"บิสิเนส รีซัน" ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ คำ ๆ นี้ดูรัดกุมเป็นกลาง
ๆ และจริง ๆ แล้วก็คือ ไม่ได้บอกอะไรเลย !!!
"บิสิเนส รีซัน" เป็นคำที่ไอบีเอ็มประเทศไทยใช้กับบริษัทสหวิริยา
อินฟอร์เท็ค คอมพิวเตอร์ บริษัทในเครือสหวิริยาโอเอ กรุ๊ป และเป็นคำที่มีความหมายมากสำหรับไอบีเอ็มและสหวิริยา
เป็นคำที่ถูกยกขึ้นมาใช้แทนเหตุผลที่ไอบีเอ็มประเทศไทยขอยกเลิกการทำหน้าที่เป็นดีลเลอร์ไอบีเอ็มพีซีของสหวิริยาอย่างสุภาพ
แต่ชัดเจนและมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อ "ผู้จัดการ" ฉบับนี้วางแผง
ไอบีเอ็มประเทศไทยนั้น แจ้งการตัดสินใจยกเลิกฐานะดีลเลอร์ของสหวิริยาในช่วงที่ไอบีเอ็มเองเพิ่งจะย้ายสำนักงานหมาด
ๆ ทุกอย่างน่าจะอยู่ในช่วงฉุกละหุก ที่ทำงานยังไม่เข้ารูปเข้ารอย คนของไอบีเอ็มเองก็คงจะยังตื่น
ๆ ที่ใหม่อยู่บ้าง แต่ไอบีเอ็มยังมีเวลาพอที่จะตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ส่วนสหวิริยาก็คงจะอยู่ในสภาพแทบช็อค !!!
เพราะไม่กี่วันก่อนหน้านั้น สหวิริยาเพิ่งจัดงาน "ช้าง" ฉลองการก่อตั้งธุรกิจคอมพิวเตอร์ของกลุ่มครบรอบ
5 ปีไปหยก ๆ ผู้บริหารของสหวิริยาไม่ว่าจะเป็น ดร.ประภา วิริยะประไพกิจ,
วิทย์ วิริยะประไพกิจ หรือ แจ๊ค มิน ชุน ฮู เพิ่งจะผ่านความปรีดาปราโมทย์มาสด
ๆ ร้อน ๆ
"กะทันหันมาก เรียกว่า สหวิริยาไม่รู้ตัวเลย เพราะในงานฉลอง 5 ปีที่จัดที่โรงแรมแชงกรีลา
ทางสหวิริยายังขนไอบีเอ็มซีสเต็มทูไปโชว์เต็มงานเลย…" กรรมการผู้จัดการบริษัทขายคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งบอกกับ
"ผู้จัดการ"
ว่ากันว่า สหวิริยาโกรธมากกับการระทำของไอบีเอ็มครั้งนี้ !
"คือบอกยกเลิกก็โกรธอยู่แล้ว ยิ่งมาบอกตอนช่วงที่สหวิริยากำลังถือเป็นช่วงมงคลของกิจการด้วยก็เลยโกรธยกกำลังสอง…"
คนที่ติดต่อธุรกิจกับกลุ่มสหวิริยาพูดให้ฟัง
ท่าทีที่ออกมาตอบโต้อย่างเปรี้ยงปร้างทันทีทันควันของแจ๊ค มิน ชุน ฮู หลายคนเชื่อว่า
เพราะเหตุนี้ และเผอิญก็เป็นบุคลิกของแจ๊คอยู่ด้วย แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เข้าสู่ความเยือกเย็นเป็นปกติ
ไม่มีผู้บริหารคนใดของสหวิริยาเปิดปากพูดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นได้ว่า สหวิริยาเริ่มได้คิดหลังจากนั่งตรึกตรองแล้ว
และก็เป็นได้ที่เพราะการตอบโต้อย่างเปรี้ยงปร้างนั้นไม่มีอะไรที่สะท้อนกลับมาจากไอบีเอ็มประเทศไทยเลยแม้สักแอะ
"เราได้พิจารณาและกระทำลงไปตามพันธะสัญญาแล้วอย่างรอบคอบตรงไปตรงมา
ไม่มีอะไรและก็ถือว่าจบคือจบ "คนของไอบีเอ็มเปิดใจกับ "ผู้จัดการ"
และเมื่อถามว่าอะไรคือ "บิสิเนส รีซัน"
"บิสิเนส รีซัน ก็คือ บิสิเนส รีซัน…" เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
??
สหวิริยานั้นได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นดีลเลอร์ไอบีเอ็มพีซีจากไอบีเอ็มประเทศไทย
เมื่อราว ๆ 2 ปีที่แล้ว ภายหลังผลิตภัณฑ์ไอบีเอ็มพีซี ถูกโอนอำนาจการดูแลตลาดภายในประเทศไทยจากบริษัทแม่มาที่สาขาในประเทศไทยของไอบีเอ็ม
และไอบีเอ็มประเทศไทยได้พิจารณาแต่งตั้งดีลเลอร์เพิ่มจาก 2 กลายเป็น 4 (2
ดีลเลอร์แรก คือ ค้าสากลซิเมนต์กับคอมพิวเตอร์ยูเนี่ยน) ซึ่ง 2 รายที่เพิ่มนั้นนอกจากสหวิริยาแล้วอีกรายหนึ่งก็คือ
บริษัทในเครือศรีกรุงวัฒนา (โปรดอ่านรายละเอียดจากเรื่อง "สงครามการตลาดไอบีเอ็มพีซี
เหนือฟ้า บางทีก็มีเพียงความว่างเปล่า" ฉบับปีที่ 3 ฉบับที่ 24 เดือนสิงหาคม
2528)
และก็เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า ดีลเลอร์ทั้ง 4 นอกจากจะต้องแข่งขันกับตัวแทนจำหน่ายพีซียี่ห้ออื่น
ๆ แล้วก็ยังต้องแข่งขันกันเองโดยไอบีเอ็มประเทศไทยเป็นผู้กำกับเส้นอีกด้วย
โดยเฉพาะคู่ที่กอดรัดฟันเหวี่ยงกันหนักก็เห็นจะได้แก่ค้าสากลฯ กับสหวิริยา
"มีอยู่คราวหนึ่งเป็นการช่วงชิงตลาดมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ติดตั้งพีซีให้กับโครงการเอ็มบีเอของธรรมศาสตร์
ค้าสากลฯ เสนอไอบีเอ็มพีซีแข่งกับสหวิริยา แล้วสหวิริยาชนะ แต่ไม่ใช่ไอบีเอ็มพีซีหรอก
กลายเป็นมัลติเทค ที่เป็นไอบีเอ็มพีซีคอมแพทฯ ซึ่งสหวิริยาเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับไต้หวัน…"
แหล่งข่าวคนหนึ่งฟื้นความหลัง
ว่ากันว่าจากศึกคราวนั้นเองที่ค้าสากลฯ ตัดสินใจนำผลิตภัณฑ์จากไต้หวันเข้ามาจำหน่ายบ้าง
สหวิริยานั้น จริง ๆ แล้วก็ถูกเฝ้าจับตามองมาตั้งแต่แรกว่า จะไปได้ไกลแค่ไหนกับไอบีเอ็มประเทศไทย
ไม่ใช่จากการที่สหวิริยาจับสินค้าหลายตัว เพระาก่อนหน้าที่สหวิริยาจะเพิ่มผลิตภัณฑ์เข้าไปมากมายในทุกวันนี้โดยเฉพาะแอปเปิ้ล
สหวิริยาก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ได้รับการมอบหมายความไว้วางใจจากไอบีเอ็มประเทศไทยแล้ว
หากแต่เป็นเรื่องสไตล์การทำธุรกิจเสียมากกว่า
"อยากจะบอกว่าฝ่ายหนึ่งยึดหลักการ แต่อีกฝ่ายเอาทุกรูปแบบบุกตะลุยถึงไหนถึงกัน"
คนในวงการคอมพิวเตอร์พูดกัน
ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครผิดใครถูก อาจจะเรียกว่าเป็นการยึดตำราการทำธุรกิจคนะลเล่ม
เมื่อแรกยังไม่รู้จักกันดีพอ ครั้นทำธุรกิจด้วยกัน ก็เริ่มพบเห็นความแตกต่างบนเอกภาพแล้ว
ในที่สุด ปริมาณถูกสะสมเป็นคุณภาพ การบอกเลิกสัญญาก็ถูกงัดออกมาใช้
ซึ่งสำหรับไอบีเอ็มผู้เป็นยักษ์ใหญ่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานแล้วก็คงจะทำนอง
"ลมพัดยอดหญ้า"
ส่วนสหวิริยาที่วันนี้ฐานธุรกิจแข็งแกร่งไม่น้อยหน้าใคร วันเวลาก็คงค่อย
ๆ รักษาแผลใจไปในที่สุด