6 มี.ค. 30-รายงานข่าวจากคณะกรรมการบริษัทไทยแลนด์แทนทาลัม อินดัสตรี ประเทศไทย
จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้แม้ว่าการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างโรงงานถลุงแร่แทนทาลัมแห่งใหม่ที่จังหวัดระยองมีความคืบหน้าไปมาก
โดยเฉพาะด้านการเงินที่คาดว่าจะมีการเพิ่มทุนและเตรียมลงมือก่อสร้างในการประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
แต่ปัญหาที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควรก็คือด้านเทคนิคการผลิต ซึ่งบริษัทเฮอร์มันน์
ซี. สตาร์กฯ ของเยอรมนีไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายเทคนิคการผลิตให้กับบริษัทเหมือนที่ผ่านมาได้หรือไม่
เพราะการตัดสินใจทั้งหมดต้องขึ้นตรงต่อบริษัทไบเออร์ที่เพิ่งเข้ามาซื้อกิจการไปเมื่อเร็ว
ๆ นี้ ซึ่งหากบริษัทเฮอร์มันน์ ซี. สตาร์กฯ และนายไบเออร์จะเจรจา นาย บี.
เจ. ฮิลล์ กรรมการอำนวยการและนายเจน บุญส่ง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะกรรมการบริษัทไทยแลนด์แทนทาลัมฯ
ก็จะเดินทางไปเยอรมันนีเพื่อหาข้อยุติเรื่องดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้
- ทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ ผู้ว่าการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัทมิตซุย
มารุเซนและซิโน-ไทยฯ ก่อสร้างคลังก๊าซแอลพีจีและคลังน้ำมันที่จังหวัดสงขลาในวงเงิน
365 ล้านบาท ว่าจ้าง บริษัทไทยฟูคุยและอาซาโนะเอนจิเนียริ่งก่อสร้างอาคารสำนักงานและบ้านพักในวงเงิน
74.8 ล้านบาท และ บริษัทวากาชิกุและซิโน-ไทยฯ ก่อสร้างท่าเรือรับ-จ่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในวงเงิน
108 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 550 ล้านบาท โดยคลังก๊าซและน้ำมันนี้ จะตั้งอยู่ในเนื้อที่
102 ไร่ บริเวณตำบลหัวเขา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างนานประมาณ
17 เดือน เมื่อคลังดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์จะเป็นจุดสำรองและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสนองความต้องการของภาคใต้ทั้งหมดได้อย่างทั่วถึง
ประหยัดค่าขนส่งจากเดิมที่ต้องย้อนไปมาระหว่างต่างประเทศถึงกรุงเทพฯ แล้วขนกลับมายังภาคใต้ได้ถึง
1,500 กิโลเมตร และจะช่วยเสริมโครงสร้างการขายส่งก๊าซแอลพีจีราคาเดียว ณ
คลัง ให้ประชาชนภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาสามารถซื้อก๊าซแอลพีจีในราคาถูกลงด้วย