|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฟันธงวิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้ยาวนาน คาดฟื้นจริงปลายปี 2553 ระบุแวดวงนักวิชาการยังหาสัญญาณบวกไม่เจอ พลิกตำราทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ปรับใช้ไม่ได้ เผยถกนายกฯ แนะทางแก้วิกฤตใช้ความคิดสร้างสรรค์นำ แจงตัวเลขยอดขายรถเบนซ์ดีขึ้น 9% สวนทางตลาดรถยนต์รวมซบ พร้อมเปิดตัวรถ อี-คลาส โฉมใหม่ล่าสุด E500 นำเข้าทั้งคันเคาะราคากว่า 10 ล้านบาท สั่งรอรถนาน3-5 เดือน ส่วนรุ่นผลิตในประเทศเตรียมเปิดตัวปลายปีนี้
ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของโลกในรอบนี้หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ต่างหาทฤษฎีมาเพื่อปรับใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถปรับใช้ได้เลย ดังนั้นจึงยังไม่รู้ว่าจะฟื้นจริงๆ ได้เมื่อใด
“การถดถอยทางเศรษฐกิจรอบนี้ คาดว่าคงจะต้องใช้ระยะเวลาพักตัวอีกสักระยะหนึ่ง ทั้งสัญญาณต่างๆ ทางเศรษฐศาสตร์ก็ยังไม่แสดงการฟื้นตัวที่ชัดเจน และก็ไม่มีทฤษฎีใดสามารถนำมาปรับใช้กับเหตุการณ์ดังกล่าวได้เลย แต่หากจะให้ประเมินเราน่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างจริงจังได้ประมาณปลายปีหน้าหรือพ.ศ. 2553”
เพาฟเลอร์ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงแนวทางการรับมือกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ เห็นควรให้ภาครัฐมีแนวทางชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และควรเน้นใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นกุญแจสำคัญเพื่อการพลิกฟื้นจากภาวะวิกฤต
สำหรับยอดขายรถยนต์ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถยนต์นั่งรวมตกลงไปถึง 13% แต่ตลาดรถหรูตกลงเพียง 3% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาค่ายรถยนต์หรูต่างอัดแคมเปญและมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อรถได้ง่ายขึ้น ขณะที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 9%
“ในเซกเมนท์รถหรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 58% โดยมีรุ่นอี-คลาสเป็นตัวขายหลักด้วยยอดขายสะสม 1,842 คัน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายอี-คลาสยังคงขายดีแม้จะอยู่ในช่วงปลายอายุของโมเดลมีเหตุมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค บริการหลังการขายและการสนับสนุนจากไฟแนนซ์ด้านการปล่อยสินเชื่อ” เพาฟเลอร์ กล่าว
ทั้งนี้ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถยนต์ อี-คลาส โฉมใหม่ รหัส W212 ที่จะเข้ามาทำตลาดแทนรุ่นปัจจุบันโดยเป็นรุ่น E500 ราคากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งในช่วงแรกจะทำตลาดแบบนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน หลังสั่งแล้วต้องรอรถประมาณ 3-5 เดือน ขึ้นกับออพชั่นและไลน์ผลิตในประเทศเยอรมัน ส่วนรุ่นประกอบในประเทศไทยคาดว่าจะเปิดตัวราวปลายปีนี้ และพร้อมส่งมอบได้ภายในต้นปีหน้า
เพาฟเลอร์กล่าวว่า สาเหตุที่อี-คลาสเปิดตัวช้าเนื่องจาก อี-คลาส โฉมใหม่ มีเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ทันสมัยมากเกินกว่าระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านน้ำมันของไทยจะรองรับได้ ดังนั้นบริษัทฯ จึงต้องศึกษาให้ดีเสียก่อน ประกอบกับการขึ้นไลน์ผลิตจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ภาครัฐกำหนดด้วย จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ส่วนการทำตลาดรถอี-คลาสรุ่นใหม่ช่วงแรกคาดว่าจะมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ที่เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของไทย ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์NGT(ใช้แก๊สเอ็นจีวี) อาจจะมีทำตลาดในอนาคต สำหรับเป้าหมายยอดขาย คงจะรักษาระดับการขายให้อยู่ใกล้เคียงกับยอดขายเดิมของปีนี้
|
|
|
|
|