|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ธปท.เผยแบงก์เพิ่มกลยุทธ์ให้ลูกค้าหันมาใช้บัตรเดบิตแทนบัตรเอทีเอ็ม หวังเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น ล่าสุดสัดส่วนจำนวนบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาบัตรพลาสติกถึง 43% ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน แนะแบงก์ลดค่าธรรมเนียมจากร้านค้า ขณะที่ธุรกรรมการเงินผ่านมือถือนิยมมากขึ้น คาดอนาคตใช้เป็นช่องทางชำระเงินระบบขนส่งมวลชน
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้จัดทำรายงานระบบชำระเงินปี 2551ฉบับล่าสุดโดยเผยแพร่ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ทิศทางของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ในระบบได้มุ่งทำการตลาดให้ลูกค้าหันมาใช้บริการบัตรเดบิตแทนบัตรเอทีเอ็มมากขึ้น ซึ่งบัตรเดบิตมีสัดส่วนสูงที่สุดในจำนวนบัตรพลาสติกนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว และแนวโน้มจำนวนบัตรเอทีเอ็มในระบบลดต่ำลง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ ลดต้นทุนผู้ประกอบการ และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2551 ธนาคารพาณิชย์มีจำนวนบัตรเอทีเอ็มทั้งสิ้น 22.4 ล้านใบ ลดลง 0.9% เมื่อปีก่อนที่มีปริมาณบัตรทั้งสิ้น 22.6 ล้านใบ โดยเมื่อเทียบกับปริมาณบัตรเดบิตมีทั้งสิ้น 26.3% เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีก่อนที่มีปริมาณบัตรประเภทนี้ทั้งสิ้น 23.3 ล้านใบ และหากพิจารณาบัตรพลาสติกในระบบ พบว่า จำนวนบัตรเดบิตมีสัดส่วนมากที่สุด 43% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 40% ขณะที่บัตรเอทีเอ็มมีสัดส่วนรองลงมา 36% ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 39% และบัตรเครดิตมีสัดส่วนทรงตัวอยู่ที่ระดับ 21%
ขณะที่ปริมาณการใช้บัตรเดบิตในปี 51 ไม่แตกต่างกับปีก่อนหน้า โดยผู้ถือบัตรเดบิตมีการใช้ทั้งสิ้น 760 รายการ โดยเป็นการใช้เพื่อเบิกถอนเงินสดในสัดส่วน 83% ใช้เพื่อโอนเงินภายในธนาคารเดียวกัน ใช้โอนเงินต่างธนาคารและชำระค่าสินค้าและบริการมีสัดส่วนเพียง 6% และ 15% ตามลำดับ ส่วนบัตรเอทีเอ็มมีปริมาณการใช้ทั้งสิ้น 531.9 ล้านรายการ หรือลดลงจากปีก่อน 39.4 ล้านรายการ โดยเป็นการลดลงในการเบิกถอนเงินสด 11.4% แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาฝากและโอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มกลับเพิ่มขึ้นมาก 73% และ13.8% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการพยายามมุ่งทำการตลาดในการออกบัตรเดบิตมาทดแทนบัตรเอทีเอ็ม พร้อมทั้งจัดรายการส่งเสริมการขาย และขยายจุดรับบัตร เพื่อจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้บัตรเดบิตมากขึ้นในการชำระสินค้าและบริการ ณ จุดขาย แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตยังคงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก โดยสาเหตุสำคัญ คือส่วนใหญ่ร้านค้ารับบัตรเดบิตยังคงมีปริมาณไม่มากนัก รวมถึงร้านค้าบางแห่งแนะนำให้ใช้เงินสดชำระแทนบัตรเดบิตด้วย
"เชื่อว่าหากมีบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและร้านค้าได้ดี โดยเฉพาะการพัฒนาเครือข่ายบัตรเดบิตในประเทศที่มีค่าธรรมเนียมการรับบัตรของร้านค้าต่ำลง และบัตรเดบิตสามารถรองรับการทำรายการบัตรเอทีเอ็มได้จะเป็นตัวสนับสนุนที่ดีในการชำระเงินผ่านบัตรพลาสติกมีปริมาณมากขึ้น"
รายงานฉบับดังกล่าว แจ้งว่า การชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Payment) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาพร้อมกับการแข่งขันที่มีมากขึ้นตาม เนื่องจากนับเป็นบริการที่ลูกค้าจำนวนมากสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นและลดปริมาณการให้บริการผ่านสาขาธนาคารและตู้เอทีเอ็ม ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า ฉะนั้นคาดว่าในอนาคตผู้ให้บริการหลายรายจะพัฒนารูปแบบมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งมวลชนที่ต้องการความรวดเร็วในการชำระเงิน อาทิ รถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น
|
|
|
|
|