|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯรับลูก ก.ล.ต. เตรียมแยกข้อมูลการซื้อขายบัญชีโบรกเกอร์ออกจากลุ่มนักลงทุนสถาบันในเดือน หน้า พร้อมคำนวณมาร์เกตแชร์ใหม่ “ภัทรียา”มั่นใจไม่กระทบบรรยากาศการลงทุน แต่งง!ข่าวคลังจะดึงเงินกองทุนตลท.กลับ หลังแปรรูปเข้าจดทะเบียนแล้วเสร็จ ชี้จำเป็นต้องใช้ในการพัฒนางานต่อ ส่วนโบรกฯ เห็นด้วยหากโดนแยกพอร์ต ชี้เพื่อสร้างความชัดเจน เพราะไม่ใช่ตัวแปรหลักดันวอลุ่ม
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ให้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของ บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการการดำเนินการ ซึ่งมีแผนที่จะมีการแยกการซื้อขายของพอร์ตลงทุนของโบรกเกอร์ออกจากการซื้อ ขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่า ภายในเดือนหน้าจะมีการแยกการซื้อขายของพอร์ตโบรกเกอร์ออกจากการซื้อขายของ นักลงทุนสถาบัน ทำให้การซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนจะเพิ่มเป็น 4 กลุ่ม จาก ปัจจุบันที่มี 3 กลุ่ม คือ นักลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนสถาบันในประเทศ นักลงทุนทั่วไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในเรื่องระบบและการเปิดเผยข้อมูลดัง กล่าวว่าจะผ่านช่องทางไหน หรือ เว็บไซด์ใดบ้าง
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมระบบในการคำนวณส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของโบรกเกอร์โดยจะแยกข้อมูลการซื้อขายพอร์ตลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ออก เพื่อให้ทราบมาร์เกตแชร์ที่แท้จริง โดยการที่ก.ล.ต.ต้องการให้มีการแยกดังกล่าวนั้น เนื่องจาก โบรกเกอร์ได้มีการเข้ามาซื้อขายพอร์ตลงทุนจำนวนมากขึ้น และต้องการให้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าว เชื่อว่าไม่น่ากระทบต่อบรรยากาศการลงทุน เพราะ การซื้อขายของพอร์ตโบรกเกอร์เป็นการเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายในตลาดหุ้น แต่ที่ทำเรื่องดังกล่าวเพื่อให้มีการแยกให้ชัดเจนให้นักลงทุนทราบข้อมูล
อนึ่งก่อนหน้านี้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ก.ล.ต. พบว่าบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งมีมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีบริษัทใน สัดส่วนที่สูง แต่มูลค่าการซื้อขายดังกล่าวถูกนับรวมอยู่ในมูลค่าการซื้อขายของกลุ่มนักลง ทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งทำให้เข้าใจผิดได้ว่าบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวมีลูกค้ากลุ่มนักลงทุน สถาบันมาก จึงควรแยกตัวเลขออกต่างหาก
ทั้งนี้ก.ล.ต. แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯพิจารณาปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลัก ทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ให้ชัดเจน โปร่งใส และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการการตัดสินใจลงทุนที่ทัดเทียมและมาก เพียงพอ ซึ่งควร ให้แสดงข้อมูลการซื้อขายเพื่อบัญชีการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์แยกออกจาก ข้อมูลการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ และ ในการคำนวณส่วนแบ่งตลาดของบริษัทหลักทรัพย์ ควรแยกข้อมูลซื้อขายเพื่อบัญชีการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ออก
ชี้เม็ดเงินกองทุนตลท.มีความจำเป็น
นางภัทรียา กล่าวถึง การที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่นำเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯมูลค่า 10,000 ล้านบาทเข้ากระทรวงการคลัง หลังตลาดหลักทรัพย์ฯแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนและเข้าจดทะเบียน ว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ซึ่งต้องขอดูวัตถุประสงค์ก่อน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการประสานกับทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกระทรวงการคลัง จากที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมกันในการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯตามแผนพัฒนา ตลาดทุนไทย
ทั้งนี้ปัจจุบันเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯมีมูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่ 10,000 ล้านบาท โดยเงินของทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นได้มีการจัดสรรเพื่อพัฒนาตลาดทุนในการ ให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักลงทุน โดยมีนโยบายในการใช้จ่ายที่ชัดเจนและไม่สามารถที่จะนำไปใช้จ่ายที่ผิดวัตถุ ประสงค์ และนอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจำเป็นจะต้องมีการเงินทุนสำหรับสำรองในการชำระ ราคาหุ้น และการชำระราคาอนุพันธ์
โบรกฯไม่ขัดข้องโดนแยกพอร์ต
นายชนะชัย ชุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงกรณีตลาดหลักทรัพย์เตรียมแยกพอร์ตลงทุนนของโบรกเกอร์ออกจากลุ่มนัก ลงทุนสถาบัน ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เพราะจะช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่ผู้ลงทุน หากตลท.จะแยกพอร์ตการลงทุนของโบรกเกอร์ออกมาให้ชัดเจน เพราะจะทำให้นักลงทุนได้รู้ว่าที่จริงแล้วตลอดระยะเวลาในช่วงครึ่งปีแรกที่ ผ่านมานั้น การลงทุนของบรรดาโบรกเกอร์ไม่ใช่สาเหตุหรือหลักที่ทำให้วอลุ่มการซื้อขาย หุ้นปรับตัวสูงมากนัก เพราะมีอยู่แค่ประมาณ 20% ใกล้เคียงกับสัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศที่มีประมาณ 20% เช่นกัน ส่วนที่เหลือมาจากวอลุ่มการซื้อขายของนักลงทุนทั่วไปประมาณ 60% มากกว่า
|
|
|
|
|