ปีนี้เป็นปีที่นักธุรกิจใหญ่ ชาญ อิสสระ จะมีอายุครบ 6 รอบหรือ 72 ปีเช่นเดียวกับคู่ชีวิตของเขาที่ชื่อมาลี
และก็จะเป็นปีที่ทั้งชาญและมาลีได้ร่วมใช้ชีวิตคู่ครบ 50 ปีอีกด้วย
ก่อนหน้าวันไหว้พระจันทร์หนึ่งวัน (ซึ่งวันไหว้พระจันทร์ปีนี้ตรงกับวันที่
25 กันยายน 2531) ที่ทุกๆ ปีจะถูกจัดเป็นวันครบรอบวันเกิดของ ชาญ อิสสระ
โดยมีมวลสมาชิกในครอบครัวเป็นเจ้าภาพสำหรับปีนี้แล้วก็เลยจะต้องจัดกันให้พิเศษกว่าทุกๆ
ปี
"พวกเราลูกๆ ตั้งใจว่าจะมอบเหรียญ "อดทน" ให้คุณแม่ในวันนั้นด้วยเสียเลย"
สงกรานต์ อิสสระ ทายาทของชาญ อิสสระ บอกกับ "ผู้จัดการ" แบบครึกครื้น
ในชีวิตของ ชาญ อิสสระเขาอุทิศตัวอย่างมาก ๆ ให้กับงานและสังคม ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่อาจจะให้เวลากับครอบครัวได้ไม่มากนัก
เขาผันแปรตัวเองจากพ่อค้าเล็ก ๆ ทางภาคใต้มาเป็นนักธุรกิจใหญ่เจ้าของกิจการมากมายด้วยการทุ่มเททำงานหนัก
ขณะเดียวกันก็อุทิศตัวเพื่อสังคมอย่างคงเส้นคงวามาโดยตลอด กล่าวได้ว่า ชาญ
อิสสระ ไปได้ดีทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะในด้านธุรกิจส่วนตัวหรือการให้ความช่วยเหลือสังคม
และเขาค่อนข้างโชคดีอย่างที่หลายคนที่มุ่งงานและสังคมไม่ค่อยจะมีกัน
ชาญ อิสสระ มีครอบครัวที่เป็นปึกแผ่นอย่างน่าอิจฉามาก ๆ
หลายปีมานี้ลูก ๆ ของเขาเริ่มก้าวเข้ามารับผิดชอบธุรกิจที่เขาสร้างขึ้นมา
พวกเขาทำงานแข็งขันไม่แพ้รุ่นพ่อ และมีแนวโน้มน่าสบายใจได้ในอนาคตซึ่งคนผู้มีส่วนอย่างสำคัญในภารกิจสร้างความเป็นปึกแผ่นก็คือคนที่ลูก
ๆ จะมอบเหรียญ "อดทน" ให้
ว่าไปแล้วความโชคดีอีกประการหนึ่งของชาญ อิสสระก็เห็นจะเป็นการที่เขาได้ภรรยาอย่างมาลีคนนี้นี่เอง
ชาญ อิสสระ เป็นคนปัตตานีเขาเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวน 5 คนพี่น้องของครอบครัวอดีตนายด่านที่อำเภอสายบุรี
ชาญเริ่มเรียนหนังสือแถว ๆ บ้านเกิด จบระดับมัธยมแล้วก็ไปต่อทางด้านการค้าที่มหาวิทยาลัยคิมซานเฉาโจ
ในมณฑลกวางตุ้งประเทศจีน จากนั้นเดินทางกลับบ้านมาทำกิจการค้าเล็ก ๆ น้อยๆ
โดยปักหลักที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กิจการค้ารุ่งเรืองตามลำดับกระทั่งสามารถก่อตั้งเป็นบริษัทชาญอิสสระ
และบริษัทหาดใหญ่พาณิชย์ดำเนินกิจการขนส่งทางบกและทางทะเลติดต่อค้าขายกับมาเลเซียและสิงคโปร์และเป็นเอเย่นต์เบียร์หลายยี่ห้อ
ปี 2500 ชาญขยายกิจการเข้ามาในกรุงเทพฯ เขาซื้ออาคารพาณิชย์จำนวน 11 ห้องย่านริมถนนพระราม
4 ตรงข้ามโรงพยาบาลจุฬาฯ
ที่นี่ชาญก่อตั้งบริษัท แอสฟัลท์บริการ ดำเนินกิจการค้ายางมะตอยกับกรมทางหลวงและตั้งบริษัท
เอส. ซี. ดีเวลล้อปเม้นท์ดำเนินกิจการค้าน้ำมันและกิจการก่อสร้างพร้อมกับอิมพอร์ต-เอ็กซ์พอร์ต
ปี 2510 ซื้อสัมปทานรถเมล์สายธนบุรี-กรุงเทพฯ และต่อมาได้ซื้อกิจการรถเมล์ของเทศบาลเมืองนนทบุรีวิ่งระหว่างนนทบุรี-กรุงเทพฯ,
นนทบุรี-มีนบุรี-กรุงเทพฯ มีรถทั้งหมด 200 คัน ซึ่งภายหลังขายกิจการทั้งหมดให้กับรัฐบาลตามนโยบายรวมรถเมล์แล้วก่อตั้งเป็น
ขสมก.
ปัจจุบันชาญยังมีกิจการส่วนหนึ่งอยู่ที่หาดใหญ่โดยเฉพาะกิจการที่ทำกำไรมาก
ๆ ก็คือการพัฒนาที่ดินและกิจการน้ำมันในเขตภาคใต้ที่ได้จากเชลล์
ส่วนที่กรุงเทพฯ ก็มีกิจการก่อสร้างและที่โดดเด่นมากก็คือการพัฒนาที่ดินและธุรกิจเรียลเอสเตท
ซึ่งโครงการที่จุดพลุให้ชื่อชาญ อิสสระ กลายเป็นชื่อที่คนรู้จักกันถ้วนหน้าก็คือโครงการสร้างอาคารชาญ
อิสสระทาวเวอร์ที่ดำเนินงานโดยบริษัท ซี. ไอ. พร็อพเพอตี้ อาคารแห่งนี้สร้างขึ้นบนเนื้อที่ดินราว
ๆ 3 ไร่ ส่วนหนึ่งทางด้านหน้าก็คืออาคารที่เคยใช้เป็นสำนักงานที่ชาญซื้อไว้ตั้งแต่ปี
2500 ส่วนด้านหลังเป็นที่ว่างเปล่าซึ่งซื้อมาจากปัญญา ควรตระกูล เจ้าของหมู่บ้านปัญญา
"เดิมคุณปัญญาก็ต้องการจะสร้างอาคารขึ้นบนที่ตรงนั้นของเขา แต่เผอิญไม่มีทางออกก็พยายามติดต่อจะซื้อทางออกจากชาญ
อิสสระ ทีนี้ทางกลุ่มคุณชาญก็มีโครงการสร้างอาคารสูงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแทนที่คุณชาญจะเป็นฝ่ายขายให้คุณปัญญาก็กลายเป็นคุณปัญญากลับต้องขายให้คุณชาญและกลายเป็นอาคารชาญ
อิสสระไปในทุกวันนี้" คนที่ทราบเรื่องเล่าให้ฟัง
ชาญ อิสสระกลายเป็นกลุ่มพัฒนาที่ดินและเรียลเอสเตทที่กำลังพุ่งแรงสุดขีด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานใหญ่ในเฉพาะหน้าของกลุ่มก็คือโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมระยะที่
3 ที่ลาดกระบังซึ่งรัฐบาลอนุมัติไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
เป็นงานใหญ่ที่จะวัดฝีมือทายาทของชาญโดยที่ชาญจะถอยไปคอยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาอยู่ข้างหลังบ้างแล้ว
ชาญ อิสสระ มีทายาท 6 คน
จรรยา ลิมตระกูล อายุ 47 ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายขายในกิจการค้าเรียลเอสเตทของกลุ่ม
จรรยาเคยทำงานด้านแอร์ไลน์มาก่อนและสามีของจรรยาที่ชื่อชาญวิทย์ปัจจุบันก็เป็นกัปตันเครื่อง
747 ของการบินไทย ซึ่งสายสัมพันธ์ของทั้งจรรยาและชาญวิทย์นี่เองที่ทำให้อาคารชาญ
อิสสระ กลายเป็นศูนย์ของสายการบินหลายสายไปแล้วในขณะนี้
ประภารัตน์ จินดาหรา อายุ 46 ปัจจุบันดูแลกิจการค้ายางมะตอยกับกิจการก่อสร้างของกลุ่มร่วมกับสามี-ดำเกิง
จินดาหรา ที่เคยทำงานกับเชลส์และแบงก์ชาติ ประภารัตน์เคยทำงานกับเชลส์เช่นเดียวกับสามีเละเคยทำหน้าที่เป็นเลขาฯให้กับ
ม.ร.ว. สฤษดิคุณ กิติยากร
สงกรานต์ อิสสระ อายุ 34 อดีตนักเรียนเก่าวชิราวุธและปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า
สหรัฐอเมริกา เคยร่วมงานกับ เอส. จี. วีและซิตี้แบงก์ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท
ซี. ไอ. พร็อพเพอตี้และกรรมการผู้จัดการบริษัทแอสฟัลท์บริการ
สงกรานต์เป็นเสมือนทายาที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำคนต่อไปจากชาญและกำลังคร่ำเคร่งอย่างหนักกับธุรกิจเรียลเอสเตทที่เขาถนัด
วัฒนา ฉัตรภูติ อายุ 32 เคยทำงานกับทิสโก้ 3 ปี ก่อนจะถูกดึงมารับผิดชอบงานด้านบัญชี
โอฬาร อิสสระ อายุ 31 ลูกชายคนสุดท้องของชาญผู้รักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ ปัจจุบันเขามีกิจการขายเครื่องกีฬาเป็นของตัวเอง
และพรชดา อิสสระ อายุ 26 จบทางด้านการถ่ายภาพจากแซนดิเอโก้ ยู. ขณะนี้ได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการซูปเปอร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้าชาญ
อิสสระ
ชาญ อิสสระ เป็นคนรวยที่ชอบทำบุญ ปลายปีที่แล้วเขาบริจาคเงิน 1 ล้านบาทสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลจุฬาฯ
และที่ทำสม่ำเสมอตลอดเวลา 13 ปีมานี้ก็คือการบริจาคข้าวสารให้กับคนยากจนที่หาดใหญ่
เป็นคนรักการกีฬาโดยเฉพาะแบดมินตัน เทนนิส และกอล์ฟ อีกทั้งมีบทบาทในวงการกีฬาอย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่หนุ่มจนทุกวันนี้
อายุที่กำลังจะ 72 ของชาญ อิสสระ เป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จและวางรากฐานได้สมบูรณ์แทบจะไม่มีที่ติ
และถ้าเขาจะวางมือจากธุรกิจเพื่อปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูก ๆ ก็คงจะไม่มีอะไรที่ต้องห่วงแล้ว
จะเป็นการล้างมือในอ่างทองคำที่งดงามหมดจด เพราะตลอดชีวิตของชาญ อิสสระเป็นการทำงานอย่างสะอาดหมดจดน่าสรรเสริญ
"ผู้จัดการ" ไม่กี่ฉบับที่แล้ว เขียนถึงเรื่องมาเฟียหาดใหญ่มีการกล่าวถึงผู้ยิ่งใหญ่ในวงการได้เสียคนหนึ่งชื่อ
"ช" หลายคนตั้งคำถามว่า "ช" คนนี้คือ "ช"
ชาญ อิสสระ ใช่หรือไม่
ก็เห็นจะต้องบอกว่าไม่ใช่
ชาญ อิสสระ อย่าว่าแต่การพนันเลย อะไรที่ไม่ชอบมาพากลแล้วเขาจะหลีกให้ไกลแสนไกล
ซึ่งการเติบโตเป็นที่นับหน้าถือตามาจนทุกวันนี้ที่อายุกำลังจะ 72 แล้วก็คงจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้