|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
CPF ลั่่นพร้อมทำครัวไทยสู่ครัวโลก ตั้งเป้าเพิ่มยอดส่งออกอาหารภายใต้แบรนด์ CP ให้ได้ 1 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี มั่นใจศักยภาพพร้อม เหตุมีประสบการณ์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเดินหน้ารุกตลาดฮ่องกงเพิ่ม หลังเปิดตลาด 3 ปียอดส่งออกโตกว่า 100 เปอร์เซนต์ทุกปี ล่าสุดเตรียมส่งสินค้าใหม่ลงตลาดทั้ง หมูสดแช่แข็งและไส้กรอกสไตล์ญี่ปุ่น
นายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า การประกอบธุรกิจอาหารของบริษัทในปัจจุบันได้เล็งเห็นถึงความยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจแบบครบวจร เพื่อคุณภาพของอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าซีพีมากขึ้น (ซีพีแบรนด์)
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจเฉพาะอาหารภายใต้ซีพีแบรนด์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมียอดการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ซีพีรวมแล้วกว่า 3,400 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง 5 ทวีปทั่วโลก โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่มีมูลค่าสูงที่สุดประมาณ 900 กว่าล้านบาท และที่รองลงมาเป็นประเทศในทวีปยุโรปประมาณ 800 ล้านบาท ส่วนอันดับที่ 3 เป็นเขตบริหารพิเศษฮ่องกงที่ประมาณ 370 ล้านบาท
"เราต้องการตอกย้ำความยั่งยืน หลังจากที่มองว่าการขายคอมมอดิตี้นั้นมันแกว่งตัว ซึ่งเราพยายามวิจัย และพัฒนาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพมากที่สุดจากตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยหลังจากนี้เราจะพยายามสร้างรายได้จากการส่งออกอาหารภายใต้แบรนด์ของซีพีให้ขยายตัวถึง 1 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี"
นายพิสิฐ กล่าวต่อไปว่า ทางบริษัทมีความพร้อมที่จะผลิตอาหารเพื่อส่งออกไปยังทุกพื้นที่ทั่วโลก ตามแนวความคิดครัวไทยสู่ครัวโลก แต่ในการทำตลาดของบริษัทจะมีการทำวิจัยอย่างทีถ้วนก่อนที่จะนำสินค้าออกขาย เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องตามแต่ละภูมิภาค
"การส่งออกอาหารของเราจะต้องวิจัยอย่างดี และจะไม่ส่งไปแบบซุ่ม ซึ่งสินค้าแต่ละตัวเราต้องเลือกเอาพระเอกที่คิดว่าน่าจะขายได้ไปแล้วค่อยขยาย ส่วนเรื่องอาหารฮาลาลยิ่งไม่ต้องห่วง เราเป็นอาหารฮาลาลมาตั้งแต่ขั้นตอนการเชือดไก่ และเราก็ทำถูกต้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว โดยหากจะขยายตลาดเข้าไปในตะวันออกกลางเราก็ทำได้ เพราะเรามีโรงงานในประเทศตุรกี"นายพิสิฐกล่าว
**รุกขยายตลาดฮ่องกง**
สำหรับการขยายการส่งออกอาหารในฮ่องกง นายพิสิฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัททำการเปิดตลาดอาหารภายใต้แบรนด์ซีพีบนเกาะฮ่องกงมาได้ประมาณ 3 ปี และมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซนต์เกือบทุกปี โดยในปีแรกมียอดการส่งออกอาหารสูงกว่า 80 กว่าล้านบาท และในปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 170 กว่าล้านบาท ส่วนในปีล่าสุดมียอดส่งออกที่ประมาณ 370 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้บริษัทคาดว่ายอดการส่งออกอาหารจะขยายตัวอีกได้ถึง 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องดังกล่าวน่าจะเป็นผลมาจากการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวฮ่องกงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ชาวฮ่องกงหันมาให้ความสนใจบริโภคอาหารที่มีราคาลดลง แต่ยังคงเน้นในเรื่องของคุณภาพและรสชาติอยู่เช่นเดิม
"เป็นที่ทราบดีว่าคนฮ่องกงเน้นเรื่องความอร่อย คุณภาพ ซึ่งเราสามารถทำได้ เพราะเราทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง อย่างเกี้ยวกุ้งที่มาทำตลาดต้องใช้เวลาวิจัยเยอะ ชิมแล้วชิมอีกกว่าจะออกมาได้รสชาติตามที่นิยม ซึ่งสินค้าที่เราส่งมาขายอย่างที่บอกเราคัดตัวพระเอกและต้องมั่นใจจริงๆ โดยอย่างน้อยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ซีพีก็น่าจะมีให้เลือกกินครบ 3 มื้อ และเป็นไปได้ว่าเขาจะต้องบริโภคสินค้าเราไม่มื้อใดก็มื้อหนึ่ง"นายพิสิฐกล่าว
นายพิสิฐ กล่าวอีกว่า การที่บริษัทมาขยายตลาดในฮ่องกง เนื่องจากเป็นเขตที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งปัจจุบันฮ่องกงมีประชากรเพียงแค่ 7 ล้านคน แต่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึงปีละกว่า 29 ล้านคน ทำให้มียอดของมูลค่าตลาดอาหารสูงถึงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และน่าจะขยายตัวได้อีกในอนาคต โดยมีประเทศจีนเป็นคู่แข่งสำคัญของบริษัท แต่ในช่วงที่ผ่านมาคุณภาพของสินค้าจีนมีปัญหาเกิดขึ้นอย่าต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของเมลามีนในนม และไข่ไก่ปลอมทำให้สินค้าของบริษัทมีคุณภาพสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม จากที่กล่าวมาข้างต้นว่าบริษัทได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวฮ่องกงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นคงไม่ส่งผลในแง่ลบกับการส่งออกอาหารของบริษัท เนื่องจากคุณภาพ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงการบริโภคของคนรุ่นใหม่ในฮ่องกงมีจะเน้นเรื่องควาสะดวกสะบาย และรสชาติอาหารไปพร้อมกัน
สำหรับ การทำตลาดในประเทศฮ่องกงล่าสุด ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ หมูสดแช่แข็ง และไส้กรอกสไตล์ญี่ปุ่น หลังจากที่มีผลิตภัณฑ์ ไข่ไก่สด อหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เกี้ยงกุ้ง-เกี้ยวหมูแช่แข็ง รวมถึงโจ๊กหมู และโจ๊กปลาไปก่อนหน้านี้แล้ว
"การทำตลาดคงจะใช้งบในช่วงแรกเยอะหน่อย ซึ่งโฆษณาที่ใช้บางตัวเป็นอันเดียวกับในประเทศไทยแต่เปลี่ยนภาษา นอกจากนี้เราก็นำดาราของฮ่องกงมาร่วมงานด้วยกับการเปิดสินค้าใหม่ ส่วนที่นอกเหนือจากทีวีก็จะเป็นการให้ลองชิมอาหารตามซูปเปอร์ที่มีสินค้าเกือบครบทุกพื้นที่ในฮ่องกง และการชิงรางวัลสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าของเรา"นายพิสิฐกล่าว
|
|
|
|
|