แบงก์ซีไอเอ็มบี ชูศักยภาพ เสริมทัพ บลจ.บีที ตั้งเป้าส่งโพรดักซ์เอาใจฐานลูกค้ากว่าแสนราย ดันสินทรัพย์โตหมื่นล้าน ประเดิม "โกลด์ลิงค์ ฟันด์" จับจังหวะทำกำไราราคาทองคำ พร้อมจ่อคิวอีก 8 กองทุน ลุยหุ้นในประเทศ เอเชีย และคอมมอดิตี
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ ซีไอเอ็มบี กรุ๊ปเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมดรวมทั้งบริษัทในเครือ ส่งผลให้เรามีศักยภาพความแข็งแกร่งในการด้านบริหารงานแบบครบวงจรมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจของกองทุนรวมที่เราพยายามขยายขอบเขตในการคิดค้นหาผลิตภัณฑ์ เพื่อมารองรับกลุ่มนักลงทุนให้มีความหลากหลาย
ทั้งนี้ ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขณะนี้ต่างให้ผลตอบแทนที่ต่ำมาก ดังนั้น ฐานลูกค้าแบงก์ของเราที่มีอยู่ประมาณ 120,000 รายในขณะนี้ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยจะร่วมมือกับบลจ. บีที ในการให้ความรู้เพิ่มเติมในการเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ให้แก่นักลงทุนเหล่านี้ต่อไป
สำหรับแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นายสุภัค ธนาคารตั้งเป้าไว้สำหรับการเติบโตของธุรกิจกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอีกเป็น 10,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังนี้ บลจ. บีที เองจะเปิดกองทุนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 7 – 8 กองทุน
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด กล่าวว่า วานนี้ (13 ก.ค.) บริษัทได้เปิดขายกองทุนรวม บีที FIF โกลด์ลิงค์ ฟันด์ 5 ( BT FIF Gold Linkd Fund 5หรือ BT-FIF-GLF5) เป็นวันแรก โดยจะเสนอขายต่อไปจนถึงวันที่ 24 กรกฏาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว จะมีอายุโครงการ 2 ปี มีขนาดกองทุน 1,400 ล้านบาท ซึ่งผลตอบแทนจะอิงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในแต่ละ ไตรมาส
“กองทุนนี้ จะเข้าไปลงทุนในตราสารของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ในระดับ Investment Grade ขึ้นไป โดยผลตอบแทนจะอยู่ในประมาณ 0.0 – 7.5% ต่อปี โดยผลตอบแทนจะอิงกับราคาทองคำในตลาดโลก โดยจะคำนวณทุก ๆ 3 เดือน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ หากราคาทองคำอยู่ในกรอบ 0 – 15% โดยจะเปรียบเทียบจากวันเริ่มลงทุน”นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ผู้ลงทุนอาจมีโอกาสได้รับผลตอบแทนอิงกับราคาทองคำ โดยมีความเสี่ยงของเงินต้นต่ำเพราะตราสารหนี้ที่ไปลงทุนนั้น ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่ลงทุนได้ โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนที่แตกต่างจากเงิน ฝากประจำที่ปัจจุบันมีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ โดยทางเลือกดังกล่าวมีความเสี่ยงของเงินต้นต่ำ และอาจมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก กองทุนนี้ไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินทุนเริ่มแรกในสกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะทำการปิดความเสี่ยงทั้งจำนวนตั้งแต่วันเริ่มลง ทุน
“สาเหตุที่ต้องเปิดขายกองทุนดังกล่าวในช่วงนี้ เนื่องจากว่าปัจจุบันรัฐบาลได้เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับการเปิดจองพันธบัตรไทยเข้มแข็ง และมีนักลงทุนบางราย พลาดโอกาสในการลงทุน เนื่องจากพันธบัตรไม่พอต่อความต้องการ ดังนั้น กองทุนดังกล่าวน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงุทนได้”
ด้านนายเจิดพันธุ์ นิตยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. บีที กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจกองทุนรวมในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น บริษัทมีสิทรัพย์รวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายอดตกลงไปจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 9,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทตั้งเป้าธุรกิจกองทุนรวมเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท จากแผนที่จะออกกองทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 7 – 8 กองทุน เช่น กองทุนรวมอาเชียนอิควิตี้ กองทุนรวมไช่นาอิควิตี้ กองทุนรวมอินเดียอิควิตี้ กองทุนหุ้นเซต 50 กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนสตักเจอร์ฟันด์อิงกับดัชนีทองคำหรือสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลานั้น ๆ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย
|