|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีโอเอ ถือเป็นแบรนด์สินค้าวัสดุก่อสร้างของไทยรายแรกๆ ที่มองเห็นจังหวะการเติบโตของภาคการก่อสร้างใน สปป.ลาว ที่ยังมีโอกาสในการขยายตัวอยู่อีกมาก จนต้องตัดสินใจเข้าไปลงทุนเปิดโรงงานผลิตสีเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดที่กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ แห่งนี้
กลุ่มบริษัททีโอเอเริ่มเข้าไปก่อสร้างโรงงานในพื้นที่ชานเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โรงงานสร้างเสร็จ และเริ่มผลิตสีออกสู่ตลาด ประมาณเดือนมิถุนายน 2551 แต่พิธีเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการ ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธาน ในพิธีเปิดโรงงานดังกล่าว
โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 ไร่ บริเวณบ้านนาไห่ เมืองหาดทรายฟองห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปเพียง 5 กิโลเมตร มีกำลังการผลิตสีน้ำทาอาคาร สีน้ำมัน สีทาไม้ และทินเนอร์ รวม 4 พันตันต่อปี ใช้เงินลงทุนรวม 100 ล้านบาท มีจำนวนพนักงานรวมประมาณ 60 คน ในจำนวนนี้เป็นพนักงานคนไทย 7 คน ส่วนที่เหลือเป็นการจ้างงานจากแรงงานในท้องถิ่น
กลุ่มบริษัททีโอเอ ถือเป็นผู้ผลิตสีของไทย ที่มองเห็นถึงศักยภาพของการเติบโตของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) เพราะก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาเปิดโรงงานใน สปป.ลาว ทีโอเอมีการลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว ในมาเลเซีย สป.จีน เวียดนาม และยังมีแผนจะไปเปิดโรงงานในพม่าอีกด้วย
แต่การรุกเข้ามาลงทุนเปิดโรงงานใน สปป.ลาว ของทีโอเอ ถือเป็นจังหวะที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากยึดตามมุมมองของวัดดานา สุขบัณฑิต ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสุวันนี อิมพอร์ต-เอ็กซพอร์ต ตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของ สปป.ลาว ที่บอกว่า การก่อสร้างในลาวช่วงนี้แม้ว่าจะดูคึกคัก แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
การเปิดโรงงานของทีโอเอในลาวครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นการเข้ามาถูกที่ถูกเวลาไม่น้อยทีเดียว
ที่สำคัญ การทำตลาดสีในลาว ไม่ใช่เรื่องยาก หรือเป็นภารกิจที่ต้องไปบุกเบิกตลาดใหม่ๆ
เพราะผู้บริโภคชาวลาว รู้จักแบรนด์สินค้าวัสดุก่อสร้างของไทยดีอยู่แล้ว จากสื่อต่างๆ ของไทยที่ชาวลาวสามารถรับได้ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์
สีทีโอเอก็เช่นกัน ภาพยนตร์โฆษณาสีโฟร์ซีซันส์ ชุด "สีทนได้" เป็นที่รู้จักของชาวลาวเป็นอย่างดี และมีผลให้สีโฟร์ซีซันส์ เป็นแบรนด์ของสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในลาวของทีโอเอ
ก่อนการตัดสินใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในลาว สินค้าของทีโอเอมีจำหน่ายอยู่แล้ว โดยเป็นการนำเข้าจากพ่อค้าชายแดน ผ่านด่านพรมแดนต่างๆ ตลอดแนวลำน้ำโขง
เมื่อได้ตัดสินใจเข้ามาตั้งโรงงาน รูปแบบการทำตลาดของทีโอเอต้องเปลี่ยนไป โดยต้องเข้ามาสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
ปัจจุบัน ทีโอเอมีตัวแทนจำหน่ายใน สปป.ลาว รวมทั้งสิ้น 16 ราย อยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ 2 ราย ในแขวงทางภาคเหนือ 9 ราย และแขวงทางภาคใต้ 5 ราย และมีเครือข่ายร้านค้าย่อยอยู่ถึง 360 แห่ง
ยอดขายของทีโอเอ 55% อยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ ส่วนที่เหลืออีก 45% เป็นยอดขายในแขวงทางภาคเหนือ และภาคใต้ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม แม้สินค้าจะเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว แต่การทำตลาดสีใน สปป.ลาว ก็ใช่ว่าจะไร้การแข่งขัน
เมื่อดูจากตลาดสีโดยรวมของ สปป.ลาว ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของทีโอเอ ยังอยู่ในอันดับที่ 2 โดยอันดับ 1 เป็นสียี่ห้อ U 90 กับ ATM ของบริษัทอุไรพาณิชย์ ผู้ผลิตสีชาวไทยอีกรายหนึ่ง ซึ่งได้ไปตั้งโรงงานอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ และเมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ มาก่อนหน้านี้แล้ว
สินค้าของทีโอเอ ในช่วงที่ผ่านมา จะได้เปรียบอยู่ในตลาดกลางถึงตลาดบนเป็นหลัก โดยมีแบรนด์โฟร์ซีซันส์ และซูเปอร์ชิลด์ เป็นธงนำ
ในขณะที่สีในตลาดล่าง ซึ่งฐานของผู้บริโภคกว้างกว่า ยังเสียเปรียบสีของคู่แข่งอย่างอุไรพาณิชย์
หากเทียบส่วนแบ่งตลาดระหว่างอุไรพาณิชย์ กับทีโอเอ ใน สปป.ลาว ปัจจุบัน มีอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 60 กับ 40
ในการแข่งขัน ทีโอเอจึงต้องออกแบรนด์ใหม่ นั่นคือ สีตรา "เป็ดแมนดาริน" เพื่อมาจับผู้บริโภคในตลาดกลางถึงล่างโดยเฉพาะ
"เป้าหมายของเราในช่วงนี้ คือการมุ่งทำตลาดสีตราเป็ดแมนดาริน ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด" พาโชค พรหมศร ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศลาว บริษัททีโอเอ เพนท์ (ประเทศลาว) บอกกับ ผู้จัดการ 360 ํ
ความตั้งใจของพาโชค จะต้องทำให้ส่วนแบ่งตลาดของทีโอเอ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ต้องขยับขึ้นจาก 40 : 60 มาเป็น 50 : 50 ภายในไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า
ภารกิจของเขาจะสำเร็จได้ผลตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่ เป็นเรื่องต้องติดตาม
|
|
|
|
|