Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน9 กรกฎาคม 2552
โบรกฯฟันธงหุ้นไม่ถึง700จุด เงินนอกแห่เก็งกำไรระยะสั้น             
 


   
search resources

Stock Exchange
ทองมกุฎ ทองใหญ่




โบรกเกอร์เชื่อครึ่งปีหลังดัชนีหุ้นไทยไปไม่ถึง 700 จุด ชี้P/Eแพงเกิน ปัจจัยพื้นฐานไม่ดี แถมเงินปันผลลดลงและไร้ปัจจัยบวกช่วยสนับสนุน พร้อมคาดเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาทำกำไรในระยะสั้นมากขึ้น ส่วนวานนี้ลดลงอีก 7จุด แนะนำนักลงทุนถือเงินสดรอดูสถานการณ์ที่มีโอกาสเดี้ยง

ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ดีเหมือนกับในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจาก ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงแล้ว และมีทิศทางที่จะปรับตัวลดลง ในช่วงไตรมาส3นี้ เพราะทิศทางเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้นเหมือนกับที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้น ประกอบกับ ราคาหุ้นขณะนี้ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงแล้ว จากราคาP/Eที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา แต่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีมารองรับ

ดังนั้น จึงมองว่าการคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องที่ลำบาก จากปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่น ราคาน้ำมัน และ เม็ดเงินต่างประเทศที่จะไหลเข้ามาลงทุน รวมถึงจะต้อง ติดตามเรื่องค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากแข็งค่าขึ้นก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเซียปรับตัวลดลง

“ช่วงครึ่งปีแรกดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงมากจาก 380 จุด มาที่ 600 จุด และเมื่อดัชนีปรับมาที่ 600 จุด ทำให้แรงที่จะขึ้นต่อได้จากนี้ไม่มี อีกทั้งP/E แพงขึ้นมากแล้ว และปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ดีขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดีเหมือนที่คาดการณ์ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามา แต่ดัชนีคงไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 700 -800 จุด โดยจะอยู่ประมาณ 600 -500 จุด และมีการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น” ม.ล.ทองมกุฎ กล่าว

ม.ล.ทองมกุฎ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลให้พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ มีการลงทุนระยะสั้นมากขึ้น เพื่อทำกำไร และจะรวมถึงกองทุนต่างประเทศที่มีการลงทุนระยะยาว ส่วน บล.ซิตี้ คอร์ป ประเมินดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 550 จุด

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงมากในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้การจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อนั้นทำได้ลำบากขึ้น จากแรงจูงใจที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนลดลง คือ ราคาหุ้นไทยสูงเกินไปหากเปรียบเทียบกับกำไรของสิ้นปีนี้ ที่จะมีค่าP/Eที่ 12 เท่า จากต้นปีซึ่งอยู่ที่ 8 เท่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลลดลงเหลือ 4% จากช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 6% ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจโลกยังไม่ดีตามที่หลายฝ่ายคาด ทำให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้น ประกอบกับนักลงทุนสถาบันไทยมีการขายหุ้นออกมาต่อเนื่องและมีมูลค่าสูงเพื่อทำกำไร อีกทั้งผลตอบแทนเงินปันผลลดลง มีการออกหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทน 5% มีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ผลตอบแทนประมาณ 4-5% รวมถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งมีผู้ติดเชื่อมากขึ้น โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว และส่งผลให้ประชาชนชะลอการใช้จ่าย จนกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ

“ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังจะมีความผันผวนสูง อาจเห็นดัชนีปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 540-500 จุด ได้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ และหากหลังจากไตรมาส 3 ไปแล้วดัชนีอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไปแตะที่ระดับ 630-640 จุด ได้ แต่ส่วนตัวคาดว่าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ประมาณ 570 -580 จุด”

ด้าน นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บล. บีฟิท กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในครึ่งหลังปี 52 คงประเมินค่อนข้างลำบาก แต่อยากให้นักลงทุนจับตาการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วงไตรมาส 3/52 โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐต่างๆ ในไตรมาส 2/52 ที่กำลังทยอยออกมาซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยที่จะบ่งชี้การเคลื่อนไหวของดัชนี

ก่อนหน้านี้ นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทยคาดการณ์ว่า ดัชนีหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 520-540 จุดในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับนาย วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ จำกัด ที่เชื่อว่า ช่วงที่เหลือ 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ดัชนีอาจหดตัวลงไปแตะที่ระดับ 480-520 จุดในช่วงระหว่างเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม 2552

หุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกร่วง7จุด

ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นวานนี้ (8ก.ค.) ปิดที่ 575.87 จุด ลดลง 7.61 จุด หรือ -1.30% ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าว่า วานนี้ตลาดหุ้นค่อนข้างเงียบเหงา สอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่หดตัวลง ผลจากความวิตกของนักลงทุนต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่กำลังทยอยประกาศออกมา ณ สิ้นไตรมาส 2/52 รวมทั้งยังได้รับแรงกดดันจากกรณีกกต.เตรียมชี้ขาดสถานะของส.ส.ที่ถือหุ้น โดยแนวโน้มวันนี้(9ก.ค.) คาดว่าดัชนีแกว่งตัวในแดนลบ แต่นักลงทุนควรรอดูทิศทางตัวเลขสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ตลาดหุ้นต่างประเทศ และประเด็นอื่นๆ ในประเทศ ดังนั้นจึงแนะนำควรทยอยเทขายหลักทรัพย์และถือเงินสดไว้ในมือเพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งประเมินแนวรับอยู่ที่ 560-567 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 580-585 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us