กองทัพสีชมพูของ 'เมืองไทยประกันชีวิต' เริ่มเดิมยุทธศาสตร์ในครึ่งปีหลังเพื่อกระตุ้นยอดขาย ด้วยการส่งกรมธรรม์คุ้มครองโรคร้ายเอาใจลูกค้าสูงวัยโดยเฉพาะ ขณะที่แม่ทัพใหญ่ 'สาระ' เผยที่มาของโครงการ 'เมืองไทย สูงวัย สบายใจ' เพราะเห็นสัญญาณว่าปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคม Aging Society หนึ่งยุทธศาสตร์ครึ่งปีหลังกองทัพสีชมพูจึงพุ่งเป้าไปยังลูกค้าสูงอายุ สำหรับภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตไตรมาส 2ยังขยายตัวต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์ในครึ่งปีหลัง 'กองทัพสีชมพู' เดินเกมไปที่ลูกค้าสูงวัย ด้วยเหตุผลที่ว่าประเทศไทย เข้าสูงสังคม Aging Society และในสังคมดังกล่าว ถ้าไม่มีการวางแผนดำเนินชีวิตที่ดีตั้งแต่วัยหนุ่มสาว หรือตั้งแต่เริ่มทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตคือความกังวลของบุคคลเหล่านั้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ภาวะสูงวัย โดยความกังวลดังกล่าวคือโรคร้ายแรงที่แฝงมากับวัยที่เพิ่มขึ้น เช่นโรคมะเร็ง และโรคหัวใจเป็นต้น
ในขณะที่การทำประกันชีวิตเป็นที่รับรู้กันดีว่าถ้าเริ่มทำตั้งแต่อายุยังน้อย เบี้ยประกันภัยที่จ่ายให้บริษัทที่ให้ความคุ้มครองจะไม่สูงเท่ากับลูกค้าที่เริ่มทำประกันชีวิตเมื่อสูงวัย ด้วยเหตุผลที่ว่าความเสี่ยงของผู้สูงอายุนั้นมีมากกว่า
ความกังวลของผู้สูงวัยมีอยู่ไม่กี่ประเด็น หนึ่งคือโรคร้ายแรง สองคือ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และถ้าจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าว ก็ต้องทำประกันชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าเบี้ยประกันที่จ่ายออกไปย่อมต้องก็สูง ซึ่งแทนที่จะสบายใจกลับกลายเป็นความกังวลถึงภาระค่าใช้จ่าย
และจากจุดเริ่มต้นของความกังวลที่เกิดขึ้นในสังคมสูงวัย เมืองไทยประกันชีวิตที่จับประเด็นได้ถูกจุด ก็กลั่นกลองวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวจนออกมาเป็นโครงการ 'เมืองไทย สูงวัย สบายใจ' แบบประกันชีวิต ที่ให้ลูกค้าสามารถจ่ายเบี้ยประกันในแบบสบายกระเป๋าไม่สร้างภาระค่าใช้จ่ายเกินกำลัง และคลายความกังวลกับค่ารักษาพยาบาลในโรคร้ายแรงได้
สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ เมืองไทยประกันชีวิต บอกว่า จริงๆแล้ววิวัฒนาการทางการแพทย์ทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก โรคร้ายแรงสามารถรักษาได้ ความกังวลจึงไม่ใช่อยู่ที่ประเด็นการรักษา หากอยู่ที่เรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่า เพราะวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่สูงย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย สิ่งนั้นทำให้ผู้สูงอายุมีความกังวลมากว่าเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ค่ารักษาพยาบาลจะตกไปเป็นภาระให้กับบุตรหลาน
'ด้วยความกังวลดังกล่าว เราจึงออกสินค้าที่ตรงกับภาวะสังคมที่เข้าสู่ยุค Aging Society เพื่อตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้คลายความกังวลด้วย 3 แผนความคุ้มครอง แผนที่ 1 คุ้มครองชีวิต 75,000 บาทและสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง 150,000 บาท แผนที่ 2 คุ้มครองชีวิต 125,000 บาทและสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง 250,000 บาท และแผนที่ 3 คุ้มครองชีวิต 250,000 บาทและสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง 500,000 บาท ระยะเวลาความคุ้มครอง 10 ปี ชำระเบี้ยประกัน 10 ปี โดยมุ่งเน้นเรื่องการมอบความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้เอาประกันในกรณีสูญเสียชีวิตภายในระยะเวลาเอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์จะได้รับผลประโยชน์เท่ากับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย'
แม่ทัพใหญ่ค่ายสีชมพู สาระ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังมอบค่าชดเชย จากการเจ็บป่วยด้วย 5 โรคร้ายแรง เมื่อได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูงสุดถึง 250,000 บาท โดยรับประกันภัยถึงอายุ 65 ปี และคุ้มครองถึงอายุ 70 ปีอีกด้วยซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์แต่ละท่าน
สำหรับ ผู้เอาประกันไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนเข้าร่วมโครงการ เพียงตอบคำถามสุขภาพแค่ 3 ข้อเท่านั้น โดยรับประกันภัยสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่อายุ 20 - 65 ปี และสามารถต่ออายุเพื่อรับความคุ้มครอง ได้ถึงอายุ 70 ปี เบี้ยประกัน ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ รายละเอียดเฉพาะบุคคล และแผนประกันที่เลือก
สำหรับความคุ้มครองนั้น บริษัทฯ ได้มอบความคุ้มครองการเจ็บป่วยด้วย 5 โรค ร้ายแรง ซึ่งประกอบด้วย โรคมะเร็ง (Cancer) โรคหัวใจวาย หรือ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) โรคหลอดเลือดในสมอง (Stroke) การผ่าตัดเปิดหัวใจด้วยวิธี Bypass (Coronary Artery Bypass Surgery) และทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร (Total and Permanent Disability)
สาระ บอกว่าแบบประกันชีวิตดังกล่าวนอกจากออกมาเพื่อตอบโจทย์สังคมที่เปลี่ยนไปสู่สังคมสูงวัย ยังตอบโจทย์สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันอีกด้วย เพราะแบบประกันชีวิตที่ออกมาในครั้งมีจุดเด่นที่เบี้ยประกันภัยไม่แพง เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครอง 5 โรคร้ายแรง รับประกันถึงอายุ 65ปี คุ้มครองถึง 70 ปี ตรวจพบ 5 โรคร้ายแรง รับค่าชดเชยสูงสุด 500,000 บาท คุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูงสุด 250,000 บาท
เช่น ผู้ชายในกลุ่มอายุ 51-55ปี เลือกแผนทำประกันชีวิตแบบที่ 1 จะจ่ายเบี้ยรายปีที่ 3,946บาท ต่อเดือนจ่าย 355 บาท ระยะเวลาจ่ายเบี้ย 10 ปี ระยะเวลาเอาประกันภัย 10 ปี โดยความคุ้มครองในส่วนของประกันภัยอยู่ที่ 75,000 บาท และความคุ้มครองในส่วนของ สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง สมาร์ท ลีฟวิ่ง อยูที่ 150,000 บาท
'ปัจจุบันคนไทยเปิดใจให้กับการทำประกันชีวิตมากขึ้น เพราะรู้และเข้าใจถึงความจำเป็นในการวางแผนชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงรอบกาย จากที่เมื่อก่อนมองว่าการทำประกันชีวิตเหมือนการแช่งตัวเอง แต่ความคิดนี้ได้เปลี่ยนไป'
สำหรับผลการดำเนินงานเดือน มกราคม - กรกฎาคม 2552 สาระ บอกว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันรับรวมสูงถึง 12,386 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตสูงถึง 26.24% เป็นเบี้ยประกันรับใหม่ 5,218 ล้านบาท เติบโต 35.94% และเบี้ยประกันต่ออายุ 7,168 ล้านบาท เติบโต 20.00%
ส่วนภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิตสิ้นไตรมาส 2 ของปี 52 มีการขยายตัวสูงขึ้น โดยมีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ รวมกับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป รวมทั้งสิ้น 119,950.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16,056.2 ล้านบาท (15.5% ) แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก 27,357.6 ล้านบาท ขยายตัว 24.0% เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว 12,122.9 ล้านบาท ขยายตัว 17.5% และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป 80,469.7 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.5 โดยมีอัตราความคงอยู่ 86% โดยมั่นใจว่า เมื่อถึงสิ้นปี 52 ธุรกิจประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เมื่อต้นปี ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว10.6%
ยุทธศาสตร์สีชมพู ยังไม่ปิดเกมแค่นี้ การเปิดตัวสินค้าเพื่อคนสูงวัยเป็นเพียงจุดเริ่มสตาร์ทในครึ่งปีหลังเท่านั้น เพราะแม่ทัพใหญ่ค่ายสีชมพู 'เมืองไทยประกันชีวิตบอกว่า' ยังมีโปรดักส์สินค้าใหม่ๆออกมาตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอีกแน่นอน สาระ บอกใบ้ว่าเร็วๆนี้คงได้พบกันอีกกับโปรดักส์ประเภทบำนาญ ซึ่งเป็นแบบสินค้าที่เหมาะกับ ยุค Aging Society
|