|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เจียเม้ง หวั่นซัปพลายข้าวไม่พอ แม้ภาครัฐเปิดประมูลข้าว 3แสนตัน ระบุข้าวบรรจุถุงหอมมะลิสามารถตรึงราคาสิ้นปี ต้นปีส่อแววขึ้นราคาอีกระลอก ปรับตัวโฟกัสข้าวเซกเมนต์เพื่อสุขภาพ รับตลาดโต ปั้นวีไลฟ์ตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดกวาดแชร์ 20% สิ้นปีรายได้โต 30% หรือ 1,700 ล้านบาท
นางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายข้าวหงษ์ทอง เปิดเผยว่า สถานการณ์ข้าวในขณะนี้ซัปพลายยังไม่เพียงพอกับความต้องการตลาด แม้ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการเปิดประมูลข้าวในสต็อกจากโครงการรับจำนำข้าว 3 แสนตัน เพื่อให้ผู้ประกอบการตรึงราคาข้าวบรรจุถุงหลังจากมีแผนปรับราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขึ้น 10%ในเดือนสิงหาคม จากปัจจุบันขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 190-200 บาท ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ประมูลข้าว 1 แสน และภาครัฐยังคงเหลือข้าวในสต็อก 2 แสนตัน โดยในวันที่ 26 สิงหาคม นี้ รัฐบาลจะเปิดประมูลข้าวอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทมีข้าวในสต็อก 1-2 เดือน และจากการที่ประมูลข้าว 1 แสนตัน คาดว่าจะมีสต็อกได้นาน 3-4 เดือน จึงสามารถตรึงราคาข้าวได้นานประมาณถึงสิ้นปี และมีแนวโน้มว่าราคาข้าวจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2553 นี้ ปัญหาซัปพลายข้าวที่ไม่เพียงพอในขณะนี้ และต้นทุนค่าขนส่งที่ปรับขึ้น 10% จากราคาน้ำมันที่เพิ่มจากกว่า 20 บาท เป็นกว่า 30 บาท และราคาพลาสติก ค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์ข้าวบรรจุถุงจะเริ่มมีการทำโปรโมชันลดลง จากที่ผ่านมาผู้ประกอบการ ลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง
“การประมูลข้าวจากโครงการจำนำข้าวในครั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องเข้าไปในตลาดซื้อขายราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทำให้ควบคุมราคาไม่ได้ ราคาข้าวไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงจากการที่มีผู้เข้ามาเก็งกำไร โดยโครงการประกันราคาข้าว น่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าโครงการรับจำนำข้าว เพราะมีการทุจริต และทำให้กลไกราคาบิดเบือน”
นโยบายการตลาดบริษัทโฟกัสเซกเมนต์ข้าวเพื่อสุขภาพควบคู่กับความสะดวกสบาย รองรับตลาดข้าวเพื่อสุขภาพที่เติบโต 30% เมื่อปีที่ผ่านมาจากมูลค่า 450 ล้านบาท และคาดว่า 3 ปี มูลค่าเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ล่าสุดได้เปิดตัวข้าว “วีไลฟ์ บาย หงษ์ทอง” 3 รายการ คือ ข้าวกล้องเพาะงอก ข้าวสามกษัตริย์และข้าวหอมชมพู
นางโสพรรณ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดข้าวบรรจุถุงมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% เพราะไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆมากระตุ้นตลาด และเซกเมนต์ระดับกลางยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้คนหันไปกินข้าวระดับล่าง เมื่อเทียบกับข้าวระดับพรีเมียมไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่เซกเมนต์ข้าวเพื่อสุขภาพ เติบโตได้อีกมากในอนาคตเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% จากมูลค่าตลาดข้าวบรรจุถุง 2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทจัดทำกิจกรรมการตลาด โดยเน้นการจัดบูธชงชิม เพื่อเข้าตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย การทำโปรโมชัน ณ จุดขาย ในช่วงเดือนตุลาคม รูปแบบเอ็กซ์คูลซีฟแต่ละช่องทางจำหน่าย ด้านคู่แข่งในข้าวเพื่อสุขภาพขณะนี้มี 10 ราย อาทิ ข้าวมาบุญครอง เป็นต้น ส่วนข้าวหอมมะลิบรรจุถุงกว่า 50 ราย และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกบริษัทตั้งเป้าข้าวเพื่อสุขภาพวีไลฟ์มียอดขาย 4 หมื่นถุง หรือมียอดขายจาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท และผลักดันส่วนแบ่งเพิ่มจาก 11% เป็น 20% ในสิ้นปีนี้รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดมูลค่า 450 ล้านบาท นอกจากนี้ยังวางแผนส่งออกข้าวเพื่อสุขภาพวีไลฟ์ทำตลาดต่างประเทศ
จากการปรับกลยุทธ์โฟกัสกลุ่มสินค้าพรีเมียมและระดับล่าง การทำโปรโมชันที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจะ ผลักดันให้สิ้นปีนี้บริษัทเติบโต 30% หรือมีรายได้ 1,700 ล้านบาท โดยปัจจุบันข้าวหงษ์ทอง เป็นผู้นำตลาดข้าวบรรจุถุงหอมมะลิ ครองส่วนแบ่งมากกว่า 20% จากมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 70% ข้าวขาว และข้าวเพื่อสุขภาพ 30%
|
|
|
|
|