|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แบงก์ชาติขอดูผลการผ่อนคลายมาตรการสกัดบาทแข็ง 2-3 เดือนก่อนตัดสินใจออกมาตรการใหม่ เผยตลาดอยู่ระหว่างปรับตัว ยอมรับบาทยังคงผันผวนตามดอลลาร์อยู่
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 เดือนนี้ ธปท.จะรอประเมินผลของผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนต่างประเทศและการลงทุนในตรา สารอนุพันธ์เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากนั้นอาจจะพิจารณาผ่อนคลายมาตรการให้แก่นักลงทุนต่างประเทศหรือส่วน อื่นๆ เพิ่มเติมอีกครั้ง
ทั้งนี้ แม้ธปท.ได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปแล้ว แต่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักหรืออยู่ในระดับ ทรงๆ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ซึ่งไม่ใช่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ธปท.ดำเนินการไม่ได้ผล แต่เชื่อว่าตลาดการเงินปรับตัวอยู่ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศต้องใช้ระยะเวลา ประกอบกับตลาดอยู่ในช่วงรอตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ จึงดูเหมือนว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้ผลนัก อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ในครั้งนี้เพื่อเป็นกลยุทธ์ของภาคธุรกิจ ไทยให้สามารถลงทุนในต่างประเทศที่หลากหลายได้
“หลังจากที่แบงก์ชาติผ่อนคลายหลักเกณฑ์ดังกล่าวและเราได้เชิญแบงก์เข้ามาพูด คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่ถามเราว่าต่อไปจะเปิดหรือผ่อนคลายเรื่องอะไรเพิ่มเติมอีก ซึ่งเราชี้แจงว่าสิ่งเหล่านี้ต้องค่อยๆ ทำ ด้านบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมที่มีการเชิญมาชี้ แจงเมื่อวันนี้ (10 ส.ค.) เน้นเรื่องการนำเงินออกไปซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งแง่การลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนเพิ่ม เติมหรือการป้องกันความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางคนมีความจำเป็นต้องซื้ออยู่แล้ว แต่เราผ่อนคลายให้เขาทำได้เลยไม่ต้องมาขอ”
ดังนั้น การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคมีความผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มีการประกาศตัวเลขการว่างงานที่ดีขึ้นจากเดิมอยู่ที่ระดับ 9.6%มาอยู่ที่ระดับ 9.4% และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะสูงถึงตัวเลข 2 หลัก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและส่งผลให้ค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาค อ่อนค่าลงในขณะนี้
“ในขณะนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมี 2 แรง คือทั้งอ่อนและแข็ง โดยเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น นักลงทุนกล้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง (Risk Appetite) ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในภูมิภาคส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง แต่ในขณะนี้กลับทิศกัน คือ ในสหรัฐทั้งตลาดหุ้นดีขึ้น และราคาพันธบัตรตกลง ทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น จึงมีคนเข้าไปลงทุนในช่องทางนี้เยอะขึ้น ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกลายเป็นว่าเงินดอลลาร์กลับแข็งแทน” ผู้ช่วยผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินในภูมิภาคไม่ได้รับผลกระทบมากนักมีเพียงค่าเงินอ่อนลงเล็กน้อย ประกอบกับเมื่อวานนี้ (10ส.ค.) ตลาดการเงินในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ปิด ทำให้ปริมาณการซื้อขายน้อยลง จึงยิ่งกดดันให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ฉะนั้นเงินดอลลาร์แข็งขึ้นในช่วงนี้ธปท.ได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด.
|
|
|
|
|