Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน14 สิงหาคม 2552
ธปท.ปล่อยผีแบงก์นอกให้ขยายสาขา             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
บัณฑิต นิจถาวร
Banking and Finance




แบงก์ชาติเตรียมอนุญาตให้สาขาธนาคารต่างชาติเปิดเพิ่มและขยายบทบาททางธุรกิจมากขึ้น ส่วนแบงก์พาณิชย์ไทย ใครดูแลความเสี่ยงดีให้รางวัลเปิดเสรีผลิตภัณฑ์ออกได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธปท.พร้อมด้วยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมแผนแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(มาสเตอร์แพลน) ฉบับที่ 2 เสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และหากได้รับการอนุมัติจะเตรียมชี้แจงให้แก่ธนาคารพาณิชย์ไทยและนอกประเทศเพื่อให้รับทราบถึงทิศทางการพัฒนาระบบสถาบันการเงินในไทยระยะต่อไป และคาดว่าสถาบันการเงินไทยจะสามารถนำแผนดังกล่าวมาใช้ได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

“ต่อไประบบแบงก์ไทยเราจะขยายในแง่ของขนาดธุรกิจ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงเป็นสำคัญ และหากแบงก์ไหนทำได้ดีจะมีการเปิดเสรีมากขึ้นโดยที่เราไม่ต้องเข้าไปกำกับดูแลมากเหมือนปัจจุบัน ซึ่งแบงก์สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาได้จะให้ความสำคัญรูปแบบธุรกิจเฉพาะที่สถาบันการเงินไทยยังขาดอยู่ รวมถึงในแง่ของสาขาธนาคารต่างชาติจะอนุญาตเพิ่มสาขา จากเดิมกำหนดให้มีตั้งในไทยได้สาขาเดียว ควบคู่ไปกับเพิ่มบทบาทและขอบเขตทำธุรกิจมากขึ้น” รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าว

ทั้งนี้ แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับดังกล่าวเป็นแผนพัฒนาระบบการเงินไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้า คือ ในช่วงปี 2552-2556 มุ่งเน้น 3-4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ลดต้นทุนระบบสถาบันการเงินไทยต่ำลง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับต้นทุนต่ำด้วย และสถาบันการเงินไทยสามารถแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ต่างชาติได้ โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนที่เกิดจากการกันสำรองจากหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) และสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) ซึ่งล่าสุดในเดือนมิ.ย.ธนาคารพาณิชย์ในระบบมีทั้งสิ้น 545 พันล้านบาท และในส่วนของบริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี) 489 พันล้านบาท โดยหากสามารถลดเอ็นพีเอดังกล่าวได้จะกลับมาสร้างผลตอบแทนเพิ่ม 1-2% ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ไทยได้

“ต้นทุนจากการกันสำรองของระบบแบงก์ไม่ได้เกิดจากการนำมาตรการฐานการเงินระหว่างประเทศ ฉบับ 39 (IAS39) มาใช้ แต่การนำ IAS39 มาใช้เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นมาตรฐานสากล แต่ที่แบงก์ต้องมีการกันสำรองที่สูงเกิดจากสต็อกเอ็นพีแอลและเอ็นพีแอลในช่วงที่ผ่านมาปริมาณสูงมาก ซึ่งยืดเยื้อกันมาตั้งแต่ปี 40 ทั้งในส่วนของงบการเงินแบงก์พาณิชย์และเอเอ็มซี”

2.สร้างประสิทธิภาพระบบการเงินไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะตัวชี้วัดที่ดีที่สุด คือ อัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ให้สามารถปรับลดลงได้อีกและในระยะยาวควรอยู่ในระดับต่ำ คือ ไม่เกิน 5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.9% ถือเป็นการสร้างกลไกสำคัญในการแข่งขันระบบมากขึ้นทั้งจำนวนผู้เล่น ประเภทธุรกิจ ซึ่งหากมีการเปิดเสรีเรื่องนี้มากขึ้นจะมีผลต่อการกำหนดราคาและค่าธรรมเนียมต่างๆ ในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ ลดบทบาทของภาครัฐในการเข้าไปบริหารจัดการธุรกิจธนาคารพาณิชย์บางกรณี ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาการดำเนินการดังกล่าวภาครัฐไม่ประสบความสำเร็จ และไม่สะท้อนการทำงานของภาคเอกชนแท้จริง

“เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเศรษฐกิจดี ตัว NIM จะสูงขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี รายได้แบงก์หด ตัว NIM แคบลง ซึ่ง NIM จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะการลดลงของเอ็นพีแอล”

3.การเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น หลังจากที่ธปท.สำรวจพบว่ามีสัดส่วนถึง 10%ของประชากรและภาคธุรกิจทั้งหมดที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินที่มีอยู่ และด้านนี้เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศทดแทนการพึ่งพาส่งออกที่หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอมานาน โดยเน้นให้ระบบสถาบันการเงินไทยมีบริการสถาบันการเงินระดับรากหญ้า(ไมโครไฟแนนซ์) อิสลามไฟแนนซ์ การปริวรรตเงินตรา และรับฝากหลักทรัพย์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ในแง่นโยบายธปท.จะสนับสนุนให้มีการควบรวมกิจการภายใต้เงื่อนไขธุรกิจที่ดีและสร้างสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวย โดยส่วนหนึ่งนักลงทุนต่างชาติมองว่าภาษี คือ อุปสรรคสำคัญในการควบรวมกิจการ แต่เรื่องนี้ขณะนี้คลังกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่

และ 4.การพัฒนาการบริหารความเสี่ยงธนาคารพาณิชย์ไทยดีกว่าในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้สถาบันการเงินไทยเสียเปรียบด้านนี้ด้วย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องมีให้ครบและสมบูรณ์มากขึ้น อาทิ การพัฒนาข้อมูลเครดิต ปรับปรุงกฎหมาย พัฒนาบุคลากร และพัฒนาตลาด โดยเฉพาะการประกันความเสี่ยง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us