|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โจนส์ แลงฯ ชี้ธุรกิจโรงแรมในเมืองหลวงกทม. ยังไม่พ้นมรสุม! เผยโรงแรมกลุ่ม5ดาวยอดเข้าพักลดฮวบ 33.3% หวั่นหากปริมาณนักท่องเที่ยวไม่ฟื้นเร็ว เชื่ออีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจโรงแรมแข่งขันดุ เหตุห้องพักใหม่สร้างเสร็จกว่า 7,000 ห้อง
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่าน ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ มีผลประกอบการที่ไม่ดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง บวกกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งเกิดจากวิกฤตการเงินในสหรัฐฯได้ลุกลามไปสู่ภาคสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐฯและกระทบไปยังประเทศต่างๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าโลกมีอัตราเติบโตลดลง เช่นเดียวกับมูลค่าในตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลดหายไปจำนวนมหาศาล ล้วนแล้วแต่มีผลถึง”กำลังเงิน”ของนักท่องเที่ยว
โดยผลการศึกษาจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของโจนส์ แลง ลาซาลล์ และให้บริการที่ปรึกษาการลงทุนทางด้านธุรกิจโรงแรม ระบุว่า ทั้งกลุ่มโรงแรมระดับกลางและระดับหรูของกรุงเทพฯ ล้วนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี พบว่า กลุ่มโรงแรมระดับกลางได้รับผลกระทบน้อยกว่า
รายงานการศึกษาฉบับดังกล่าวจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ ระบุว่า โรงแรมทุกระดับในกรุงเทพฯได้รับแรงกดดันที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักมาก ทั้งนี้ กลุ่มโรงแรมต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ มีผลประกอบการโดยรวมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงระหว่างปี 2539 และ 2540
โดยภาพรวมแล้ว ธุรกิจโรงแรมทั่วเอเชียมีผลประกอบการที่ไม่ดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่นกัน แต่ผลการศึกษาพบว่า ธุรกิจโรงแรมของกรุงเทพฯ มีผลประกอบการลดลงมากที่สุด โดยเมื่อเทียบระหว่างเดือนมิถุนายนปี 52 กับเดือนมิ.ย.ของปี51 พบว่า โรงแรมในกลุ่มห้าดาว มียอดการเข้าใช้ห้องพักลดลง 33.3% ส่วนโรงแรมในกลุ่มสี่ดาวลดลง 28.8%
อย่างไรก็ดี ในส่วนของอัตราค่าบริการห้องพัก พบว่า การปรับตัวลดลงของค่าบริการชะลอตัวลง ไม่ตกลงอีกมากนักเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในเอเชีย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ที่มีอัตราค่าห้องพักปรับลดลงมากถึง 20% หรือกว่านั้น
นายแอนดรูว์ แลงดอน รองประธานบริหารอาวุโสของโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ประจำประเทศไทย กล่าวว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางมากรุงเทพฯ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 21.1% ซึ่งเป็นผลจากหลายๆ ปัจจัยรวมกัน ได้แก่ เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
“ในระยะสั้น คาดว่าธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ จะยังคงอยู่ในภาวะที่มีความท้าทายสูง เนื่องจากตลาดโรงแรมทั่วภูมิภาคและทั่วโลกจะยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจโลกต่อไป แต่ในระยะปานกลางถึงระยะยาว เชื่อว่าทิศทางน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น”นายแอนดรูว์กล่าว และคาดว่า
ในช่วงสองปีข้างหน้า อัตราการเข้าใช้ห้องพักของโรงแรมระดับห้าและสี่ดาวจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ระหว่าง 50%-60% ทั้งนี้ การฟื้นตัวของระดับการเข้าใช้บริการห้องพัก จะขึ้นอยู่กับจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางมากรุงเทพฯ จะมีการขยายตัวรองรับจำนวนโรงแรมที่จะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเมินว่า ในปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาไทย 14.5 ล้านคน แต่ในการประชุมครั้งล่าสุด ททท.ได้มีการเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือ 12 ล้านคน เนื่องจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ ปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า เป้า 14 ล้านคนสามารถทำได้ โดยส่วนหนึ่งจะมีการดึงงบจากโครงการไทยเข้มแข็งเข้ามาส่งเสริมทำการตลาดมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ ในระยะที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมต่างออกมาระบุอย่างต่อเนื่อง เจ้าของธุรกิจโรงแรม ไม่สามารถแบกรับภาระได้ จึงต้องทยอยปิดกิจการหรือประกาศขายโรงแรมให้แก่นักลงทุนที่สนใจ
3ปีข้างหน้าห้องพักใหม่ทะลัก7พันห้อง
รายงานจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ยังได้เตือนถึงสัญญาณที่จะส่งผลต่อการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมว่า ในช่วงระหว่างปี 2552 ถึง 2554 จะมีโรงแรมที่บริหารโดยเชนระหว่างประเทศสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ อีกราว 7,154 ห้องพัก หรือประมาณ 11.2% ของจำนวนห้องพักที่จะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นทั้งหมด ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดนี้ ราว 50.7% จะเป็นห้องพักของโรงแรมในกลุ่มสี่ดาว ส่วนที่เหลือ เป็นห้องพักของโรงแรมในกลุ่มห้าดาวและสามดาวในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
ดังนั้น การที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวช้า จำนวนห้องพักโรงแรมที่จะขยายตัวเพิ่มและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมของกรุงเทพฯ มีความท้าทายสูงในระยะปานกลางหรือจากนี้ไปจนถึงปี 2555 ซึ่ง ภาครัฐฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตระหนักถึงความท้าทายนี้ดีและกำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟูภาคธุรกิจการท่องเที่ยว
|
|
|
|
|