|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โกลเบล็ก แต่งตัวเข้าตลาดปีหน้า ขอเวลาแยกบัญชีงบการเงินจากบริษัทแม่ก่อน ชี้หาก ก.ล.ต.ไฟเขียวยื่นไฟลิ่งทันที มั่นใจยืนได้ด้วยตัวเอง ฟุ้งปีนี้มีกำไรเกิน 50 ล้านบาทหลังปรับสัดส่วนรายได้ใหม่ ปีนี้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์นายหน้า 3% และธุรกิจซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 5% ปฎิเสธข่าวบล.ยูโอบีฯ เข้าเก็บหุ้น ย้ำไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุย
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GLOBLEX) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) ของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ที่ 3% จากเดือนก.ค. 52 ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2.4% นอกจากนี้บริษัทยังรุกธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ โดยเดือน ก.ค. 52 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจนี้ 5.4% ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้ารายได้จากส่วนนี้ไว้ที่ 5%
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมขึ้นอีก ด้วยการจัดตั้งฝ่ายวาณิชธนกิจขึ้นเมื่้อเดือนมิ.ย. 52 เพื่อให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เสริมรายได้
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นั้น ที่ผ่านมาบริษัทได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียน ซึ่งประเด็นที่หารือกับ ก.ล.ต.คือ โครงสร้างรายได้ของบริษัทแม่ คือบริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (GBX) ว่าจะเป็นแบบใด เนื่องจาก ก.ล.ต.กังวลว่า หาก บล.โกลเบล็กแยกออกมาจดทะเบียนอาจกระทบรายได้ของ GBX ดังนั้น จึงขอดูผลประกอบการของทั้งสองบริษัทปีนี้ก่อนที่จะยื่นไฟลิ่ง คาดว่าต้นปี53 จะได้ข้อสรุป "ปัจจุบัน GBX มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ 20% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนจากธุรกิจนี้เกือบ 100% ขณะที่รายได้จากธุรกิจทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 80% และหากแยกออกมาเชื่อว่าอยู่ได้แน่นอน" นายชนะชัยกล่าว
นายชนะชัย กล่าวว่า รายได้ของบริษัทช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 50% โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อวันกว่า 38 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 25 ล้านบาทและมั่นใจว่าผลงานปีนี้จะมีกำไรเกิน 50 ล้านบาท เพื่อให้เกณฑ์ของ ตลท. ส่วนหนึ่งเพราะแผนงานที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แม้ว่าสัดส่วนรายได้จากนายหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ลดเหลือไม่ถึง 70% จากเดิมที่เคยสูงเกือบ 90% และมีสัดส่วนรายได้จากนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์เพิ่มเป็น 15-20% รวมถึงรายได้จากการลงทุนในพันธบัตร
ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนอยู่ 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในพอร์ตลงทุนของบริษัททั้งในตราสารหนี้และตราสารทุน ซึ่งได้ทะยอยลงทุนไปแล้ว 30-50 ล้านบาท ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่า 10% โดยบริษัทฯตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ประมาณ 20% โดยเลือกลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์การลงทุนขณะนั้นด้วยว่าแนวโน้มธุรกิจใดมีความน่า สนใจ
สำหรับงานด้านวาณิชธนกิจปีนี้บริษัทมีอยู่ 2 ดีล จากงานทั้งหมด 6-7 โดยแบ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นของบมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น (Underlize) ของบริษัทธุรกิจผลิตน้ำยางพารา ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของประเทศไทยกับมาเลเซีย โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ปลายปีนี้มูลค่ากว่า 100-200 ล้านบาทและบริษัทรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินให้กับ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัดเพื่อระดมทุนเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ปี 53 ด้วย ขณะดีลที่ปรึกษาทางการเงินที่มาจากบล.ซีมิโก้ (ZMICO) อีก 6-7 ดีล ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 53 ซึ่งภาวะน่าจะเหมาะสมมากกว่า
ทางด้านกระแสข่าวที่บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)(UOBKH) เข้ามาเก็บหุ้นของบริษัทผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นายชนะชัย กล่าวว่า หลังจากการปิดสมุดทะเบียนล่าสุดไม่พบความผิดปกติ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังถือหุ้นเกินกว่า 50% รวมทั้งบริษัทไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุยจากทาง บล.ยูโอบีฯ เลย ไม่เหมือนกับกรณีที่ UOBKH เป็นข่าวกับ บล.บีฟิท (BSEC) แต่บริษัทไม่ได้ปิดกั้นพันธมิตร หากสามารถช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือกับโบรกเกอร์ที่มีกลุ่มลูกค้าสถาบันที่บริษัทยังมีจุด อ่อนในส่วนนี้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายย่อย
|
|
|
|
|