ซินเน็ค ปรับเป้ารายได้ปีนี้จาก 5% เป็น 8% หลังครึ่งปีแรกกวาดรายได้แล้วกว่า 6 พันล้านบาท อานิสงส์ธุรกิจไอทีเติบโต ปีนี้วางเป้ามาร์เก็ตแชร์สินค้าไอทีแตะ 22% จากปีก่อนทำไว้ 20% เล็งจ่ายเงินปันผลอีกรอบ หากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง เชื่อปันผลสม่ำเสมอดูดนักลงทุนสนเพิ่มสภาพคล่องหุ้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและซีอีโอ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับประมาณการรายได้ใหม่จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 5% เพิ่มมาเป็น 8% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.1 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้แล้ว 6,304 ล้านบาท

ทั้งนี้ แนวโน้มของอุตสาหกรรมไอทียังมีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย และขยายวงเงินให้กับลูกค้า ในขณะเดียวกันมองแนวโน้มของกำไรปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 198 ล้านบาทเช่นกัน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดลงอย่างมาก

นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์สินค้าไอทีของบริษัทฯไว้ที่ 22% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 20% หลังจากที่มีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตลอดเวลา อีกทั้งช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนเปิดช็อปจำหน่ายสินค้าเพิ่มอีก 3-4 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 16 แห่ง

" ในครึ่งปีหลังนี้เรามีแผนจะเปิดช็อปใหม่อีก 3-4 แห่ง ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มากเหมือนกับเราไปตกแต่งร้านค้าให้ ส่วนมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ก็ตั้งเป้าไว้ที่ 22% เพิ่มขึ้นจากที่เคยทำได้ 20% หลังลูกค้าจากผู้ประกอบการรายอื่นเปลี่ยนมาซื้อสินค้าของ SYNEX เพราะการเพิ่มวงเงินให้กับลูกค้าและมีโปรดักส์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง " นายสุพันธุ์ กล่าว

สำหรับการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นนั้น หากผลประกอบการครึ่งปีหลังออกมาในทิศทางที่ดีเหมือนกับครึ่งปีแรก บริษัทฯ อาจจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังได้ หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.08 บาท โดยจะกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 9 กันยายน 2552 นี้ ส่วนนโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ คือ ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวประเมินว่า หากบริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ คงช่วยดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาถือหุ้นของ SYNEX ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้หุ้นมีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น ส่วนฟรีโฟลทปัจจุบันอยู่ที่ 20% และมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันถือหุ้นอยู่ไม่ถึง 10%