|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นู สกิน ปรับแผนจ่ายผลตอบแทนใหม่ ชู “เว็ลธ แม็กซิไมเซอร์” แยกกลุ่มสร้างยอดขายสินค้า - สร้างทีมงาน อัดค่าคอมมิชชันเพิ่ม 1-2% เป็น 48-49% ล่อใจคนแห่หารายได้เสริมในยุคเศรษฐกิจถดถอย ดันตัวแทนจำหน่ายโต 60% เพิ่ม 2.8 แสนราย โชว์รายได้มิย.51-52 โต 30% สูงสุดรอบ 12 ปี
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงนูสกิน เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทแม่ได้ปรับแผนการจ่ายผลตอบแทนแบบใหม่ในประเทศไทยใหม่ ภายใต้ “เว็ลธ แม็กซิไมเซอร์” หรือเป็นรูปแบบการปันผลตอบแทนแบบวิเคราะห์อัตราการเติบโตภายในองค์กรของผู้ แทนจำหน่าย ด้วยกัน 2 แนวทาง คือ การเพิ่มยอดขายสินค้าของนูสกิน
สำหรับผู้แทนจำหน่ายใหม่ และระดับผู้บริหารใหม่-กลาง ส่วนผู้บริหารระดับทองคำขึ้นไป เน้นการสร้างทีมงาน โดยเฉลี่ยบริษัทเพิ่มค่าคอมมิชชั่นจาก 47% เป็น 48-49% ซึ่งเริ่มใช้แผนใหม่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้
สำหรับการปรับแผนการจ่ายผลตอบแทนใหม่ แตกต่างจากเดิมที่เน้นการปันผลตอบแทน โดยนำยอดขายสินค้าและการสร้างทีมมาเฉลี่ยรวมกัน ส่วนแผนใหม่มีการแบ่งแยกชัดเจน ระหว่างการเพิ่มยอดสินค้า กับการสร้างทีมงาน ซึ่งบริษัทแม่ได้ทยอยใช้แผนดังกล่าวในแต่ละประเทศ อาทิ อเมริกา มีรายได้เติบโต 25-30% ยุโรป เติบโต 50-60% ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ใช้มาแล้ว 1 ยอดขายโต 20%
และล่าสุดในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าผู้แทนจำหน่ายหรือระดับบริหารขึ้นไปในประเทศไทย มีรายได้โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 20-88% ส่วนตัวแทนจำหน่ายเติบโต 60% จากปัจจุบันมีสมาชิก 2.4 แสนราย เพิ่มเป็น 2.8 แสนราย
“เรามั่นใจว่าการปรับแผนจ่ายผลตอบแทน เอื้อประโยชน์กับผู้แทนจำหน่าย และช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับองค์กรของผู้แทนจำหน่ายเป็นแผนรายได้ที่ไม่ซับ ซ้อน ให้ผลตอบแทนรวดเร็ว ช่วยกระตุ้นการทำงานของทีมงานอีกทางหนึ่ง แม้ว่าการปรับแผนจ่ายผลตอบแทน ทำให้บริษัทมีกำไรลดลงบ้างก็ตาม แต่บริษัทก็ไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น”
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโต 15% หรือมีรายได้ 650 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการตอบรับดีโดยเฉพาะในท่ามกลางการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง ส่วนจำนวนผู้แทนจำหน่ายโต 60% ส่วนรายได้ระหว่างมิถุนายน 2551 -2552 หรือในรอบ 12 เดือน เติบโต 30% ซึ่งนับเป็นการเติบโตรอบ 12 ปี ส่วนในแง่ยอดการเติบโตผู้แทนจำหน่ายใหม่ 80% ทั้งนี้เฉพาะรายได้เดือนมิถุนายนราว 130 ล้านบาท จำนวนผู้แทนจำหน่ายเพิ่มจาก 2,000 รายต่อเดือน มาเป็น 3,700 รายต่อเดือน
อย่างไรก็ตามจากการปรับแผนการจ่ายผลตอบแทน คาดว่าผลักดันให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้เติบโต 15% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 200 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 1,300 ล้านบาท และผลักดันให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีต่อไป ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากการใช้แผนดังกล่าวผลักดันเติบโต 10-20% โดยประเทศอินโดนีเซียเติบโต 20% ส่วนการดำเนินกิจกรรมในครึ่งปีหลัง
เน้นโรดโชว์ ในตลาดต่างจังหวัดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น และเป็นการแนะนำโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจในธุรกิจขายตรง
|
|
|
|
|