|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดประกันชีวิตครึ่งปีหลังยิ่งคึกคัก หลังจับทางความต้องการลูกค้าถูกจุด เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านสุขภาพรอบด้านอีกเพียบจากโรคสายพันธุ์ใหม่ๆ ล่าสุดไข้หวัดใหญ่2009 ที่ระบาดไปทั่วโลกจนสร้างความตื่นกลัวต่อทุกสังคม งานนี้ 'เมืองไทยประกันชีวิต' และ 'เอไอเอ'เล่นเกมรุก เพิ่มสิทธิ์ประโยชน์ให้ลูกค้าเมื่อป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ด้าน 'เอเอซีพี' เปิดตัวครึ่งหลังด้วยแบบประกันชีวิตสำเร็จรูป มั่นใจโดนทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่วนพรูเด็นเชียล ออกแผนออมสั้น จุดเด่นคุ้มครองโรคร้ายแรง
ธุรกิจประกันชีวิตคึกคัก ครึ่งปีหลังยิ่งแรงจากการตลาดที่แต่ละค่ายภูมิใจนำเสนอสิทธิประโยชน์พิเศษให้ลูกค้าได้รับอย่างเต็มอิ่มภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ รวมถึงการออกแบบประกันชีวิตตัวใหม่สนองความต้องการผู้เอาประกันภัย
เริ่มที่ค่าย 'เมืองไทยประกันชีวิต' รายแรกที่ใช้กลยุทธ์พลิกวิกฤตเป็นโอกาส จากการระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลจากแมกซิโกมาขึ้นฝั่งไทย ถือเป็นวงจรการระบาดในระยะเวลาอันสั้นและรวดเร็ว สร้างความตระหนกตื่นกลัวให้คนในสังคมไม่น้อย
สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 สร้างความตื่นกลัวในสังคมไทยไม่น้อย และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคม รวมถึงผู้เอาประกันภัยเมืองไทยประกันชีวิต ได้เพิ่มผลประโยชน์สัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพ หากผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพ และเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเนื่องจากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ 2009 เอช 1 เอ็น 1 ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ถึง 31 สิงหาคม 2552
โดยบริษัทจะจ่ายเพิ่มผลประโยชน์เพิ่มเติมของสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพวงเงินแน่นอน และสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 3 เท่า ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ตลอดจนปรับเพิ่มผลประโยชน์มรณกรรมของกรมธรรม์ที่มีสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพแนบท้ายอยู่ กรณีเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 บริษัทจะเพิ่มผลประโยชน์มรณกรรมของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพที่มีผลประโยชน์บังคับแนบท้ายอยู่อีก 25% สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ฝนกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีกรมธรรม์ประกันชีวิตมากกว่าหนึ่งกรมธรรม์ ผลประโยชน์จากมารกรรมจะเพิ่มให้เฉพาะกรมธรรม์ที่แนบสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพที่มีผลประโยชน์มรณกรรมสูงสุดเพียงกรมธรรม์เดียว
ด้าน 'อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์' หรือ เอไอเอ ประเทศไทย เดินมาเส้นทางเดียวกัน ใช้ไข้หวัดสายพันุ์ใหม่บุกตลาดครึ่งปีหลัง โดย โทมัส เจมส์ ไวท์ ผู้บริหารอาวุโสเอไอเอ ภูมิภาคเอเชีย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกว่า เพื่อช่วยให้คลายความกังวลจากปัญหาดังกล่าว เอไอเอจึงมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบใดก็ได้พร้อมสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายกรมธรรม์ของบริษัท ที่มีการชำระเบี้ยประกันภัยภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2552
โดยหากลูกค้าเสียชีวิตอันเนื่องจากโรคดังกล่าวภายใน 6 เดือนนับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับ ลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองผลประโยชน์มรณกรรม 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยและสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยแบบมีกำหนดระยะเวลา ทั้งนี้ ผลประโยชน์เพิ่มพิเศษต่อผู้เอาประกันภัยหนึ่งรายรวมกันสูงสุด 2 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์ค่าชดเชยรายวัน (เอชบี) และต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคนี้ภายใน 6 เดือนนับจากวันที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินค่าชดเชยรายวันสำหรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มอีก 50% สูงสุดไม่เกิน 365 วัน
อย่างเช่น หากลูกค้าซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตทุนประกัน 1 ล้านบาทพร้อมสัญญาเพิ่มเติมค่าชดเชยรายวันสำหรับการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลวันละ 2,500 บาท เมื่อลูกค้าเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอันเนื่องจากโรคระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ลูกค้าจะได้รับเงินชดเชยรายวันๆละ 3,750 บาทตามจำนวนวันที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่หากลูกค้าเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว ผลประโยชน์มรณกรรมจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านบาท โดยลูกค้าไม่ต้องชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมแต่อย่างใด
เนื่องจากความเสี่ยงที่มีอยู่รอบตัวทุกวันนี้ไม่ได้มาจากอุบัติเหตุ อุบัติภัยเท่านั้น ความเสี่ยงจากโรคสายพันธุ์ใหม่กลายเป็นภัยอันตรายที่คนในสังคมไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป ประกันสุขภาพจึงนับเป็นสินค้าเด่นของธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้นทุกที ซึ่ง พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด 'อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต' หรือ เอเอซีพี กล่าวว่า เป็นความจริงที่ว่าสินค้าในกลุ่มประกันสุขภาพ โดยเฉพาะประกันโรคร้ายแรงของ บริษัทเป็นอีกสินค้าที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
'ปัจจัยสำคัญไม่เพียงความเสี่ยงจากโรคร้ายที่คนยุคใหม่ต้องเผชิญ แต่เพราะการตระหนักถึงความสำคัญว่าสิ่งไม่แน่นอนย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ การซื้อประกันสุขภาพ หรือประกันโรคร้ายแรงไว้อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นใจได้ว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับผู้เอาประกันภัยจะมีค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินออมอีกก้อนที่เก็บไว้สำหรับเกษียณ หรือออมไว้สำหรับใช้เพื่อกิจอื่น'
พัชรา บอกว่า แบบประกันภัยมี 2 กลุ่มใหญ่ คือคุ้มครองชีวิต และเพื่อการออมทรัพย์ โดยในแบบออมทรัพย์จะมีให้เลือกตั้งแต่แบบ ระยะสั้น-กลาง-ยาว
โดย เอเอซีพี ยังแบ่ง แผนการออมออกเป็น 7 กลุ่มตามความโดดเด่นของแต่ละแผนโดยแบบแรก มายไลฟ์ เซฟตี้ แบบประกันชีวิตที่มอบความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุครอบคุลมกรรีสูญเสียอวัยวะ พร้อมสิทธิพิเศษ รับความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เป็นสาธารณภัยสูงสุดถึง 7.5 ล้านบาท จากแผนแพลทินัม
มาย อินคัม เวฟตี้ มอบเงินชดเชยรายวัน กรณีต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดถึง 500 วัน เงินชดเชยรายสัปดาห์กรณีบาดเจ็บจากอุบัติเหตุสูงสุด 52 สัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล มาย คริติคอล เซฟตี้ มอบความคุ้มครองโรคร้ายแรง 48 โรค คลอบคลุมมะเร็งระยะลุกลามเป็นต้น พร้อมเงินชดเชยรายวันกรณีนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
มาย เฮลธ์ เซฟตี้ มอบความคุ้มครองทั้งกรณ๊ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก พร้อมเงินชดเชยรายวันกรณีนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลมาย เอ็ดดูเคชั่น มอบความอุ่นใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ถือกรมธรรม์ บุตรจะยังได้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์เดิม มายรีไทร์เมนท์ มอบเงินให้ใช้จ่ายตามต้องการเมื่ออายุคบ 60 ปี และมาย เซฟวิ่งส์
พัชรา เล่าว่า ทั้ง 7 แบบคือประกันชีวิตสำเร็จรูปที่ เอเอซีพีปรุงออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการผู้เอาประกันภัย และมั่นใจว่าด้วยจุดเด่นที่ต่างกันในแต่ละแบบย่อมสามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้เอาประกันได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ค่าย พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) บินายัค ดัตตา กรรมการผู้จัดการ บอกว่า บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตใหม่ล่าสุด 'PRUfuture builder' เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับสภาวะเศรษฐกิจในยุคดอกเบี้ยขาลง เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการวางแผนทางการเงินที่คุ้มค่าเพื่ออนาคตที่มั่นคง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนทางการเงินเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน หรือ ผู้ที่เตรียมความพร้อมก่อนวัยเกษียณ หรือ ผู้ที่มองหาการลงทุนที่คุ้มค่า ให้ผลตอบแทนสูง รวมไปถึงการได้รับความคุ้มครองชีวิต และรับเงินคืนตลอดสัญญา
และ PRUfuture builder เป็นแผนประกันชีวิตออมระยะสั้น ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 5 ปี พร้อมรับความคุ้มครองนานถึง 15 ปี โดยรับผลตอบแทนตลอดสัญญาสูงถึง 500% ของทุนประกันภัย จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือ รับผลตอบแทนสูงพร้อมความคุ้มครองโรคร้ายแรง หากผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง จะได้รับยกเว้นเบี้ยประกันภัยหลัก ตลอดระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย เริ่มรับประกันภัยสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 17 - 55 ปี ทุนประกันภัยขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 50,000 - 3,000,000 บาท พร้อมรับเงินคืน ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 5-9 โดยได้รับเงินคืนปีละ 5% ของทุนประกันภัย สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 10-14 ได้รับเงินคืนปีละ 15% ของทุนประกันภัยและสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 15 ได้รับเงินคืนอีก 400% ของทุนประกันภัย
ทั้งนี้ สามารถแบ่งชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือนหรือรายปีได้ นอกจากนี้ ยังได้รับความคุ้มครองกรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตสูงสุดถึง 500% ของทุนประกันภัย อีกทั้งผู้เอาประกันภัยยังสามารถขอรับความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อีกด้วย และยังสามารถนำ'เบี้ยประกันภัยคุ้มครองชีวิต'มาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
เห็นได้ชัดว่าครึ่งปีหลังธุรกิจประกันชีวิตยังคงคึกคัก ด้วยสีสันที่แต่ละค่ายบรรจงคิดสร้างสรรค์ออกมาเพื่อสนองความต้องการลูกค้า ไม่ว่าจะแคมเปญที่ให้สิทธิประโยชน์ที่พิเศษเฉพาะลูกค้าค่ายตนเอง หรือกรมธรรม์ใหม่ๆที่ออกมาเพื่อดึงดูดและขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในยามที่เศรษฐกิจเผชิญวิกฤต หากแต่ผู้ประกอบการกลับเปิดเพื่อค้นหาให้เจอโอกาส
|
|
|
|
|