เคทีซีคุยเปิดขายหุ้นกู้ 4.5 พันล้านวันแรกนักลงทุนให้การตอบรับดี ระบุจากอัตราผลตอบแทนที่ดี เป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีในช่วงดอกเบี้ยเงินฝากขาลง แต่ในอนาคตจะมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มหรือไม่ ต้องประเมินภาวะตลาดโดยรวมก่อน

นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ในการเปิดขายหุ้นกุ้ของบริษัทวานนี้เป็นแรกนั้น ได้รับการตอบรับดีเกินคาด แต่จากนี้ไปจะมีแผนออกหุ้นกู้อีกหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องดูตลาดโดยรวมว่าสามารถเปิดให้เราจำหน่ายได้อีกเท่าไร ทั้งนี้ บริษัทได้การเปิดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 3 ปี ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปอีกครั้ง ในอัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี ตลอดอายุ 3 ปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ในวงเงิน 4,500 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 2552 โดยเสนอขายขั้นต่ำที่ 1 แสนบาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1 แสนบาท

ด้านแหล่งข่าวจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT กล่าวว่า จากการที่ธนาคารเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 3 ปีให้กับบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC นั้น ซึ่งตั้งแต่เปิดจำหน่ายให้กับลูกค้าวานนี้เป็นวันแรก ปรากฎว่าได้รับความสนใจและการตอบรับจากลูกค้าดีมาก เนื่องจากหุ้นดังกล่าว เป็นช่องทางการออมอีกรูปแบบหนึ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ชื่อเสียงของตัวเคทีซีเองก็เป็นที่มั่นใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถต้องรวบรวมยอดจองได้เสร็จสิ้นว่ามีปริมาณเท่าใด เนื่องจากต้องรอตัวเลขจากสาขาอื่นๆด้วย แต่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเช้าของวันถัดไป
.
"การออกตราสารต่างๆในช่วงนี้มักจะได้รับความนิยมจากลุกค้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้นประชาชนจึงต้องหาอะไรที่จะเพิ่มผลตอบแทนได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งคนในยุคปัจจุบันก็มีความเข้าใจพอที่จะซื้อหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น ส่วนตัวธนาคารเองผลประโยชน์ที่ได้ครั้งนี้คือค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับค่าประกันในการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ ส่วนในอนาคตจะออกหรือไม่นั้น ต้องดูว่าเรามีความจำเป็นต้องใช้เงินหรือไม่"

ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิมที่จะครบกำหนด อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความสามารถของคณะผู้บริหาร ตลอดจนระบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถดำรงสถานภาพการเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิต ในการให้อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่คือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.45% ณ วันที่ 2 เมษายน 2552

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนปัจจัยทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อ คุณภาพสินทรัพย์ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงไทยต่อไป นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการเข้าไประดมทุนในตลาดทุน รวมถึงการที่บริษัทยังคงมีแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินหลายแห่ง และยังคงนโยบายด้านสินเชื่ออย่างระมัดระวังต่อไป อย่างไรก็ตาม หากผลประกอบการของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่คาดการณ์ก็อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้