ชื่อไมเคิล เซลบี้ ดังขึ้นครั้งแรกในห้วงเวลาของความพยายามกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
ปฐมสยาม ของกลุ่ม พีเอสเอ.โดยการชักนำเอจีซี (AUSTRALIA GARUNTEE CORPERATION)
เข้ามาเทคโอเวอร์เพื่อแก้วิกฤติการณ์ธุรกิจของกลุ่ม พีเอสเอ. ในเปราะสำคัญเปราะหนึ่ง
เขา-ในฐานะผู้บริหาร BUSSINESS ADVISORY THAILAND (BAT) ซึ่งไม่ค่อยจะมีใคร
"ภูมิหลัง" มากนัก กลายเป็นบริษัทเข้ามาจัดการปรับโครงสร้างและทำแผนการชำระหนี้สินของบรรดากลุ่มธุรกิจใหญ่
ๆ ที่มีปัญหาทั้งหลายในประเทศ
จะว่าด้วยเหตุผลแท้จริงเป็นอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้เอจีซีสามารถเข้ามาแบบปฐมสยามสำเร็จแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นเอจีซี
(ประเทศไทย) แต่ BUSSINESS ADVISORY THAILAND ก็ดังติดหูติดปาก บรรดาธนาคารพาณิชย์เมืองไทยเสียแล้ว
อย่างไรก็ตามมีผู้อธิบายความสำเร็จครั้งนั้นไว้หลายสูตร บางสูตรว่าเพราะแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังร่วมหอลงโลงด้วย
การเจรจาที่เคยค้างเติ่งตั้งแต่ต้นปี 2529 จึงสำเร็จได้ในปลายปี บ้างก็ว่า
เพราะบรรดาเจ้าหนี้รายใหญ่เป็นชาวต่างชาติ พูดภาษาเดียวกับไมเคิล เซลบี้
ประกอบกับเอจีซี มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ต้องยอมรับกันว่าบีเอทีดังเร็วเหมือนพลุ ซึ่งอาจจะหมายถึงเวลาดับด้วย!??
จนถึงวันนี้ "ภูมิหลัง" ของกลุ่มนี้ก็ทราบเพียงว่าเคยหากินอาชีพเดียวกันนี้ที่
มาเลเซียและอินโดนีเซียมาก่อน จะด้วยเหตุผลที่งานไม่มี หรือไม่มีใครจ้างไม่ทราบชัด
จึงย้ายฐานเข้ามาเมืองไทย ผู้ก่อตั้งและบุคคลสำคัญของบีเอที นอกจากไมเคิล
เซลบี้แล้วก็มีคริสเตียนนี่ เดอฟอร์ด ภรรยาของอดีตผู้จัดการธนาคารเชสแมนฮัตตัน
ในประเทศไทยซึ่งเธอเป็นผู้หญิงที่เก่งมากคนหนึ่ง สามารถชักนำเซลบี้เขาคลุกกับวงการธนาคารต่างประเทศได้
แต่แล้วสามีของเธอต้องถูกย้ายออกจากประเทศไทย ไปทำงานในที่ที่รู้สึกว่าถูกลงโทษ
เขาจึงลาออก คริสเตียนนี่ เดอฟอร์ดจึงถอนตัวออกจากบีเอทีจากเมืองไทยชนิดไม่เหลียวหลัง
"เขาว่ากันว่าที่ผ่านมาเชสแมนฮัตตันแบงก์ในเมืองไทยมุ่งสนับสนุนกิจการใหญ่
อาทิ พีเอสเอ. มาบุญครองอะไรเทือกนี้ จึงเจอหนี้สูญเยอะ ผลงานไม่ประทับใจ
มิสเตอร์ เดอฟอร์ดจึงถูกย้าย" วงการพูดกันอย่างนั้น
ภายหลังจากเดอฟอร์ดไปแล้ว ไมเคิล เซลบี้ก็ได้น้องชายเดวิด เซลบี้ ซึ่งจบกฎหมายจากสหรัฐฯมาช่วยงานอีกคน
จากความสำเร็จที่กลุ่ม พีเอสเอ. บีเอทีจึงรับงานชิ้นใหญ่ ๆ อีกหลายชิ้น
ซึ่งรวมถึงมาบุญครอง สยามกลการและไทยเสรีห้องเย็น
ที่มาบุญครองนั้นเซลบี้ดังมาก เพราะต้องให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน
ดูเหมือนบางครั้งจะเหนื่อยกว่าการจัดทำแผนเสียด้วย คำพูดที่เซลบี้พูดครั้งแล้วครั้งเล่าก็คือ
"จะลงนามกันเร็ว ๆ นี้" ซึ่งหมายถึงแผนการชำระหนี้ของเขาได้รับความเห็นชอบทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้
อันเป็นยอดปรารถนาของเขา
เขาพูดเช่นนี้เป็นปีแล้วก็ได้เฉพาะกรณีมาบุญครอง!!
ส่วนสยามกลการ นั้นการดำเนินงานเป็นไปอย่างเงียบเชียบแต่ลึก ๆ ก็ว่าเขาต้องถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายในบางครั้งกับนุกูล
ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการบริหารสยามกลการส่วนที่ไทยเสรีห้องเย็นนั้นก็ตกม้าตายตั้งแต่ยกแรก
เพราะบรรดาเจ้าหนี้ไม่รับข้อเสนอ ทั้งยังหันไปทำแผนการเอง
สิ่งที่เจ้าหนี้ซึ่งหมายถึงบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทยไม่ยอมก็คือบีเอที มักจะเสนอให้ตัดหนี้สูญทันที
20% อะไรทำนองนี้
"ในประเทศไทยโครงสร้างทางกฎหมายไม่เอื้ออำนวยและสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการ
ธนาคารเจ้าหนี้ไม่สามารถตัดหนี้สูญและได้เครดิตภาษีโดยไม่ต้องฟ้องร้อง"
เขาเคยกล่าวในงานสัมนาเรื่องกฎหมายล้มละลายเมื่อไม่นานมานี้
เขามีทรรศนะในการฟื้นฟูกิจการที่มีปัญหาไว้ว่า หนึ่ง-โดยพื้นฐานแล้วธุรกิจนั้น
สามารถดำเนินต่อไปอย่างมีกำไรหรือไม่ สอง-หากมี ความเป็นไปได้ ในกรณีที่หนี้สินมากเกินไป
ธนาคารเจ้าหนี้ควรยอมขาดทุนบ้าง และ สาม-เจ้าของกิจการได้รับความเชื่อถือจากเจ้าหนี้เพียงใด
ก็ต้องนับว่าเขาไม่เลวนักหรอก เพียงแต่ว่าผลงานใหญ่ที่กำลังปลุกปล้ำยังไม่สัมฤทธิ์ผลเท่านั้น??