ธปท.ปรับเกณฑ์การนำทุนสำรองไปลงทุนยังต่างประเทศ ตามพ.ร.บ.ฉบับใหม่ เพิ่มพันธบัตรประเทศที่มีความน่าเชื่อถือระดับ AA จากเดิมที่ลงทุนได้เฉพาะประเทศที่มีความมั่นคงดีเลิศที่ระดับ AAA ความทำให้สามารถเลือกลงทุนได้กว้างขึ้น และหากำไรได้มากขึ้น แต่ยังยึดลงทุนในเงินสกุลหลักของโลก

แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การหารือของฝ่ายบริหารทุนสำรองทางการะหว่างประเทศ ธปท.กับคณะกรรมการธปท.เพื่อขอเพิ่มประเภทการนำทุนสำรองทางการะหว่างประเทศไทยไปลงทุนในพันธบัตร และสินทรัพย์ต่างประเทศ ตามที่ พ.ร.บ.ธปท.ฉบับใหม่ได้เพิ่มอำนาจในการลงทุนของธปท.และขยายประเภทสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ธปท.สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้นได้ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น

ในเบื้องต้นได้ข้อสรุปการขยายประเภทสินทรัพย์ที่ ธปท.จะนำทุนสำรองฯไปลงทุน ว่า จะเริ่มจากการขยายประเภทของพันธบัตรรัฐบาล ที่ ธปท.สามารถลงทุนได้เพิ่มเติม โดยกฎหมาย ธปท.ฉบับเดิม กำหนดให้ต้องลงทุนในพันธบัตรที่มีความมั่นคงสูงสุด คือ พันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด หรือระดับ AAA สามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่ได้อันดับความน่าเชื่อถือระดับ AA ได้ ซึ่งทำให้ ธปท.สามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศได้มากประเทศขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ เริ่มมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยบางประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน มีประเทศใหม่ๆ ที่ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ดังนั้น การขยายการลงทุนไปยังประเทศที่มีความอันดับความน่าเชื่อถือต่ำลงมา แต่มีฐานะเศรษฐกิจที่มั่นคง อาจจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น โดยมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระดับที่สามารถยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม ในครั้งแรกนั้น ธปท.ได้เสนอขยายการลงทุนไปยังพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่ได้อันดับความน่าเชื่อถือ ระดับ A ด้วย แต่คณะกรรมการ ธปท.ยังมีความกังวลถึงในแง่การบริหารความเสี่ยง และฝากให้ธปท.ศึกษาความเสี่ยงให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งก่อน

ส่วนการขยายการลงทุนของทุนสำรองฯของไทยไปยังสินทรัพย์ หรือพันธบัตรของเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ AAA นั้น ในขณะนี้ยังไม่มีการเสนอ หรือขอหารือเพื่อให้อนุมัติเพิ่มประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุนได้เพิ่มเติมในส่วนของเอกชน ในช่วงแรกนี้ จะเริ่มที่การขยายประเภทการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก่อน และหากในอนาคตหากศึกษาได้อย่างชัดเจน และถึงเวลาที่เหมาะสม ก็สามารถขออนุมัติจากคณะกรรมการ ธปท.ได้

“ขั้นตอนการขอเพิ่มประเภทสินทรัพย์ที่จะนำทุนสำรองฯ ไปลงทุนนั้น ประเภทที่เพิ่มขึ้นจะต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการ ธปท. ต่อจากนั้นคณะกรรมการบริหาร จะเป็นคนเลือกชนิด ตัวสินทรัพย์ที่ฝ่ายบริหารทุนสำรองฯ จะไปลงทุน แล้วขออนุมัติจากคณะกรรมการธปท.อีกครั้งหนึ่ง”

ส่วนการปรับเปลี่ยนการถือครองเงินสกุลต่างๆ ในทุนสำรองทางการะหว่างประเทศนั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า ธปท.ยังเน้นที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลกอยู่ ขณะเดียวกันก็กำลังศึกษา การเพิ่มปริมาณของเงินสกุลอื่นๆ ในระบบการค้าโลก เช่น เงินหยวน ของจีน หรือเงินสกุลอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเงินหยวนนั้น แม้ว่าประเทศจีนจะเริ่มปรับเปลี่ยนการค้าระหว่างประเทศกับประเทศคู่ค้ามาเป็นเงินหยวนมากขึ้น ซึ่งในส่วนของผู้ส่งออก-นำเข้าไทยก็มีการปรับเป็นเงินหยวนมากขึ้น แต่ระบบบริหารทุนสำรองของไทยในขณะนี้ มีความยืดหยุ่นที่จะรองรับได้ โดยไม่ต้องปรับสกุลเงินที่มีอยู่ในทุนสำรองฯ ในขณะนี้

ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่า การเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของธปท.นั้น จะเป็นแนวทางหนึ่งในการกดค่าเงินบาทในอ่อนค่าลงนั้น แหล่งข่าว ยอมรับว่า การบริหารการลงทุนในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ หรือการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า นั้น เป็นเครื่องมือในการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนฯของธปท.ด้วย แต่หลักการในขณะนี้ คือ การเพิ่มโอกาสในการลงทุน และหารายได้เพิ่มขึ้น เพราะธปท.มีรายจ่ายจำนวนมากขึ้นในการบริหารสภาพคล่องในประเทศให้อยู่ในระดับเหมาะสม