Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2530
"กิตติวุฑโฒแผ่ส่วนบุญโอบอุ้มคณาสวัสดิ์แล้ว"             
 

   
related stories

บทสรุปจาก "คณาสวัสดิ์" เมื่อสถาบันการศึกษาเป็น "โดมิโน" ทางธุรกิจตัวหนึ่ง
จิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์ นักบุญหรือคนเล่นกล?
ลำดับเหตุการณ์คณาสวัสดิ์ก่อนถึงจุดอวสาน

   
search resources

วิทยาลัยคณาสวัสดิ์
จิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์
Education
มูลนิธิธรรมธาตุ




จิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์ จะศรัทธาในพุทธศาสนามากน้อยเพียงใดย่อมไม่อาจรู้ได้

แต่การที่ยอมตัดใจถวายวิทยาลัยคณาสวัสดิ์ ซึ่งปั้นมากับมือจนเกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ให้กับพระสงฆ์องค์เจ้าอย่างสำนักจิตตภาวันของท่านกิตติวุฑโฒภิกขุเป็นผู้ดูแลต่อไปนั้น เห็นทีต้องยอมรับกันว่า จิรศักดิ์เป็นอีกคนหนึ่งที่ฉลาดปราดเปรื่องสามารถเข้าใจคำสั่งสอนของพุทธองค์ได้อย่างลึกซึ้ง!

จิรศักดิ์ประจักษ์ความเป็นจริงตามภารสุตตคาถาที่กล่าวว่า "ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนัก บุคคลนั่นแหละเป็นผู้แบกของหนักพาไป การแบกของหนักเป็นความทุกข์ การสลัดของหนักทิ้งลงเสียย่อมเป็นความสุข"

ก็ในเมื่อปัญหาของคณาสวัสดิ์เป็นของหนัก เป็นภูเขาหนักอึ้งที่ต้องแบกไว้ในอก !

ดังนั้นเมื่อพบทางออกสักทางหนึ่ง ทำไมจะต้องแบกต่อไปอีกเล่า?

และถ้ามองให้ดียุทธวิธีเกาะชายผ้าเหลือไปสู่นิพพานครั้งนี้ นอกจากจะได้ผลบุญก้อนใหญ่ไปชำระบาปที่แปดเปื้อนซึ่งกำลังรอการพิสูจน์อยู่ให้คนทั่วไปมองด้วยสายตาที่ดีขึ้นแล้ว ในแง่ของการเดินหมากธุรกิจคงไม่ผิดนักที่จะบอกว่า จิรศักดิ์เก่งที่เข้าใจเลือกคนมาร่วมเล่นเกมส์

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าสำนักจิตตภาวันและท่านกิตติวุฑโฒภิกขุเป็นผู้มีอำนาจบารมีทั้งสายทหาร สายการเมือง หรือแม้แต่สายธุรกิจสูงคนหนึ่ง บรรดาพุทธศาสนิกชนที่เป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ทั้งสิ้น (สำนักจิตตภาวันอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิธรรมธาตุ)

ตัวท่านกิตติวุฑโฒภิกขุเองก็กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า "ถึงไม่รู้จักกันมาก่อน อาตมาเชื่อว่าในความเป็นคนดีของเขาที่กล้าสาบานให้ฟ้าดินลงโทษหากคิดฉ้อโกงคณาสวัสดิ์ เมื่อเขาเป็นคนดีและเดือดร้อนถูกกลั่นแกล้งอาตมาย่อมจะไม่ทอดทิ้งเขาแน่นอน"

"อาตมาไม่แคร์ว่าแบงก์หรือไทยสมุทรจะมายึดที่ซึ่งติดจำนอง ยึดก็ยึดไปอาตมาเนรมิตใหม่ให้สวยกว่าเดิมได้สบาย ๆ มูลนิธิฯมีหลักทรัพย์เป็นพัน ๆ ล้านบาทคนช่วยเหลือก็ฐานะดี ๆ ทั้งนั้น อาตมาบอกคุณจิรศักดิ์ว่าสบายใจได้อาตมาไม่ทิ้งแน่ สำหรับแบงก์ทหารไทยคงไม่กล้าทำเรื่องนี้ พล.อ. ชวลิตรู้ต้องช่วยเหลืออาตมา" ท่านกิตติวุฑโฒกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

ประเด็นที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ การเข้าไปเทคโอเวอร์ของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุได้ผ่านการกลั่นกรองอย่างเป็นขั้นตอนพอควร โดยอาศัยคนกลาง (ฤทธิ์รงค์ ปานรักษา ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญา) เป็นผู้ประสานงาน คนผู้นี้นอกจากเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับท่านกิตติวุฑโฒภิกขุแล้ว ยังเป็นคนที่ พล.อ. เปรม ให้ความเชื่อถือมากคนหนึ่ง โดยเคยร่วมงานจิตวิทยาการเมืองปราบปรามคมอมิวนิสต์มาด้วยกันสมัยที่ พล.อ. เปรม เป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 2 และฤทธิ์รงค์เป็นหัวหน้าศาล จ. นครราชสีมา

นอกจากนี้โดยส่วนตัวฤทธิ์รงค์กับจิรศักดิ์ต่างก็คุ้นเคยให้การช่วยเหลือกันมาตลอด นับตั้งแต่สมัยที่ฤทธิ์รงค์ยังคงเป็นหัวหน้าศาลอยู่ที่ จ. มหาสารคาม เมื่อคณาสวัสดิ์ประสบปัญหาฤทธิ์รงค์จึงได้รับไฟเขียวจากผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนอย่างแข่งขันเพราะถ้าคณาสวัสดิ์ล้มลง

คนที่เสียหน้าไม่น้อยกว่าใครก็คือ พล. อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี คนที่เคยได้รับปริญญาดุษฎีกิติมศักดิ์ จากวิทยาลัยแห่งนี้มาแล้วนั่นเอง !!!!

ส่วนเหตุที่ต้องดึงมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุเข้าไปผูกพันอาจเป็นเพราะเดิมทีมูลนิธิฯ มีความประสงค์จะขอจัดตั้งวิทยาลัยเอกชนขึ้นที่สำนักจิตตภาวัน อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โดยได้ยื่นเรื่องต่อทบวงมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2525 แต่เรื่องยังไม่ผ่านจนมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ ดังนั้นในระหว่างรออนุมัติหากได้วิทยาลัยคณาสวัสดิ์มาอยู่ในมือย่อมจะเป็นการสร้างแรงกดดันต่อทบวงฯ ให้อนุญาตได้ง่ายขึ้น

ซึ่งถ้าทุกอย่างไม่ผิดล็อค มูลนิธิฯ จะกลายเป็นเจ้าของกิจการวิทยาลัยถึง 2 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนที่จะกรุยทางขอจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยให้ได้ภายในอนาคตข้างหน้าอีกไม่เกิน 2 ปี !!!

ถึงแม้มูลนิธิฯ จะเป็นเจ้าของวิทยาลัย 2 แห่ง แต่เราจะไม่ทำการค้ากำไรเด็ดขาด เพราะศาสนาไม่สอนให้คิดขูดรีด เราต้องการผลิตบัณฑิตให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่คณาสวัสดิ์จะมีการสร้างโบสถ์ขนาดใหญ่เช่นที่จิตตภาวันในนักศึกษาและอาจารย์ได้สมาทานศีลกันด้วย" แหล่งข่าวในมูลนิธิฯ กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

สำหรับแผนงานปรับปรุงวิทยาลัยคณาสวัสดิ์ ท่านกิตติวุฑโฒภิกขุกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่าด้านวิชาการจะติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ มหาวิทยาลัยแอมบาสซาเดอร์ และที่ฮาวาร์ดให้เข้ามาวางแผนร่วมกับทีมงานวิชาการของวิทยาลัยฯ ซึ่งเนื้อหาจะเน้นหนักไปที่ด้านเกษตรกรรมกับวิทยาศาสตร์

"อาตมาตั้งใจไว้ว่าจะใช้คณะเกษตรกรรมและวิทยาศาสตร์เป็นหัวหอกพลิกอีสานให้เป็นแผ่นดินสีเขียวให้ได้ภายใน 3 ปี คนอย่างอาตมาเมื่อทำแล้วต้องทำให้สำเร็จ ถ้ารัฐบาลไม่อิจฉาตาร้อนอาตมาจะทำให้ดู เรื่องทุนไม่ต้องเป็นห่วงอาตมามีวิธีต่อเงินจากหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันบัณฑิตของอาตมาทุกคนจะไม่เป็นคนว่างงาน"

จากการสังเกตของ "ผู้จัดการ" พบว่าภายในสำนักงานจิตตภาวันนอกจากโครงการโรงสีช่วยเหลือชาวนาที่กำลังลือลั่นอยู่ในเวลานี้แล้วนั้น ส่วนหนึ่งยังมีการจัดตั้งโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นอีก โดยทำการผลิตสบู่แชมพูสระผม และแป้งน้ำหอมขึ้นมาบ้างแล้วซึ่งจะมีการวางตลาดสินค้าเหล่านี้อย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้

และทางมูลนิธิฯ กับสำนักจิตตภาวันยังได้รับการช่วยเหลือจาก โรงงานผลิตยาค๊อกซ์ และโรงงานผลิตยาชาญกิจเทรดดิ้งซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของประเทศไทยในรูปเงินสนับสนุนและเทคโนโลยีการผลิตอย่างไม่จำกัดสุดแท้แต่ทางมูลนิธิฯ จะทำเรื่องเสนอขอไป

"ในอนาคตทราบมาว่าที่คณาสวัสดิ์จะมีการขอเพิ่มคณะเภสัชศาสตร์เข้าไปอีก มองดูตามโครงการผลิตบัณฑิตล้วนแต่สอดคล้องกับแผนรุกทางธุรกิจแบบปิดล้อมของมูลนิธิฯ เกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะถ้าตั้งคณะเภสัชฯ ขึ้นมาทั้งสองโรงงานนั่นก็พร้อมที่จะช่วยเหลือในทุกๆ ทาง" แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ส่วนของทีมงานบริหารที่คาดว่าทางมูลนิธิฯ จะจัดส่งเข้าไปดูแลในวิทยาลัยคณาสวัสดิ์คงประกอบไปด้วย พล.ต. ดร. ปราการ ภูวนารถนุรักษ์ ราชองครักษ์ในหลวงฯ อดีตผู้ว่าฯ จ. แม่ฮ่องสอน ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษที่นิด้า พล. ต. ดร.ปราการ ผู้นี้สนิทสนมกับท่านกิตติวุฑโฒมากเป็นพิเศษและยังทำงานโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาอยู่อีกด้วย

ดร.กวี ทังสุบุตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นและคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ที่เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวมาแล้วในอดีตโดยถูกนักศึกษาเดินขบวนขับไล่ ตระกูล "ทังสุบุตร" เป็นตระกูลที่มีฐานะดีพอสมควรและสมัยที่เป็นอธิการบดีขอนแก่น ดร. กวีก็วางรากฐานทางธุรกิจที่นั่นไว้ไม่น้อย

ดร. อุษา ใบหยก ลูกสาวคนโปรดของเศรษฐีใหญ่เล็งเลิศ ใบหยก ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งโดยปกติตระกูล "ใบหยก" ก็ได้ชื่อว่าเป็นองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิฯ และท่านกิตติวุฑโฒภิกขุมาช้านาน ว่ากันว่าอาคารหลายอาคารในสำนักจิตตภาวันเป็นเงินบริจาคจากเศรษฐีเล็งเลิศอยู่ไม่น้อย

ดร. สุนัย ชัยชนะ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสอนหนังสืออยู่ที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา

แต่เป็นที่น่าสังเกตมากว่าถึงแม้มูลนิธิฯ จะเข้าไปบริหารงานของคณาสวัสดิ์ซึ่งชื่อเริ่มเสื่อมเสียแล้วนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนชื่อเด็ดขาด โดยนัยว่าในใบอนุญาตจัดตั้งจะเปลี่ยนชื่อจากจิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์มาเป็นมูลนิธิฯเท่านั้น แต่ในส่วนลึกของผู้ถือหุ้นจะยังเป็นของตระกูล "คณาสวัสดิ์" ต่อไป

นี่ยังไม่รวมถึงการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การสอนต่าง ๆ ซึ่งส่วนหนึ่งวิทยาลัยจะยังคงให้การสนับสนุนซื้อสิ่งของเหล่านั้นจากห้างสรรพสินค้าเสริมไทย ทั้งนี้เพื่อช่วยปลุกเครดิตของห้างฯ ให้กลับมามีสถานะที่ดีขึ้นหลังจากที่ระยะหลัง ๆ เริ่มมีปัญหากับซัพพลายเออร์หลายราย

ด้วยภาระหนี้สินกว่าร้อยล้านบาทกับเงื่อนไขของมูลนิธิฯ ที่จะเข้าไปแก้ไขเพียงด้านบริหารงานโดยไม่ขอรับผิดชอบต่อหนี้สินที่เคยมีมานั้น ทำให้น่าคิดมากว่า เป็นไปได้หรือที่จิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์ จะใจกว้างยกวิทยาลัยให้ฟรี ๆ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใด ๆ

"ผมไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นที่อยู่ดี ๆ จะยกกิจการให้คนอื่นโดยที่ตัวเองยังพร้อมใจจะรับหนี้ต่อไป" ผู้ที่ติดตามสถานการณ์ของวิทยาลัยคณาสวัสดิ์มาโดยตลอดกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

คำตอบที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คงอยู่ที่ตัวท่านกิตติวุฑโฒที่กล่าวเป็นนัย ๆ ว่า "อาตมาบอกไว้แล้วว่าอย่าได้ยกหนี้มาให้อาตมานะ เรื่องหนี้นั้นอาตมาจะช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว"

ซึ่งดูแล้วปัญหาหนี้สินของจิรศักดิ์มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะลดความตึงเครียดลงมาได้ โดยเฉพาะในส่วนที่มีภาระผูกพันอยู่กับธนาคารทหารไทยกว่า 40 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากสายนี้กรรมการระดับสูงหลายคนที่เป็นนายทหารล้วนศรัทธาและมีความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นอย่างดีกับท่านกิตติวุฑโฒภิกขุมานับนาน

สรุปแล้วงานนี้ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์เป็นที่น่าพึงพอใจด้วยกันทั้งคู่

จิรศักดิ์เองคงไม่ต้องเก็บตัวเป็นคนนิรนามอีกต่อไป เพราะภาระหนี้สินทั้งหลายนั้นท่านกิตติวุฑโฒภิกขุพร้อมที่จะคลี่คลายช่วยเหลือให้หมดไปโดยเร็ว

ส่วนมูลนิธิฯ สิ่งที่ได้รับอย่างมากก็คือ มีโอกาสได้วิทยาลัยที่มีความพร้อมทางด้านวัตถุมาแบบไม่ต้องไปลงทุนอะไรมากมายนัก และในสภาพที่พุทธศาสนาบ้านเราแตกแยกเป็นหลายสำนัก จนดูคล้ายกับว่าเป็นพุทธพาณิชย์ไปแล้วนั้น

ในขณะที่สำนักอื่นซึ่งประสงค์จะจัดตั้งวิทยาลัยเช่นเดียวกัน ยังจะต้องร้องเพลงรอ

ทว่าสำหรับมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุไม่ต้องเสียเวลาจับเจ่าอีกต่อไป

นับเป็นชัยชนะที่ปาดหน้ากันไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

สำนักที่ต้องครุ่นคิดอย่างหนักคงไม่พ้น มูลนิธิธรรมกายซึ่งกำลังเดินเครื่องรุกหนักที่จะจัดตั้งวิทยาลัยและได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นรายแรกที่จะได้รับอนุญาต เมื่อสภาพการณ์เปลี่ยนไปอย่างนี้ ธรรมกายคงต้องขบคิดอย่างหนักว่าจะพลิกบทบาทเช่นไรจึงจะเป็นผู้กุมสภาพเช่นที่มูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุทำได้สำเร็จในเวลานี้ได้

ก็เป็นที่รู้กันอย่างเงียบ ๆ ว่า สองสำนักนี้กำลังช่วงชิงการเป็นผู้นำกันอย่างหนัก !

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us