Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์13 กรกฎาคม 2552
แนะลดความเสี่ยงช่วงตลาดพักฐานใช้กองทุนตลาดเงินเป็นหลุมหลบภัย             
 


   
search resources

ศุภมาศ พยัคฆพันธ์
Investment




มองตลาดทุนมีโอกาสจะปรับฐาน ทั้งหุ้น ทอง น้ำมัน แนวโน้มวิ่งต่อยาก แนะพักเงินในกองทุนตลาดเงินความเสี่ยงต่ำ รอดูสถานการณ์ไปก่อน ตั้งท่ารอโอกาสรอบใหม่

ศุภมาศ พยัคพันธ์ นักวิเคราะห์กองทุนรวม บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลงในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ หรือน้ำมันเพราะอยู่ในช่วงที่ตลาดมีโอกาสปรับฐาน จึงควรจะขายลดความเสี่ยงเข้ามาพักเงินไว้ในกองทุนตราสารตลาดเงินก่อนบางส่วนเพื่อรอความชัดเจนและหาโอกาสเข้าลงทุนต่อไป

ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทยเริ่มมีการอ่อนตัวให้เห็นหลังมีปัจจัยลบมากระทบจากข่าวของสถาบันจัดอันดับเอสแอนด์พีที่อาจจะมีการปรับลดอันดับเครดิตของประเทศไทยจาก BBB+ เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และจากการอัดฉีดเงินจากภาครัฐที่ลดลง โดยการส่งออกของไทยในเดือน พฤษภาคม 2552 ลดลง 26.6% กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2552 จะหดตัว 15-19% นอกจากนี้ทางธนาคารโลกยังออกมาปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในปีนี้ลงอีก

ด้านราคาน้ำมันดิบก็อ่อนตัวลงจากข่าวนักเก็งกำไรน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาด NYMEX มีการปรับลดสถานะซื้อสุทธิลงเกือบครึ่งหนึ่งในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ราคาทองคำก็ลดลงเช่นกัน หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาประกอบกับมีข่าวว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) อาจจะมีการขายทองคำ 400 ตัน ออกมาในตลาด ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อราคาทองคำในระยะนี้ได้ จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในน้ำมันและทองคำในระยะนี้ออกไปก่อน

ดังนั้นจึงแนะนำพักเงินในกองทุนตราสารตลาดเงินที่มีระดับความเสี่ยงต่ำเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ของตราสารหนี้ที่ลงทุนต่ำและมีสัดส่วนเงินฝากในพอร์ตการลงทุนสูงเพื่อลดความผันผวนที่อาจจะ เกิดขึ้นจากปริมาณการออกพันธบัตรภาครัฐในอนาคต ซึ่งปัจจุบันผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินโดยเฉลี่ยในอุตสาหกรรมจะอยู่ประมาณ 0.3-1.0%

หากเทียบกับผลตอบแทนของเงินฝากออมทรัพย์ถือว่าดีกว่า และหากจะเทียบกับเงินฝากประจำ 6 เดือน ปัจจุบันเฉลี่ยหลังหักภาษีอยู่ที่ 0.4-0.6% ส่วนเงินฝากประจำ 1 ปี ให้ผลตอบแทนสุทธิหลังหักภาษีไม่ถึง 1.0% ซึ่งจะเห็นว่าผลตอบแทนไม่ต่างกันมากแต่กองทุนตราสารตลาดเงินได้เปรียบกว่าในเรื่องของสภาพคล่องซึ่งเหมาะที่จะพักเงินเพื่อรอจังหวะลงทุนต่อไป

“แนวโน้มของดอกเบี้ยเงินฝากในตลาดยังมีโอกาสจะปรับลงได้อีก โดยมุมมองของนักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีโอกาสจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ลงได้อีก 0.25% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

เรายังแนะนำผู้ฝากเงินลงทุนในกองทุนต่างประเทศประเภท Locked-in fund ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ทั้งหมด เพราะผลตอบแทนของกองทุนประเภทนี้ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการลดภาษีดอกเบี้ยหัก ณ ที่จ่ายของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยพันธบัตรอายุประมาณ 1 ปี ให้ผลตอบแทนประมาณ 3% กว่า ซึ่งดีกว่าผลตอบแทนดอกเบี้ยเงินฝากประจำในประเทศไทยมากพอสมควร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us