|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ปกรณ์" ฟุ้งผลงาน 2 ปี รั้งประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ แปลงสภาพตลาดหุ้นไทย เพิ่มขีดการแข่งขันตลาดหุ้นไทย ดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้าลงทุน –แก้ไขปัญหา บล.ทีเอสเอฟซี กลับมาทำธุรกิจปกติได้ แม้พลาดเป้า"การเพิ่มบจใหม่ " อ้างได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างประเทศหลังเศรษฐกิจโลกวิกฤต ลั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นหรือไม่ดูตัวเลข ส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุน อุปโภคบริโภค
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการดำรงตำแหน่งประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 ปี ซึ่งจะครบวาระ 21 สิงหาคมนี้ โดยจะได้รับพิจารณาให้ต่ออีกวาระหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ซึ่งผลงานที่พอใจในช่วงดำรงตำแหน่งนั้น คือ การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับตลาดหุ้นไทยเพื่อแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ในการดึงดูดเม็ดเงินออมเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยโดยการแปลงสภาพของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้ร่วมมือกับ ก.ล.ต. ว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาคือ บอสตันคอนเซาท์ติ้ง กรุ๊ป ซึ่งมีการดำเนินงานตามขั้นตอน
ทั้งนี้ จากการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งมี นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานนั้นได้นำเรื่องการปฏิรูปของตลาดหลักทรัพย์ฯเป็น 1 ในมาตรการของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย โดยเรื่องที่สำคัญคือการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว ซึ่งมีการแยกสายงานพัฒนาตลาดทุนออกจากการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้การทำงานของ ตลท . มีเป้าหมายมากขึ้น
โดย ตลท. ได้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้คือการลดค่าใช้จ่าย การเพิ่มรายได้ จากการปรับโครงสร้างองค์กร และส่วนตัวได้เสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยเรื่องการกำหนดแผนพัฒนาตลาดทุน 5 ปี ซึ่งจุดนี้ ตลท. ได้มีส่วนร่วมในเรื่องการดำเนินการดังกล่าว ส่วนการแก้ไขและปรับโครงสร้างทางการเงินและทุนให้กับบริษัทหลักทรัพย์(บล.)เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน)หรือ TSFC ซึ่ง ตลท. เป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหา
"ตลท. ได้ใช้เงินในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของTSFC 250 ล้านบาท ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 โดยขณะนี้ TSFC สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติได้แล้ว และทางธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ได้มีการอนุมัติวงเงินกู้ให้รวม 3,000 ล้านบาท"นายปกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามผลงานที่ไม่ประสบผลสำเร็จ คือการเพิ่มจำนวนบริษัทเข้ามาจดทะเบียนใน ตลท. ไม่ได้ตามเป้าหมาย เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกคือภาวะเศรษฐกิจโลก ภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ ทำให้ไม่เป็นไปตามที่ตลาดลหลักทรัพย์ฯหวังไว้ ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวหรือไม่นั้น จะต้องมีการดูตัวเลข การส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุน การอุปโภคบริโภค ว่ามีการปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ แต่จากที่รับฟังข้อมูลจากนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการปรับตัวดีขึ้นในหลายๆด้าน เพราะ เศรษฐกิจไทยขณะนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยชื่อว่านโยบายการเงิน และการคลังที่ออกมานั้นจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวได้
|
|
|
|
|