Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน14 สิงหาคม 2552
GLOWปันผลเพิ่มแม้กำไรลด             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)

   
search resources

Energy
โกลว์ พลังงาน, บมจ.




“โกลว์ พลังงาน”ผลงาน 6 เดือนแรกกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 6.9 เหลือ 2,018 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นหลังพ้นกำหนดยกเว้นของบีโอไอ แต่ใจป้ำจ่ายปันผลเพิ่มเป็น 0.70 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 11 กันยายนนี้

นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า บมจ. โกลว์ พลังงาน หรือ GLOW มีงบการเงินรวมในไตรมาส2/52 คิดเป็นกำไรสุทธิ 1,549.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส2/51 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 736.99 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 2,018 ล้านบาท ลดลงร้อยละ6.9 จากงวดเดียวกันในปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 2,166 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 121.9 ล้านบาทจาก 117.6 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2551 มาอยู่ที่ 239.5 ล้านบาท โดยภาษีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากรายได้บางส่วนของ บมจ.โกลว์ พลังงาน ที่พ้นกำหนดระยะเวลาการยกเว้นภาษีของบีโอไอ

สำหรับ งบการเงินเฉพาะกิจการในไตรมาส2/52 บริษัทมีกำไรสุทธิ 297.76 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2/51 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 343.10 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนปี 52 คิดเป็นกำไรสุทธิ 2,146.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,489.33 ล้านบาท

โดยผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 17,245 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) จำนวน 3,660 ล้านบาท ทำให้บริษัทกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) จำนวน 1,771 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเป็นกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ พบว่าในไตรมาส2/52 มีจำนวน 1,173 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 96 หรือจาก 598 ล้านบาทในไตรมาส 1/52โดยมีสาเหตุหลักจากการฟื้นตัวของความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ค่าไฟฟ้าที่ทรงตัว รวมถึงความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability) ที่สูงขึ้น และเงินชดเชยจากประกันภัย

สำหรับ ยอดขายลูกค้าอุตสาหรรมมีการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/525 และได้กลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ในขณะที่กำไรจากยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซและถ่านหินที่ค่อยๆ ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1 โดยเฉพาะราคาถ่านหินที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 2 โดยราคาลงไปอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อตัน เมื่อเทียบกับ 125 เหรียญสหรัฐต่อตันในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551

ขณะเดียวกัน นับจากที่โรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ (CFB#1) ซึ่งได้มีการหยุดดำเนินการนอกแผนงานในไตรมาส 1 และกลับมาเริ่มดำเนินการผลิตตามปกติได้อีกครั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability) ในไตรมาส 2 อยู่ในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนั้นบริษัทยังได้รับเงินชดเชยจากการประกันภัยสำหรับการหยุดดำเนินการนอกแผนงานดังกล่าว โดยในไตรมาส 2 นี้ซึ่งได้บันทึกเงินชดเชยจำนวนประมาณ 170 ล้านบาท จากยอดเรียกร้องเงินชดเชยรวมประมาณ 300 ล้านบาท

และจากการที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้สำหรับการขยายโรงไฟฟ้าในปี 2552 เรียบร้อยแล้ว บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 0.70 บาทต่อหุ้น จากจำนวน 0.60 บาทต่อหุ้นในปีก่อนหน้า โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 27 สิงหาคม 2552 (Record Date) และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 11 กันยายน 2552

“เรามีความพึงพอใจในผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2552 นี้ โดยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสดังกล่าวก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ยอดขายลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทกังวลตั้งแต่ช่วงต้นปีมีการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 1 จนกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ในขณะเดียวกันเราหวังว่ากำไรของธุรกิจพลังความร้อนและไอน้ำร่วม(Cogeneration) จะกลับมาดีขึ้นจากปีที่แล้วที่ต้นทุนเชื้อเพลิงมีราคาสูง ขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าหรือค่า Ft ไม่ได้สะท้อนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สำหรับปีนี้ต้นทุนเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง โดยเฉพาะราคาถ่านหินซึ่งปรับตัวลงมาเกือบร้อยละ 50 นอกจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีแนวโน้มดีขึ้น ความต้องการใหม่จากลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดดำเนินการเช่นกัน และเมื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 115 เมกกะวัตต์เริ่มดำเนินการในช่วงปลายปีนี้จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2553 สูงขึ้น ทั้งนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้า โกลว์จะเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าที่มีอัตราการเติบโตของกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 1,300 เมกกะวัตต์ หรือสูงขึ้นร้อยละ 67”นายเอซ่า

ด้านนายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริหารในการจัดหาเงินทุนสำหรับการขยายโรงไฟฟ้า และสภาพคล่องในตลาดที่ดีขึ้น โดยการจัดหาเงินทุนในปีหน้าจะมีระยะเวลาการกู้ยืม (Tenor) เพียง 2 ถึง 4 ปีเท่านั้น นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าโกลว์จะยังคงนโยบายในการสร้างประโยชน์สูงสุดจากฐานะทางการเงินของเรา โดยเรามุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่นอกจากจะจ่ายเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจแล้ว ยังมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us