ค่ายมือถือประสานเสียง 3G จะเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิตคนไทย ‘เอไอเอส’ชี้ 3G คือเน็ตไร้สายความเร็วสูงคุณภาพเยี่ยม ‘ดีแทค’ย้ำ 3Gช่วยพัฒนาประเทศอย่างโครงการ *1677 ทางด่วนข้อมูลเกษตรกร ด้านนักวิชาการเชื่อ 3G เป็นเทคโนโลยีดาบสองคม ต้องฉลาดในการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดบริการที่เป็นประโยชน์ชาติสูงสุด

3G เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนชีวิตคนไทยได้จริงหรือหลายคนคงคุ้นหูกับ 3G เพราะวันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เชื่อได้ว่ามีไม่กี่คนที่รู้ว่า 3G จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตคนไทยได้อย่างไรและมากน้อยแค่ไหน แล้ว 3G จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงเข้ามูลข่าวสารจำนวนมากมายมหาศาลที่กระจายอยู่ทั่วโลกเพียงปลายนิ้วได้จริงหรือไม่

ปัจจุบันไทยแทบจะเป็นประเทศสุดท้ายที่เหลืออยู่ในภูมิภาคเอเชียที่ยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 หรือที่เรียกกันคุ้นปากว่า 3G สำหรับประเทศไทยเทคโนโลยีนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ที่ทำให้คว้าไม่ถึงเป็นเพราะติดกฎเกณฑ์การออกใบอนุญาตใหม่บนความถี่มาตรฐาน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ที่คณะ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ดองเรื่องไม่กล้าตัดสินใจมา 2-3 ปี

แม้จะเกิดความหวังว่าคลื่นความถี่ 850 และ 900 เมกะเฮิรตซ์สามารถอัพเกรดปรับปรุงให้ใช้งาน 3G แก้ขัดได้ แต่กลายเป็นว่าขั้นตอนและกฎระเบียบอีกนั่นแหละที่ทำให้ผู้ให้บริการภายใต้สัมปทานของบริษัท กสท โทรคมนาคมไม่ว่าจะเป็นดีแทคหรือทรูมูฟ ยังไม่สามารถให้บริการได้เพราะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตามมาตรา 22 และมาตรา 13 ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 รวมทั้งการที่ผู้บริหารระดับสูงและบอร์ดกสท มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งทำให้นโยบายขาดความต่อเนื่องส่งผลกระทบกับเอกชนในการให้บริการ

จะมีก็แต่เอไอเอสที่เปิดให้บริการได้ที่เชียงใหม่ และชลบุรี โดยเชียงใหม่ ครอบคลุม ตัวเมืองทั้งหมด ตลอดจน แม่ริม, ดอยสะเก็ด, สันทราย, สันกำแพง, หางดง, แม่โจ้, วิทยาลัยนอร์ธ ส่วนชลบุรี ครอบคลุม ตัวเมือง จนถึง อ.บางพระ สำหรับกรุงเทพฯ มีให้บริการแค่เซ็นทรัลเวิลด์ และที่สยามพารากอน

3G เปลี่ยนชีวิต

ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายต่างประสานเสียงยืนยันถึงความล้ำหน้าและประโยชน์นานับประการของ 3G เพราะเทคโนโลยีนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของเทคโนโลยี 2G หรือ 2.5G หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยี EDGE (2.75G) ที่มีความเร็วที่สุดในบ้านเราขณะนี้ เหตุผลเป็นเพราะเทคโนโลยีที่ไล่เลียงมาขั้นต้นมีความสามารถด้านเสียงแต่เชิงการให้บริการรับส่งข้อมูลไม่โดดเด่นและรวดเร็วพอ ประกอบกับเทคโนโลยี 3Gสามารถตอบโจทย์ การส่งผ่านข้อมูลภาพและเสียง โดยเฉพาะภาพเคลื่อนไหวทุกรูปแบบได้อย่างสมบูรณ์ และยังมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลข่าวสารถึงมือผู้ใช้อย่างไม่จำกัด

นอกจากนั้นเทคโนโลยี 3G ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม ตั้งแต่การใช้งานประจำที่ไปจนถึงการใช้งานขณะเคลื่อนที่ จากการใช้งานสื่อสารอย่างง่ายๆไปจนถึงการใช้งานที่ซับซ้อน จากกลุ่มผู้ใช้บริการในกลุ่มตลาดล่างไปถึงตลาดที่ต้องการความทันสมัย จากการใช้บริการเฉพาะเสียงพูดหรือรับส่งข้อมูลอย่างเดียว ไปเป็นการใช้งานแบบผสมผสานทั้งภาพและเสียง ซึ่งผู้ให้บริการสามารถปรับเปลี่ยนความสามารถในการให้บริการสื่อสารของเครือข่ายได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใดๆ

3G ช่วยเพิ่มผู้ใช้บรอดแบนด์

หลายภาคส่วนในสังคมเริ่มออกมาพูดถึงความสำคัญในการเข้าถึงบรอดแบนด์(อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง) ของประชากรในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นเนื่องจากเชื่อว่าหากบรอดแบนด์สามารถเข้าถึงคนไทยมากเท่าไหร่ก็จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ผ่านยุควิกฤตนี้ไปได้ และ3Gดูเหมือนจะเป็นอีกความหวังที่สำคัญ เพราะมีศักยภาพส่งผ่านข้อมูลเข้าถึงมือประชากรไทยทั่วทุกหย่อมหญ้า ซึ่งหากผู้ประกอบการ 3 รายใหญ่ อย่าง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และบริษัท ทรูมูฟ สามารถลงทุนให้บริการ 3G ได้ทั่วประเทศไทย หมายถึงว่า 3G มีโอกาสช่วยให้คนไทย 65 ล้านคนเข้าถึงบรอดแบนด์ได้ง่ายดาย ทั้งยังช่วยลดข้อจำกัดการลงทุนด้วยการลากสายทองแดงหรือเคเบิลใยแก้ว

3G คือโมบายล์บรอดแบนด์คุณภาพเยี่ยม

นายสมชัย เลิศสิทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวถึงความสามารถของเทคโนโลยี 3G ว่านอกจากจะมีประสิทธิภาพในการส่งผ่านข้อมูลภาพและเสียงจำนวนมาก พร้อมทั้งเสิร์ฟอีเมล์ แชท เว็บไซต์คอมมูนิตี้อย่าง เฟซบุ๊ก และ hi5 ถึงตัวผู้ใช้มือถือได้ทุกที่แล้วผู้ให้บริการโทรศัพท์ มือถือทั้ง 3 รายยังสามารถประยุกต์เทคโนโลยี 3G บนมือถือให้กลายเป็นโมบายบรอดแบนด์ได้ง่ายดายโดยการให้บริการบรอดแบนด์บนแอร์การ์ด หรือ ยูเอสบีโมเด็ม สำหรับเสียบซิมการ์ดมือถือเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการใช้งานถึง 7. 2 เมกะบิต ซึ่งการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ด้วยวิธีดังกล่าว รวดเร็วกว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นโมเด็มเชื่อมต่อเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต

ดีแทคยันช่วยพัฒนาประเทศ

นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค มองในภาพกว้างว่า 3G จะช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่ออาชีพ ภาคธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ และหน้าที่ทางสังคมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงลึกเป็นตัวบุคคลและจะมีผลช่วยยกระดับประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นตาม

ตัวอย่างเช่นดีแทคมีโครงการ *1677 ทางด่วนข้อมูลเกษตรกร ซึ่งเป็นโครงการที่นำเอาเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของดีแทคมาใช้ประโยชน์คืนกลับแก่สังคมไทย โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการส่งข้อมูลการเกษตร ทั้งวิธีการทำเกษตรต่างๆ ราคาผลผลิต ตลาดสินค้าเกษตร ส่งตรงถึงมือเกษตรกรโดยตรง ซึ่งหากอนาคตมีการลงทุน 3G ข้อมูลที่จะสามารถส่งถึงเกษตรกรก็อาจจะเป็นภาพเคลื่อนไหววิธีการทำการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตด้วยวิธีต่างนอกจากนี้เทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถนำประยุกต์ใช้พัฒนาด้านต่างๆ อาทิภาคการศึกษาและสาธารณสุขเป็นต้น

นักวิชาการเชื่อ3G เปลี่ยนชีวิต

ดร. อนุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการด้านโทรคมนาคม กล่าวว่า 3G คือเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตกันได้จริง เพราะตัวเทคโนโลยีถูกสร้างให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารด้วยภาพและเสียงจากให้สามารถส่งผ่านข้อมูล วิดีโอ เพลงและหนังเต็มเรื่องได้อย่างง่ายดาย จากที่เทคโนโลยีเดิมถูกจำกัดให้ติดต่อสื่อสารผ่านเสียงเพียงอย่างเดียวและแม้จะสามารถส่งข้อมูลได้แต่ก็ถูกจำกัดด้วยความเร็วและขนาดในการรับส่งได้ไม่มากนัก

โดยในมุมมองนักวิชาการ การจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่นั้นขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพด้วยเพราะเทคโนโลยีก็เหมือนดาบสองคมถ้าทำมาใช้ในทางที่ถูกก็จะเกิดประโยชน์แก่ประเทศมหาศาล แต่หากการกำกับดูแลไม่เข้มแข็งเทคโนโลยีก็อาจจะก่อโทษมหันต์ ยกตัวอย่างเช่นหากมีการกำกับดูแลเกี่ยวกับการแข่งขันที่หย่อนยาน หรือมีการกำหนดกลไกให้ผู้ประกอบการแข่งขันด้วยเงื่อนไขที่เข้มข้นหรือตึงเกินไปก็อาจจะนำมาซึ่งค่าบริการที่สูงจนประชาชนไม่สามารถเข้าถึงหรือถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการได้

บอร์ดกทช.ยันประมูลไตรมาส 3

ต้องยอมรับว่าทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการที่รู้ประโยชน์ต่างเฝ้ารอ 3G อย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งปีนี้นับว่าเป็นปีที่มีความหวังมากที่สุดเพราะกทช.มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเปิดให้ใบอนุญาตแก่ผู้ประกอบการไทยโดยล่าสุดนายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการกทช.ได้ออกมาประกาศชัดเจนว่ากทช.จะสามารถเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ภายในไตรมาส 3 ปีนี้อย่างแน่นอน และไม่มีทางคลาดเคลื่อนออกไปเป็นต้นปีหน้าตามที่นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการกทช. ระบุแต่อย่างใด

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3G ของทีโอทีนั้น นายธีรวุฒิ บุญยโสภณ ประธานบอร์ดยืนยันหนักแน่นว่าจะสามารถให้บริการ 3G ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ในวันที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ด้วยการอัพเกรด 500 สถานีฐานเดิมและเพิ่มไมโครเซลไซต์เพื่อครอบคลุมการให้บริการในอาคารย่านศูนย์การค้าที่สำคัญ ส่วนการให้บริการ 3G ทั่วประเทศขณะนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ร่างทีโออาร์และรอกระทรวงไอซีทีเสนอคณะรัฐมนตรีให้กระทรวง การคลังหาแหล่งเงินกู้ในประเทศมูลค่า 20,000 ล้านบาทสำหรับให้ทีโอทีใช้ลงทุน 3G ทั่วประเทศซึ่งตามแผนคาดว่าจะให้บริการได้ในปี 2553

แต่ผู้ให้บริการที่ดูน่าจะช้ากว่าคนอื่นก็คือแผนการอัพเกรดคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ของดีแทคและทรูมูฟ ซึ่งยังติดกระบวนการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535