|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บอร์ดพรีเชียสฯ ไฟเขียวจ่ายปันผลหุ้นละ40 สตางค์ แม้ผลงานไตรมาส 2 กำไรหดเหลือแค่ 1.08 พันล้านบาท ต่ำกว่าปี 51 ที่ทำไว้ 1.24 พันล้านบาท เหตุอัตราค่าระวางเรือลดและสัญญาเช่าเรือบางลำหมดอายุ เร่งขายเรือเพื่อลดจำนวนกองเรือหวังลดภาระค่าใช้จ่ายเดินเรือ พร้อมเตรียมเงินซื้อเรือมือสองแทนเรือที่ขายทอด เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ปีนี้เน้นปล่อยสัญญาเช่าระยะยาวป้องกันความเสี่ยง วางแผนซื้อเรือมือสองแทนเรือที่ขายไปเพื่อเพิ่มจำนวนกองเรือ
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาซิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 52 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ ครั้งที่ 2 สำหรับปี 2552 จากกำไรสะสม ณ วันที่ 30มิถุนายน 2552 ที่อัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 กันยายน 2552 แม้ผลประกอบการสิ้นไตรมาส 2 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.08 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 1.24 พันล้านบาท หรือลดลง 0.16 พันล้านบาท คิดเป็น 12.90% ผลจากอัตราค่าระวางเรือ ( BDI ) ปรับลดลงและสัญญาเช่าเรือบางลำหมดอายุ
โดยก่อนหน้านี้บอร์ดบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 1 สำหรับปี 2552 จากกำไรสะสม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 อัตราหุ้นละ 0.40 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 มิถุนายน 2552
นายคาลิดกล่าวว่าปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งหมด 28 ลำ จากช่วงต้นปี 52 ที่มีกองเรือ 44 ลำ โดยจำนวนกองเรือที่ปรับลดลงนั้นมาจากการทยอยขายเรือออกไป 16 ลำ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้จากแผนที่วางไว้ว่าจะขายเรือทั้งหมด 25 ลำ ซึ่งจากจำนวนเรือที่ขายไปแล้วนั้นยังคงเหลืออีก 1 ลำ ที่รอการส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ดี หากสามารถขายเรือได้ตามแผนที่วางไว้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือต่อวัน ต่อลำเรือปรับลงมาอยู่ที่ 4,850 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่มีค่าใช้จ่าย ณ สิ้นมิถุนายน 52 อยู่ที่ 4,990 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเรืออีก 9 ลำ บริษัทมองว่าน่าจะขายออกไปหมดภายในระยะเวลา 12 เดือน
นอกจากนี้ทาง PSL ยังมีแผนจะซื้อเรือมือสองเข้ามาทดแทนจำนวนกองเรือที่ได้ขายออกไปทั้งหมด โดยใช้เงินจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ 500-550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่ได้จากการขายเรือทอดตลาด
" ปีนี้นโยบายการจัดการเกี่ยวกับสัญญาเช่าเรือ เราคงจะเน้นปล่อยเรือให้เช่าเป็นสัญญาระยะยาว เพราะเป็นการช่วยลดความผันผวนของตลาดรายวันในช่วงเวลานั้นได้ ซึ่งเป็นนโยบายเดียวกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัทประสบผลสำเร็จมาแล้ว ส่วนการที่ดัชนี BDI สิ้นไตรมาส 2/52 จะปรับตัวลดลงเหลือ 1,3950 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำ จากพิษเศรษฐกิจนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะทำให้ต้องปรับเป้าหมายอัตราค่าระวางเรือ ปีนี้ที่ตั้งไว้ 14,000 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำ เพราะตัวเลขดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ และบริษัทเองก็เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังอัตราค่าระวางเรือน่าจะปรับเพิ่มขึ้น ในระดับที่เราประเมินได้ " นายคาลิดกล่าว
สำหรับปี 52 บริษัทฯคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจว่าจะยังคงไม่ค่อยดีนัก โดยจากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) ล่าสุดประเมินว่าการค้าของโลกจะหดตัวลงประมาณ 11% และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( GDP ) ของโลกจะปรับลงเหลือเพียง 1.3% แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้าอาจจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเล็กน้อย
ส่วนทิศทางการปลดระวางเรือในธุรกิจเดินเรือทั่วโลกที่ดำเนินการอยู่นั้นจะ เริ่มช้าลงอันเป็นผลมาจากการแข็งแกร่งของตลาดค่าระวางเรือในไตรมาส 2 ปีนี้ 52 พบว่าเรือ 60 ลำ ได้ถูกปลดระวาง ขณะที่มีเรือใหม่เข้ามาเพียง 28 ลำ ส่งผลให้กองเรือลดลงจาก 3,142 ลำ ลดเหลือ 3,100 ลำ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 52 ดังนั้น จึงคาดว่าน่าทำให้บริษัทที่มีกองเรือในกลุ่มเดียวกับ PSL มีจำนวนเรือลดลง 5-7% ต่อปี ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้อุปสงค์และอุปทานปรับตัวเท่ากันทำให้เกิดความ สมดุลมากขึ้น
|
|
|
|
|