Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2530
สมเด็จพระราชินี "สตรีผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก"             
 


   
search resources

สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่2
Financing




สตรีผู้สูงส่งที่ได้ชื่อว่ามั่งคั่งที่สุดในโลกคือสมเด็จพระราชินี…สำหรับพระองค์แรกก็ต้องยกให้สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งฟอร์จูนคาดหมายว่าพระองค์ทรงมีมูลค่าความมั่งคั่งประมาณว่า 704 พันล้านดอลลาร์ รองลงมาคือสมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์ วิลเฮลมิน่า อาร์การ์ดแห่งเนเธอร์แลนด์ ผู้ทรงมีมูลค่าความมั่งคั่ง 4.4 พันล้านดอลลาร์

ในหนังสือนิทานที่เราเคยอ่านสมัยเด็กๆ มักผูกเป็นเรื่องให้เจ้าหญิงมีทรัพย์ศฤงคารมากมายจากการเนรมิตด้วยเวทมนต์คาถา ที่เสกให้หยาดน้ำตาเป็นเพชรพลอยและเส้นฟางกลายเป็นทองได้ แต่ในชีวิตจริงนั้นสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธผู้มีพระชนมายุ 61 พรรษาในปีนี้ และพระราชินีเบียทริกซ์ผู้ทรงมีพระชนมายุ 49 พรรษาทรงเพิ่มพูนความมั่งคั่งด้วยการลงทุนในตลาดหุ้นและที่ดิน

แต่ในเรื่องของลำดับการสืบราชสันตติวงศ์แล้ว ควีนอลิซาเบธทรงขึ้นครองราชย์แบบไม่นึกฝันเหมืแนเรื่องในนิทาน…เพราะขณะทรงมีพระชนม์ 10 ชันษาทรงอยู่ในลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ลำดับที่ 3 เท่านั้น แต่แล้วก็เหตุต้องเปลี่ยนบัลลังก์ เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงสละราชสมบัติเพื่ออภิเษกกับวอลลิส ซิมพ์สันแม่ม่ายพราวเสน่ห์ชาวอเมริกัน ทำให้พระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดาของควีนอลิซาเบธ ซึ่งทรงเป็นอนุชาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงขึ้นครองราชย์แทน

เมื่อจะทรงมีคู่ครอง…ควีนอลิซาเบธก็ทรงมี "รักแรกพบ" กับ ร.ท.ฟิลิป เมาท์แบทแท่น และทรงเข้าพิธีอภิเษกเมื่อ 2490 พระองค์ทรงขึ้นครองราชสืบต่อจากพระราชบิดาที่สิ้นพระชนม์ลงขณะพระองค์และเจ้าชายฟิลิปพระสวามีเสด็จเยือนประเทศคีนยาเมื่อปี 2495 และโรเบิร์ต ลาซี่ย์นักเขียนเรื่องเกี่ยวกับพระราชวงศ์โดยเฉพาะย้ำว่าควีนอลิซาเบธทรงทราบข่าวการขึ้นครองราชย์ขณะ "ประทับอยู่บนต้นไม้"!

พระองค์ทรงปฏิบัติราชภารกิจอย่างราบรื่นมาโดยตลอด รวมทั้งต้องเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศมาแล้วกว่า 100 ครั้ง ทรงเพลิดเพลินกับภารกิจที่ได้ทรงปฏิบัติด้วยพระทัยรักมาโดยตลอด จนกระทั่งได้ชื่อว่าเป็นพระราชินีที่ชาวอังกฤษ "นิยม" สูงสุดเทียบเท่ากับสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย การจะประเมินมูลค่าความมั่งคั่งของพระองค์ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ เพราะต้องแยกพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกจากส่วนที่เป็นของพระราชวงศ์ซึ่งมีทั้งมงกุฏล้ำค่าและพระราชวังที่เป็นที่ประทับอีก 3 แห่งคือ ระราชวังบัคกิ้งแฮม, พระตำหนักโฮลี่รูและพระราชวังวินด์เซอร์ที่ถือเป็น "ของกลาง" ของราชวงศ์เช่นเดียวกับทำเนียบขาวซึ่งเป็นทีาทำการของประธานาธิบดีอเมริกานอกจากนี้ควีนอลิซาเบธยังทรงได้รับการยกเว้นภาษีทุกอย่างด้วย

ส่วนเครื่องประดับส่วนพระองค์ของควีนอลิซาเบธนั้นมากมายมหาศาลทีเดียวมีทั้งมงกุฏ 14 องค์, รัดเกล้า 11 องค์ และเครื่องเพชรรวมทั้งทับทิมและมรกตอีกนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ทรงสะสมผลงานทางศิลปะอันทรงคุณค่าที่เป็นผลงานภาพวาดของลีโอนาร์โด 900 ภาพ, ของแวน ดิคส์ 26 ชิ้น, ของโฮลบีนส์อีกนับสิบชิ้น รวมทั้งผลงานทางศิลปะของไมเคิลแองเจโล, ราฟาเอล, รูเบนส์, แรมแบรนดท์ และคานาเล็ตโต้

แต่พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ทั้งหมดนี้ ทรงได้รับมรดกตกทอดจากสมเด็จพระราชินีวิคตอเลียและเจ้าชายอัลเบิร์ตพระสวามีเกือบทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงรสนิยมสูงยิ่งของสองพระองค์เป็นอย่างดี พระราชทรัพย์ส่วนนี้ก็ได้ยกเว้นด้วยเช่นกัน มีข้อแม้แต่เพียงว่า พระองค์ทรงต้องดูแลรักษาพระราชทรัพย์เหล่านี้เสมือนหนึ่งเป็น "สมบัติของชาติ" พระองค์จึงทรงมีฐานะเหมือน "ยาม" คอยเฝ้าดูแลสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไว้ให้ดี แต่จะทรงนำไปขายไม่ได้เด็ดขาด

ควีนอลิซาเบธทรงเปิดเผยสินทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ข้าราชบริพารทำหน้าที่ซื้อปรือขายหรือจัดการถวาย โดยวิลลี่ แฮมิลตันอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้รักษาผลประโยชน์ของควีนอลิซาเบธกล่าวถึงพระองค์ว่า "ภายใต้พระอริยาบถนุ่มนวลและทรงแย้มพระสรวลอยู่เนืองๆนั้น พระองค์ทรงได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจสตรีที่ฉลาดล้ำลึกโดยเฉพาะด้านการคิดคำนวณ

เห็นได้จากพระองค์ทรงเป็นเจ้าของฟาร์มม้าแม่พันธุ์ 2 แห่งที่มีม้าแม่พันธุ์อย่างน้อย 25 ตัว และม้าแข่งอีก 28 ตัว รวมทั้งม้าแม่พันธุ์ในสหรัฐอีก 6 ตัวทรงเป็นเลิศใน "กีฬาพระราชา" ที่ยากจะประเมินมูลค่าในทรัพย์สินส่วนนี้ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดเมื่อปี 2525 ควีนอลิซาเบธทรงมีรายได้จากการขายลูกม้าตัวเมียชื่อ "HEIGHT OF FASHION" ตัวเดียวแด่ชีค ราชิด อัล มัคตุม ประมุขแห่งดูไบไปในราคาถึงกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่า ธุรกิจม้าแข่งเหมาะสมกับกษัตริย์และสุภาพสตรีผู้มีสุนัขและม้าในครอบครองมากมาย" อย่างที่พระองค์ทรงเคยมีพระราชดำรัสถึงความฝันของพระองค์เอง

อสังหาริมทรัพย์ส่วนพระองค์ซึ่งรวมทั้งแคว้นแลงคาสเตอร์ทั้งแคว้นด้วยนั้น ทำให้พระองค์ทรงมีรายได้จาดค่าเช่าเมื่อปีที่แล้ว 2.4 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับการยกเว้นภาษี ควีนอลิซาเบธยังได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าของที่ดิน" รายใหญ่ที่สุดในแมนฮัสตัน, สหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากนี้ก็มีที่ฝรั่งเศสและเยอรมันตะวันตก ส่วนในประเทศอังกฤษองนั้น ทรงมีพระตำหนักส่วนพระองค์คือ "แซนดริงแฮม" ขนาด 274 ห้องและพระตำหนัก "บัลมอรัล" ในสก็อตแลนด์อีกแห่งหนึ่ง…เมื่อนำเอาสินทรัพย์ส่วนพระองค์ที่มีทั้งเครื่องเพชร ผลงานทางศิลปะ ม้าและอสังหาริมทรัพย์มาประเมินทั้งหมดแล้ว คิดเป็นมูลค่าถึง 4.1 พันล้านดอลลาร์

แต่ที่ไม่ทรงเปิดเผยแลถือเป็น "ความลับสุดยอด" ของควีนอลิซาเบธคือมูลค่าหุ้นในพอร์ต ซึ่งนักวิเคราะห์กำลังพยายามประเมินมูลค่าแล้วคาดว่าอย่างไรเสียต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์แน่นอน

สมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ก็ทรงเป็นที่รักใคร่เทิดทูลของพสกนิกรเช่นเดียวกับควีนอลิซาเบธ อดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งปลดเกษียรไปแล้ว พูดถึงพระองค์ว่า "ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาที่สุดแห่งราชวงศ์ดัทช์ ทรงเป็นแบบฉบับของผู้จัดการสมัยใหม่ และสุภาพสตรีผู้มีสไตล์และบุคลิคเป็นเลิศ"

เพราะพระองค์ได้รับการฝึกสำหรับเป็น "นักธุรกิจแห่งราชวงศ์" มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อเจ้าชายเบิร์นฮารืดพระราชบิดาทรงเข้มงวดกับเงินที่ประทานเป็นค่าขนมของควีนเบียทริกซ์มาก และทรงตั้งกฎไว้เลยว่า เมื่อทรงได้ยืมเงินไปแล้วไม่ว่าจะจำนวนเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ควีนเบียทริกซ์ทรงต้องใช้คืนจนครบทุกครั้งไป

ปี 2493 ที่นาซีบุกเนเธอร์แลนด์นั้นสมเด็จพระราชินีจูเลียน่าพระราชมารดาผู้ทรงยังอยู่ในราชสมบัติพร้อมเจ้าหญิงเบียทริกซ์ (พระอิสริยยศขณะนั้น) และเจ้าหญิงไอรีนพระขนิษฐาเสด็จลี้ภัยไปยังประเทศแคนาดา ซึ่งควีนเบียทริกซ์ทรงเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนหลวงบริเวณชานกรุงออตตาวาเพราะเป็นพระราชประสงค์ของควีนจูเลียน่า เพื่อให้พระธิดาทั้งสองพระองค์ทรงคุ้นเคยกับโลกกว้างขึ้นและเป็นประชาธิปไตรด้วย

เมื่อเจริญพระชันษาแล้ว ควีนเบียทริกซ์ทรงเลืกอภิเษกกับเคล้าส์ ฟอน อัมส์เบิร์ก แห่งเยอรมัน ซึ่งมีลักษณธเหมือนชาวเยอรมันวัยเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ ที่ต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับฮิตเลอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เพราะชาวดัทช์ยังจำฝังใจเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมของนาซีไม่รู้ลืม เพราะระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชาวดัทชืที่เป็น "ยิว" ถูกสังหารไปกว่า 100,000 คนหรือประมาณ 80% ของชาวยิวในเนเธอร์แลนด์ แต่ควีนเบียทริกซ์ทรงยืนยันจะอภิเษกให้ได้ ซึ่งในระหว่างพระราชพิธีอภิเษกปี 2509 มีชาวดัทช์กว่า 1,000 คนรวมตัวกันประท้วงถึงขั้นขว้างปาก้อนหิน ระเบิดควัน และแก๊สไข่เน่า พร้อมตะโกนขับไล่เคล้าส์ฟอน อัมส์เบิร์ก

แต่แล้วพระสวามีของควีนเบียทริกซ์ทรงชนะใจประชาชน เมื่อทรงหมั่นศึกษาจนตรัสภาษาดัทช์ได้อย่างคล่องแคล่วไม่เพี้ยนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2526 ที่พระองค์ทรงได้รับความเห็นใจที่สุด เมื่อทรงพระประชวนด้วยโรคทางจิต

ควีนเบียทริกซ์ทรงสำเร็จการศึกษาสาขาวิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยเลย์เดนเมื่อปี 2504 จากนั้นพระองค์ทรงปฏิบัติพระภารกิจโดยเฉพาะการเสด็จเยือนต่างประเทศบ่อยครั้งและเมื่อควีนจุเลียน่าทรงสระราชสมบัติเมื่อปี 2523 นั้น ควีนเบียทริกซืทรงสืบทอดราชบัลลังก์ขณะมีพระชนมายุ 42 พรรษาและพระองค์ทรงถูกฝึกให้พร้อมสำหรับงานดูแลทรัพย์ศฤคารมหาศาลมาแล้วอย่างดี

ราชวงศ์ออเร้นจ์ของควีนเบียทริกซ์ก็ไดรับยกเว้นภาษีทุกชนิดเช่นเดียวกับราชวงศ์วินด์เซอร์ของควีนอลิซาเบธ ผิดกันตรงที่ว่า ไม่ได่แบ่งแยกพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกจากพระราชทรัพย์ของราชวงศ์อย่างเด็ดขาดเหมือนในอังกฤษ

แม้ว่าทั่วโลกจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับราชวงศ์ออเร้นจ์มากนัก แต่ก็เป็นราชวงศ์ที่มั่งคั่งที่สุดราชวงศ์หนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะเครื่องเพชรจากราชวงศ์โรมานอฟที่เข้ามาสมทบเมื่อปี 2359 เมื่อเจ้าหญิงแอนนา พาฟลอฟนา โรมานอฟอภิเษกกับกษัตริย์วิลเลมที่ 2 นอกจากนี้ยังนำชุดเสวยทำด้วยทองคำแท้และเงินสดอีก 2 พันล้านกิลเดอร์ (ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์) ติดมาด้วย

ราชวงศ์ออเร้นจ์เป็นเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มากมายรวมทั้งพระราชวัง 5 แห่ง โดยเฉพาะราชวังฮุยส์ เต็น บอช ที่ประทับของควีนเบียทริกซ์ในกรุงเฮกนั้นพระองคืทรงอกแบบตกแต่งใหม่หมดเมื่อไม่นานมานี้เอง โดยสร้างให้มีหลุมหลบภัยจากระเบิดนิวเคลียร์และติดตั้งกระจกกันกระสุนทั้งหมด แตยังคงไว้ซึ่งความงามของ การตกแต่งตามสไตล์สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เช่นกัน

แต่สินทรัพย์ที่นำความมั่งคั่งมาสู่ราชวงศ์มากที่สุด คือมูลค่าหุ้นที่รู้กันทั่วว่าราชวงศ์ออเร้นจ์ถือหุ้นมหาศาลในบริษัทเอ็กซ์ซอน, ธนาคารเอบีเอ็ม และสายการบินเคแอลเอ็มรอแยล ดัทช์ แอรืไลด์ แต่ที่เป็นสินทรัพย์มูลค่าสูงสุด คือหุ้นในบริษัทรอแยล ดัทช์/เชลล์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2433 โดยยีน เคสส์เลอร์ ที่ปัจจุบันกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากเจนเนอรัล มอเตอร์และเอ็กซ์ซอน โดยปี 2529 มียอดขาย 64.8 พันล้านดอลลาร์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us