|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
"บิ๊กธนาพัฒน์"เบรกแผนลงทุนโครงการใหม่ เร่งระบายสต๊อกโครงการในมือ 700-800 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่อง มั่นใจสิ้นปีเคลียร์สต๊อกหมด พร้อมปรับรูปแบบวิลลาหรูหลังละ30ล้านบาทในภูเก็ต รองรับความต้องการกลุ่มเศรษฐี จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ หลังวิกฤตเศรษฐกิจฉุดกำลังซื้อลูกค้ายุโรป –สแกนดิเนเวีย ชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาฯในไทย
นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ได้ก่อผลกระทบกับการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งสัญญาณดังกล่าวเกิดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลจะได้ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แต่ผลของมาตรการยังไม่ได้ส่งผลในทันที ทำให้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทไม่กระเตื้องเท่าที่ควร
ดังนั้น คณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ได้ตัดสินใจให้ยืดแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของปี52ออกไป เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์และรักษาสภาพคล่องของบริษัท ให้มีความพร้อมรับมือสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ บริษัทธนพัฒน์ฯจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่
สำหรับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายที่อยู่อาศัยของบริษัทเฉลี่ยต่อเดือน 4-5 ยูนิตต่อเดือน ถือว่าลดลงไปมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี51 ดังนั้น สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการจากนี้ไปคือ การระบายสต๊อกบ้านเก่าที่อยู่ระหว่างการเปิดขาย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านธนพัฒน์ เฮาส์ พระราม3 โครงการอรุณพัฒน์ฯ พระราม3- สาธุประดิษฐ์ และโครงการธนพัฒน์ 360 พระราม 3 โดยในทุกโครงการมียอดขายแล้วเฉลี่ยโครงการละ 60-70% หรือมีสต๊อกที่อยู่อาศัยรอขายในพอร์ตประมาณ 700-800ล้านบาทจากทั้ง 3โครงการ
“ เรามั่นใจว่า สต๊อกที่อยู่ในมือจะระบายได้หมดภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากลูกค้ามีแนวโน้มการฟื้นตัวในการตัดสินใจซื้อบ้าน บวกกับมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯของรัฐบาล เริ่มส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้นแล้ว โดยสามารถวัดได้จาก จำนวนยอดขายต่อเดือนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20-30 ยูนิต ทำให้มั่นใจว่า ภายในสิ้นปีจะขายบ้านในสต๊อกออกได้หมด”
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯได้ปรับแบบโครงการวิลลาในจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้รองรับกลุ่มลูกค้าในแถบเอเชียมากขึ้น จากเดิมที่เน้นรูปแบบกลุ่มลูกค้าชาวยุโรปและสแกนดิเนเวีย เนื่องจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีปริมาณลดลงและชะลอการตัดสินใจ เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
“ จะเห็นได้ว่า ครึ่งปีที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มยุโรปและสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ มีปริมาณลดลงไปมากต่างกับลูกค้าจากประเทศอินเดีย จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีแนวโน้มเดินทางเข้ามาในไทยถี่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าสิงคโปร์และจีน ที่ชื่นชอบภูมิอากาศในไทย โดยเฉพาะจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด และด้วยเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตอย่างมาก ทำให้เกิดเศรษฐีใหม่จำนวนมาก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาฯในไทย เพราะมีความคุ้นเคยและมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน ”
สำหรับโครงการวิลลาในจ.ภูเก็ต ซึ่งมีจำนวน 6 ยูนิต ราคาเริ่มต้น30ล้านบาท มูลค่ารวม 180-200ล้านบาทนั้น คาดว่าจะปรับแบบเสร็จและสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายปีนี้
|
|
 |
|
|