

ถ้าจะพิเคราะห์ถึงความสำเร็จอันน่าชื่นชมทั้งมวล นอกจากจะมีผลโดยตรงจากตัวสินค้าที่ได้คุณภาพจนเป็นที่ยอมรับทั่วทุกวงการแล้วนั้น อีกด้านหนึ่งคงเป็นผลมาจากการทำงานที่หนักหน่วงเอาจริงเอาจัง และเปี่ยมไปด้วยความมีอัจฉริยภาพของทรงกับทีมงานทุกระดับของเสริมสุขเป็นสำคัญอีกด้วย เป๊ปซี่ในห้วงเวลาดังกล่าว แม้จะพูดได้ว่าเป็นบริษัทที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมทว่าก็ใจถึงพอที่จะกล้าลงทุนในสิ่งใหม่ ๆ ตามสถานการณ์ใหม่ ๆ เสมอ

ที่เห็นได้ชัดมากคือ หนึ่ง-การขยายโรงงานไปยังภูมิภาค 2 แห่งคือในปี 2514 ที่ จ. นครสวรรค์การขยายตัวครั้งนี้เพื่อรองรับบรรดาทหาร จี. ไอ. ทั้งหลายที่เข้ามาอยู่ในฐานทัพทั้งสองแห่งในสองจังหวัด ภาพที่พบเห็นในขณะนั้นตามบาร์ต่าง ๆ คือภาพทหาร จี. ไอ. นั่งดวดเป๊ปซี่อย่างเบิกบาน

สอง-การทุ่มทุน 400 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเขต จ. ปทุมธานี การตัดสินใจลงทุนเที่ยวนี้ใครๆ บอกว่า "ทรงบ้าบิ่นเกินไป" เพราะเหตุการณ์ในขณะนั้นสงครามอินโดจีนกำลังระอุและบรรดานักลงทุนต่าง ๆ พากันคิดว่าไทยจะเป็นโดมิโนอีกตัวหนึ่ง

"แล้วคุณจะให้พวกเราไปลงทุนที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่ในเมืองไทย" ทรงเคยบอกไว้อย่างนั้น

แต่ความรุ่งเรืองในตลาดของเป๊ปซี่ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทรงตัดสินใจผิดหรือเปล่า

กระทั่งทุกคนดูเหมือนจะเปลี่ยนแนวความคิดใหม่กันเสียแล้วว่าด้วยพื้นฐานที่หนักแน่นมั่นคงเยี่ยงฉะนี้ คงทำให้เสริมสุข-เป๊ปซี่เป็นหนึ่งตลอดกาล!!!

ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าคู่แข่งของเสริมสุข-เป๊ปซี่ จะไม่ใช่ไทยน้ำทิพย์-โค้ก!!!

ไทยน้ำทิพย์ของตระกูล "สารสิน" ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลม "โค้ก" ซึ่งพบกับความเจ็บช้ำน้ำใจมาโดยตลอดกับการที่ไม่สามารถขย่มบัลลังก์เป๊ปซี่-เสริมสุข ลงได้นั้น ภายหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังใหม่ให้คนรุ่นหนุ่ม ๆ อย่างคริส สารสิน ขึ้นมารับผิดชอบโดยมีโคคา-โคล่าอิมปอร์ต เอกซ์ปอร์ต คอยหนุนเสริมช่วยอย่างแข็งขัน ปรากฏว่าสภาพการณ์ของ "โค้ก" พลิกผันไปในทางที่ดีอย่างมาก

ไทยน้ำทิพย์-โค้ก ลุยรบทุกรูปแบบกลายเป็นสงครามน้ำดำที่ต้องตามห้ำหั่นกันชนิดถึงพริกถึงขิง อัตราส่วนทางตลาดที่เคยห่างกันถึง 9/1 เริ่มขยับขึ้นเป็น 7/3 6/4 และนับวันเกณฑ์เฉลี่ยยิ่งเฉียดฉิว 5/5 อยู่มะรอมมะร่อ

เสริมสุข-เป๊ปซี่ ถึงวันนี้เพียงให้ได้เหลียวมองตัวเลขก็เสียวสันหลังวูบ !!!!

ทรง บุลสุข อัจฉริยบุคคลของเสริมสุข-เป๊ปซี่ จริง ๆ แล้วเขาอาจไม่สุขใจอย่างที่ควรจะเป็นไปเสียแล้วก็ได้ ???

สงครามน้ำดำที่ก่อเค้าทะมึนเห็นทีจะเขม็งเกลียวจนยากที่จะเลิกราง่าย ๆ เพราะไทยน้ำทิพย์และโคคา โคล่า อิมปอร์ต เอกซ์ปอร์ต ล่าสุดได้เสริมกำลังรบคนหนุ่มรุ่นใหม่อีกวาระหนึ่งแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้

ก็คงเหมือนอย่างที่โรเจอร์เอ็นริโก รองประธานเป๊ปซี่โคเขียนเอาไว้นั่นแหละว่า "แค่กระพริบเดียวก็โดนอัด" โดยเฉพาะงานนี้เป๊ปซี่-เสริมสุข ที่รั้งความเป็นหนึ่งมานานในตลาดเมืองไทยไม่มีสิทธิที่จะเผลอไผลได้เลยแม้เสี้ยวนาที !!!

18 มีนาคม 2531 เสริมสุข ผ่านหลักอายุมาครบ 35 ปีงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ณ สวนริมน้ำเจ้าพระยา โรงแรมรอยัล ออคิดเชอราตัน ถูกจัดขึ้นอย่างมโหฬารทั้งการแสดงและอุปกรณ์ที่มีส่วนผลักดันความเป็นหนึ่งให้บริษัทถูกนำมาย้อนรำลึกอดีตอันอบอวลหวานชื่นอีกหน

เป๊ปซี่เริ่มต้นกัน ณ จุดที่ใกล้เคียงกับสถานที่จัดงาน

โรงงานแห่งแรก ยังตรึงอยู่ในความทรงจำของพนักงานรุ่นเก่า ๆ อย่างเชิดพันธ์ บุลสุขและทายาทคนสำคัญของทรงเช่นสมชาย บุลสุข

แสงเดือนแสงดาวที่สาดส่องกระทบลำน้ำเจ้าพระยาจนส่องประกายระยิบระยับ คงเสมือนหนึ่งไฟ ความหวังที่แจ่มจรัสที่ถูกจุดให้คุโชนขึ้นมาในหัวใจของคนเป๊ปซี่-เสริมสุข ทั้งหลาย เขาคงคาดหวังเช่นเดียวกับอดีตผู้นำอย่างทรงที่บอกว่า

เสริมสุข-เป๊ปซี่ จะต้องเป็นหนึ่งตลอดไป !!!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us