Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์27 กรกฎาคม 2552
ศึกชิงชัยในช่องปาก เดือด!'คอลเกต'จ้องฮุบบัลลังก์ออรัลแคร์             
 


   
www resources

โฮมเพจ Colgate คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ

   
search resources

คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย), บจก.
Personal cares




- สงครามออรัลแคร์ ร้อนทะลักจุดเดือด
- คอลเกตรุกเข้ม ส่ง 'พลัก ไอซ์' เขย่าบัลลังก์ลิสเตอรีน เพื่อชิงเบอร์ 1 น้ำยาบ้วนปาก
- มองเกมรุก 'คอลเกต' แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญสินค้าในช่องปาก เพื่อปักธงผู้นำ 3 ผลิตภัณฑ์ คือ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และน้ำยาบ้วนปาก

สมรภูมิในช่องปากบ้านเราที่รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยสินค้า 3 หมวดใหญ่ คือ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และน้ำยาบ้วนปาก นับจากนี้จะแข่งกันดุเดือดยิ่งขึ้น

แม้การแข่งขันของสินค้า 3 กลุ่มนี้จะรุนแรงมาตลอดอย่างต่อเนื่องทุกปี ทว่า การส่ง Message 'เราจะเป็นผู้นำสินค้าในช่องปาก' จาก ริคคาร์โด ริซซี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณไปถึงคู่แข่งทุกรายในทั้ง 3 เวที ชนิดที่เรียกว่า ผู้เล่นทุกค่ายต้องระดมกำลังอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องพื้นที่ของตนเองให้มากที่สุด โดยเฉพาะในมุมของ 'ลิสเตอรีน' ที่ถือว่าเป็นก้างชิ้นโตสำหรับเป้าหมายของคอลเกต เพราะยังเป็นผู้เล่นรายเดียวที่อยู่ในฐานะเบอร์ 1 ของตลาดน้ำยาบ้วนปาก และแม้เวทีนี้จะมีมูลค่าเพียง 1,400 ล้านบาท น้อยกว่าตลาดยาสีฟันกับแปรงสีฟันที่มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และ 2,200 ล้านบาทตามลำดับ แต่นั่นก็ทำให้คอลเกตยังไม่สามารถประกาศเป็นผู้นำตลาดออรัลแคร์ได้เต็มตัว แม้ทุกวันนี้คอลเลกตจะมีภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าในช่องปาก และคว้าแชมป์ไปครองแล้ว 2 หมวดก็ตาม

เบอร์ 1 น้ำยาบ้วนปาก แชมป์นี้ที่'คอลเกต'รอคอย

หากพูดถึงพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในช่องปากของผู้บริโภคบ้านเราทุกวันนี้ จะพบว่า คนไทยมีอัตราการใช้น้ำยาบ้วนปากเพียง 35% แต่หากลงลึกไปถึงการใช้เป็นประจำทุกครั้งหลังการแปรงฟัน ผลการสำรวจระบุว่า มีตัวเลขเพียง 30% เท่านั้น นับว่าเป็นอัตราการบริโภคที่ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้ยาสีฟันที่ปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 97%

ฉะนั้น การโดดขึ้นเวทีนี้เป็นรายแรกๆ แม้จะได้เปรียบด้านการสร้างแบรนด์และความคุ้นชินเรื่องรสชาติกับผู้บริโภคก่อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากกับการทำตลาดสินค้าประเภทที่ต้องนำเข้าปาก แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อการันตีได้ว่าจะช่วยให้สามารถรั้งตำแหน่งผู้นำได้ตลอดไป

ด้วยโอกาสที่มองเห็นจากตัวเลขที่กล่าวข้างต้น คอลเกตแบรนด์ที่กำชัยชนะจากตลาดยาสีฟันและแปรงสีฟันมาแล้ว จึงฮึดสู้บุกตลาดนี้อีกครั้ง โดยหวังว่าจะเอ็ดดูเคตเรื่องการดูแลสุขภาพในช่องปาก ในกลุ่มน้ำยาบ้วนนปากผ่านแบรนด์ 'คอลเกต พลักซ์' (Colgate PLAX) ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่แผนการตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในช่องปากขั้นที่ 3 อย่างเต็มตัว หลังจากที่ให้ความรู้ขั้นที่ 1 เรื่องยาสีฟัน และขั้นที่ 2 สอนการแปรงฟัน ด้วยการเทงบ 135 ล้านบาท สำหรับการรีลอนช์จากแบรนด์คอลเกต โททอล พลักซ์ มาเป็น คอลเกต พลักซ์ อย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อน ที่ครั้งนี้นำมาจับแต่งตัวใหม่หมดจดทั้งภายใน-ภายนอก ซึ่งมีให้เลือกเพิ่มขึ้นจาก 2 สูตร เป็น 5 สูตร ดังนี้ เฟรชมินต์, เปปเปอร์มินต์, สมุนไพรธรรมชาติ, โอเวอร์ไนต์ และเซนซิทีฟ

ขอย้อนกลับไปดูการทำตลาดน้ำยาบ้วนปากของคอลเกตในหลายๆ ปีก่อน จะพบว่า ผู้เล่นรายนี้มีการส่งโปรดักส์ลงแข่งขันมานานแล้ว แถมยังเคยทำคะแนนได้สูงถึง 20% เป็นอันดับ 2 รองจากลิสเตอรีน แต่จากการให้ความสำคัญกับตัวยาสีฟันและแปรงสีฟันเป็นหลัก จนละเลยการทำตลาดกลุ่มน้ำยาบ้วนปาก ส่งผลให้ตัวเลขของงคอลเกตในตลาดนี้เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเหลือตัวเลขเพียง 1% เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าคอลเกตจะไม่เดือดร้อนใจอะไรนัก ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตอนนั้นน้ำยาบ้วนปากยังมีมูลค่าและการเติบโตที่น้อยมาก แต่จากการเอ็ดดูเคตตลาดอย่างต่อเนื่องของลิสเตอรีน กอปรกับการเข้ามาอย่างเต็มตัวของ 'ซิสเท็มมา' แบรนด์ที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของเครือไลอ้อน เมื่อราว 4-5 ปีก่อน ซึ่งมาในรูปแบบการรุกเบอร์ 1 อย่าง 'ลิสเตอรีน' ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของค่ายจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ชนิดที่เรียกว่าครบเครื่องทุกด้าน โดยเฉพาะการตีจุดอ่อนด้านรสชาติที่เผ็ดร้อน จนผู้นำออกอาการซวนเซไปช่วงหนึ่ง ถึงขนาดยอมถอยสูตรรสชาติอ่อนโยนมาปิดจุดอ่อนข้อนี้

ด้วยศักยภาพของผู้เล่นที่ดูสมน้ำสมเนื้อมากขึ้น รวมทั้งจำนวนเม็ดเงินที่สาดใส่กันอย่างถล่มทลาย เพื่ออใช้ในการทำตลาดและสื่อสารกับผู้บริโภคนั้น ส่งผลให้น้ำยาบ้วนปากมีการเติบโตเบ่งบานอย่างต่อเนื่อง โดยปีก่อนขยายตัวถึง 25% และนั่นเป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่ทำให้คอลเกต ผู้เล่นที่เคยละเลยสินค้าตัวนี้ ต้องหันกลับมาปั้นและเข็นแบรนด์ตนเองเข้าสู่ตลาดอย่างจริงจังอีกครั้ง และนี่จึงเป็นที่มาของการรีลอนช์คอลเกต พลักซ์ อย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อน ซึ่งไทยถือเป็นแห่งแรกในแถบเอเชีย ต่อจากประเทศในแถบละตินอเมริกา และยุโรป รวมถึงประเทศออสเตรเลียที่รีลอนช์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว

และก้าวแรกในการรีลอนช์ของคอลเกต พลักซ์ ในปีที่ผ่านมา เพียงข้ามปี ค่ายนี้ก็สามารถคว้าส่วนแบ่งไปได้ถึง 16% เป็นเบอร์ 2 แทน แบรนด์ซิสเท็มมาที่หล่นไปอยู่เบอร์ 3 มีส่วนแบ่งราว 8% ขณะเดียวกันยังช่วยให้ตลาดรวมนี้โตขึ้นอีก 25% ด้วย จากเดิมที่ตลาดนี้จะโตเพียง 10-15%

'พลักซ์ ไอซ์'สูตรเด็ด เขย่าบัลลังก์ลิสเตอรีน

สำหรับการทำตลาดในปีนี้ คอลเกตรุกเข้มอีกขั้น ด้วยการเข็นสูตรที่ 6 'พลักซ์ ไอซ์' ออกมาถล่มคู่แข่ง ซึ่งหากมองจากเม็ดเงินที่คอลเกตทุ่มทุนถึง 120 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ เป็นพรีเซนเตอร์แล้ว เชื่อได้ว่าสินค้าสูตรนี้น่าจะเป็นไฮไลต์ที่มาช่วยสร้างแรงเหวี่ยงถึงคู่แข่งไม่น้อย

เริ่มจากการชูจุดขาย 'ความเย็นสุดขั้ว ลดการสะสมของคราบแบคทีเรียและคราบพลักยาวนานถึง 12 ชั่วโมง' แม้รูปแบบการสื่อสารผ่านหนังโฆษณารวมทั้งคุณสมบัติการปกป้องยาวนานถึง 12 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกลั้วคอบ่อยตลอดวัน จะเป็นการตอบโจทย์เรื่อง 'เพื่อลมหายใจสดชื่นยาวนาน' ที่ผู้บริโภคต้องการเป็นอันดับแรก และส่งสารไปกระแทกแบรนด์ซิสเท็มมาแบบเต็มๆ เหมือนครั้งที่คอลเกตเริ่มรีลอนช์ในปีก่อน ซึ่งเป็นการจี้โดนใจดำแบบสุดๆ ในซิสเท็มมา เจแปนนิช เชอร์รี บลอสซัม สูตรควิกแคร์ นวัตกรรมสกัดจากกลิ่นดอกซากุระ ที่มีคุณสมบัติช่วยระงับกลิ่นปากแบบเร่งด่วน และสามารถกลั้วคอได้บ่อยเพื่อใช้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่จากการขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 หลังจากรีลอนช์ได้เพียง 1 ปี ก็มั่นใจได้ว่าการส่งสารของคอลเกตในรอบนี้เป็นแค่การตอกหมุดซิสเท็มมาอีกครั้ง ทว่า เป้าหมายที่แท้จริงคือการส่งสัญญาณรบไปยังลิสเตอรีนอย่างเป็นทางการแล้ว

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะถ้ามองไปถึงเรื่องรสชาติที่คอลเกตพูดถึงความเย็นสุดขั้ว จะเห็นว่าเป็นรสชาติที่ชัดเจนเช่นเดียวกับลิสเตอรีน แม้จะไม่ได้ให้ความรู้สึกเผ็ดร้อนก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่รสที่อ่อนใสแบบซิสเท็มมา ซึ่งหากจัดคู่ชกแล้ว สูตรที่คอลเกตส่งมาประกบ ซิสเท็มมา น่าจะเป็นสูตรเซนซิทีฟ และสูตรเกลือผสมสมุนไพร ที่ค่อนข้างมีรสชาติอ่อนโยน แม้ว่าในสูตรเกลือผสมสมุนไพรทางคอลเกตจะชูเรื่องการดูแลสุขภาพเหงือกควบคู่ด้วยก็ตาม แต่นั่นก็เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งนอกเหนือจากตัวรสชาติ

ดังนั้น สูตรพลักซ์ ไอซ์ จึงน่าจะถูกส่งมาเป็นคู่ชกกับลิสเตอรีนมากกว่า โดยสูตรที่เบอร์ 1 จัดเตรียมไว้รับมือคงหนีไม่พ้นสูตรโททัลแคร์ที่ชูจุดขายเรื่อง 6 พลังปกป้อง คือ 1.ช่วยให้ลมหายใจสดชื่นยาวนาน 12 ชั่วโมง 2.ป้องกันฟันผุ 3.ลดการสะสมของแบคทีเรีย 4.ลดการก่อตัวใหม่ของหินปูนและปกป้องฟันขาวอย่างเป็นธรรมชาติ 5.ลดการสะสมของคราบพลัก 6.ดูแลเหงือกให้มีสุขภาพดี ซึ่งสินค้าสูตรนี้ลิสเตอรีนได้เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเพื่อเรียกความสนใจจากผู้บริโภค ในช่วงนั้นลิสเตอรีนได้จัดแคมเปญ 'LISTERINE HAVE A GOOD DAY WITH THE STAR' โดยคว้าตัวนักร้อง เดอะ สตาร์ ทั้ง 4 คน คือ แก้ม, รุจ, ดิว และต้น มาทำหน้าที่สื่อสารกับผู้บริโภคเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้น้ำยาบ้วนปากผ่านรายการในรูปแบบเรียลิตี้ เพื่อเอ็ดดูเคตผู้บริโภคฃที่มีการใช้น้ำยาบ้วนปากเฉลี่ยเพียง 2 ครั้งต่อวัน ให้เพิ่มเป็น 4 ครั้งต่อวัน โดยแบ่งตามช่วงเวลาชัดเจน คือ Good Morning สะอาดสดชื่นในเช้าวันใหม่ Good Afternoon เพื่อความสะอาดหลังรับประทานอาหาร Good Evening เพื่อความสะอาดมั่นใจก่อนไปสังสรรค์ และ Good Night เพื่อความสะอาดก่อนนอน และนั่นถือเป็นครั้งแรกที่ลิสเตอรีนหันมาพูดเรื่องความถี่การใช้น้ำยาบ้วนปากกับผู้บริโภค

ฉะนั้น เพื่อจุดพลุให้ พลักซ์ ไอซ์ เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว งานนี้คอลเกตจึงจัดกิจกรรมในลักษณะที่บุกประชิดถึงตัวผู้บริโภค ด้วยการลอนช์แคมเปญ What does Mega Freshness mean to You? ให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุก โดยจะทำการหาผู้ชนะ 12 คนมาร่วมกิจกรรมกับ ป้อง ณวัฒน์ พรีเซนเตอร์ของพลักซ์ ไอซ์ ในบรรยากาศความเย็นแบบสุดขั้วที่ Ice Bar Minus 5 Supper Club พัทยา ที่บอกว่าเป็นการบุกประชิดถึงตัวผู้บริโภค เนื่องจากกิจกรรมของคอลเกตในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ลูกค้าจะได้สนุกและมีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับแบรนด์เท่านั้น ขณะเดียวกันทั้งคอนเซ็ปต์และสถานที่จัดงานของกิจกรรมนี้ยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ตัวโปรดักส์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญไม่โดนตัวพรีเซนเตอร์มาแย่งซีนมากนัก ต่างจากการจัดเรียลิตี้ของลิสเตอรีนที่นำนักร้องจาก เดอะ สตาร์ มาเป็นผู้ส่งสารกับผู้บริโภค ซึ่งจากความดังของตัวนักร้องทั้ง 4 คน ทำให้งานนั้นดูเหมือนว่าตัวพรีเซนเตอร์จะมีความโดดเด่นและเป็นที่สนใจมากกว่าตัวโปรดักส์

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงการโหมโรงของคอลเกตเท่านั้น เพราะในฐานะแบรนด์ที่มีภาพผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าในช่องปากมานาน แน่นอนว่าการจับมือกับคลินิกทันตกรรมเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ช่วยผลักดันให้คอลเกตขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดยาสีฟันและแปรงสีฟันด้วยส่วนแบ่งตลาด 37% และ 36% ตามลำดับ ซึ่งชัดเจนอย่างมากในตลาดยาสีฟัน โดยผู้บริโภคในบ้านเราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า 'เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันตแพทย์ให้การแนะนำเป็นอันดับ 1Ž แน่นอนว่าการมีทันตแพทย์เป็นกระบอกเสียงทำหน้าที่สื่อสาร ย่อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่แปลกที่กิจกรรมส่วนใหญ่ของคอลเกตจะมีทันตแพทย์เข้าร่วมด้วย เช่นเดียวกันที่น้ำยาบ้วนปากสูตรล่าสุดนี้ คอลเกตได้เตรียมสินค้าตัวอย่างจำนวน 15 ล้านชุด เพื่อแจกให้กับผู้บริโภคผ่านช่องทางร้านคลินิกทันตกรรม 2,300 แห่งทั่วประเทศ

คอลเกตจัด 3 ทัพถล่มคู่แข่ง

แต่ที่น่าสนใจและน่าจะเป็นความได้เปรียบของคอลเกต คือ การเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าในมือทั้ง 3 หมวด ทำให้การแจกสินค้าตัวอย่างที่ค่ายนี้นิยมจัดแจกเป็นชุด จึงดูสมบูรณ์มากกว่าเมื่อเทียบกับลิสเตอรีนที่มีเฉพาะน้ำยาบ้วนปากเท่านั้น ซึ่งกลยุทธ์แจกสินค้าตัวอย่างแบบนี้ ซิสเท็มมาก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่เลือกใช้เช่นกัน หลังจากที่มีโปรดักส์ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป โดยการเข้าสู่ตลาดออรัลแคร์ของซิสเท็มมา ซึ่งแปรงสีฟันเป็นสินค้าตัวแรกที่ค่ายนี้เข็นออกสู่ตลาด ภายใต้สโลแกน 'ซอกซอนเกินคาด สะอาดถึงร่องเหงือก' จากนั้นก็ตามมาด้วยตัวยาสีฟันที่นำเรื่องคุณสมบัติของฟองละเอียดที่เข้าไปทำความสะอาดถึงร่องเหงือก มาเป็นจุดขายอีกครั้ง ซึ่งเคยมีการนำอดีตคู่รัก นัท-เต๋า มาเป็นพรีเซนเตอร์ และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นคู่ของกฤษกับมาช่าแทน โดยมีเป้าหมายสื่อถึงยาสีฟันของครอบครัวคนรุ่นใหม่ จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยน้ำยาบ้วนปาก

ด้วยจุดขายสินค้าทั้ง 3 กลุ่มของซิสเท็มมา นอกจากจะสอดคล้องเชื่อมโยงได้เป็นอย่างดีแล้ว ผลตอบรับจากผู้บริโภคที่วัดจากยอดขายก็ถือว่าสร้างความอึดอัดให้คอลเกตไม่น้อย เพราะหากแยกดูเฉพาะเซกเมนต์แปรงสีฟันระดับพรีเมียม จะพบว่า ซิสเท็มมา เป็นผู้นำแซงคอลเกตและออรัล บี ไปหลายก้าว ขณะที่ตลาดยาสีฟันแม้คอลเกตจะสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า คอลเกตต้องทำการบ้านอย่างหนัก และทุ่มงบจัดแคมเปญโปรโมชั่นชนิดที่เรียกได้ว่าแรงสุดตั้งแต่คอลเกตเคยทำตลาดมา เช่น การฉลองครบรอบคอลเกต 200 ปี ด้วยการจัดแคมเปญ 'คอลเกต แจกบ้านในฝันให้ครอบครัวฟันแข็งแรง' ที่แจกบ้านพร้อมที่ดินและเฟอร์นิเจอร์จำนวน 2 หลัง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาท นับว่าเป็นการทุ่มครั้งใหญ่ของค่ายนี้ในรอบ 10 ปี แม้คอลเกตจะอ้างเหตุผลว่าต้องการหนีสงครามราคาก็ตาม แต่เชื่อว่าส่วนหนึ่งก็ต้องการป้องกันส่วนแบ่งและฐานลูกค้าของตนเองให้มากที่สุด เพราะนอกจากราคา และโปรโมชั่นแล้ว นวัตกรรมหรือความแปลกจากแบรนด์ใหม่ก็ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อยาสีฟันของผู้บริโภคเสมอ ขณะที่น้ำยาบ้วนปากซิสเท็มมาก็สามารถแซงมายบาซินขึ้นมาแข่งกับลิสเตอรีนได้อย่างรวดเร็ว

จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคอลเกตจึงเตรียมแจกสินค้าตัวอย่างมากถึง 15 ล้านชุด เพราะนอกจากผู้บริโภคจะได้ทดลองใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรใหม่แล้ว คอลเกตยังสามารถเอ็ดดูเคตและสร้างความเคยชินให้ผู้บริโภคเลือกใช้สินค้าแบรนด์เดียวกันทั้ง 3 กลุ่มด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คอลเกตพยายามมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดเจนสุดในกรณีที่คอลเกตเปิดตัวแปรงสีฟัน 'แมกซ์ เฟรช' เมื่อต้นปีที่ชูจุดขายด้วย 'ด้ามจับกลิ่นมินต์' นับเป็นครั้งแรกที่คอลเกตนำเรื่องอีโมชันนัลมาเล่นกับตัวโปรดักส์ ด้วยการนำเรื่อง 'Fun' มาเป็นสิ่งที่สื่อสารกับผู้บริโภค ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'แมกซ์เฟรช แมกซ์ฟัน' จากเดิมที่ค่ายนี้จะโดดเด่นในเรื่องฟังก์ชันนัลในส่วนของ 'หัวแปรง'มากกว่า เช่น การออกคอลเกต 360 องศา นวัตกรรมซึ่งเพิ่มที่ทำความสะอาดลิ้น

ทั้งนี้ หากมองผิวเผินก็จะเป็นเพียงการเพิ่มลูกเล่นให้กับด้ามแปรงสีฟันเหมือนที่ซิสเท็มมาเคยลอนช์ 'ซิสเท็มมา สวีท เบอร์รี่' แปรงสีฟันมีกลิ่นเบอร์รี แต่งานนี้คอลเกตมองไปไกลกว่านั้น นั่นคือ การใช้กลยุทธ์อินโนเวชั่นที่เชื่อมจากแปรงไปสู่ยาสีฟัน โดยโฟกัสไปที่สูตร 'แมกซ์ เฟรช' ที่คอลเกตเคยลอนช์เมื่อราว 3 ปีก่อน

'การลอนช์นวัตกรรมแปรงสีฟันครั้งนี้ ถือเป็นอินโนเวชั่นด้านกลวิธีในการผลักดันยอดขายยาสีฟันคอลเกตสูตรแมกซ์ เฟรช เพราะถ้าผู้บริโภคเชื่อหรือคุ้นเคยกับนวัตกรรมอย่างหนึ่งแล้ว ก็จะมีการเชื่อมโยงโดยหันไปใช้สินค้าอีกตัวหนึ่งที่มีนวัตกรรมเดียวกันด้วย' ริคคาร์โด ริซซี่ กล่าวเมื่อครั้งเปิดตัวแปรงสีฟันแมกซ์ เฟรช

ที่เป็นเช่นนี้เพราะหลังจากที่คอลเกตได้แนะนำ 'คอลเกต แมกซ์เฟรช สดชื่นสุดขั้ว' ยาสีฟันที่มีแผ่น 'คูลลิ่ง คริสตัล'จำนวน 2 รสชาติ คือ เปปเปอร์มินต์ เย็นซ่าในเนื้อเจลสีเขียว กับ เปปเปอร์มินต์ ไอซ์ ในเนื้อเจลสีฟ้า โดยคว้านักร้องสาว ทาทา ยัง มาเป็นพรีเซนเตอร์ในช่วงแรกเท่านั้น จากนั้นยาสีฟันสูตรนี้ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวที่หวือหวาออกมาให้ผู้บริโภคได้เห็น แม้ช่วงหนึ่งจะมีการปรับบรรจุภัณฑ์ก็ตาม กระทั่งการลอนช์แปรงสีฟันตัวใหม่ของคอลเกต ซึ่งหากพูดถึงเรื่องกลิ่นบนด้ามแปรงที่คอลเกตเลือก 'มินต์' มาเป็นจุดขาย อาจดูไม่ชัดเจนและจับต้องได้ยากถ้าจะสื่อถึงตัวยาสีฟันแมกซ์ เฟรช แต่เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์บนด้ามแปรง ที่โดดเด่นด้วยลวดลายกราฟิกของแผ่นคูลลิ่ง คริสตัล แน่นอนว่าผู้บริโภคย่อมนึกถึงยาสีฟันสูตรดังกล่าวได้ไม่ยากนัก เพราะเจ้าตัว 'แผ่นคูลลิ่ง คริสตัล' ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้เล่นรายนี้

สำหรับแผนการเชื่อมโยงมาสู่น้ำยาบ้วนปากนั้น จะออกมาให้เห็นตอนไหนคงต้องติดตามกันต่อไป แต่เชื่อว่าต้องอยู่ในแผนการทำตลาดของคอลเกตอย่างแน่นอน เพราะในฐานะแบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านสินค้าในช่องปากคงไม่ยอมเสียเชิงให้กับซิสเท็มมาที่เคยลอนช์ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากสูตรเจแปนนิช สีชมพู มาแล้ว

และนี่เป็นเพียงการขยับก้าวที่ 2 ของคอลเกต ในมุมของน้ำยาบ้วนปากที่ครั้งนี้หวังว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งงตลาดเป็น 20% ให้ได้ภายในสิ้นปี 2552 แต่นั่นก็คงไม่สร้างแรงกดดันให้ลิสเตอรีนเท่ากับการรักษาตำแหน่งแชมป์ ที่วันนี้หากวิเคราะห์การเติบโตของภาพรวมตลาด รวมถึงการชิงแชร์จากคู่แข่งและขยายฐานกลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยใช้น้ำยาบ้วนปากแล้ว พบว่า การมีส่วนแบ่งกว่า 50% ก็มีโอกาสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดน้ำยาบ้วนปากได้

การกลับมาประกาศศักดาความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าในช่องปากในตลาดน้ำยาบ้วนปากของคอลเกตครั้งนี้ จะสามารถโค่นลิสเตอรีนเพื่อปักธงผู้นำออรัลแคร์ได้หรือไม่ ศึกยกนี้ต้องติดตามกันต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us