จับตา “ไลอ้อน” ผู้ท้าชิงยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภค ปรับกลยุทธ์เดินเกมซอยเซกเมนต์เทชั่น ระเบิดนวัตกรรมครีเอทการใช้สินค้ากลางคืน รับไลฟ์สไตล์คนเมืองเร่งรีบ ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะเจาะจง ล่าสุดโชกุบุสซึแตกครีมอาบน้ำสำหรับผู้ชาย สิ้นปีกวาด 9,000 ล้านบาท

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทไลอ้อน ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง 5-6 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ มากกว่าเน้นในเรื่องของกลยุทธ์ราคา เเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่มีความเร่งรีบในการดำเนินชีวิตและต้องการสินค้าที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตสินค้าออกเป็นจำนวนมาก ทำให้มองว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีซัพพลายเออร์มากกว่าดีมานต์ ส่งผลให้สภาพตลาดเกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขายและช่วงชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่ง และในขณะนี้จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่อัดแคมเปญโปรโมชัน เพื่อรักษายอดขายและส่วนแบ่งตลาด

สำหรับแนวทางการพัฒนาสินค้าบริษัท เน้นตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยนำโนฮาวจากญี่ปุ่นและประเทศไทยมาผสมผสานและปรับใช้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทย จากเดิมการพัฒนาสินค้าตามเพศ การศึกษา หรือรายได้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวสินค้าแบ่งแยกการในช่วงเวลากลางคืน โดยอาศัยช่องว่างทางการตลาด ด้วยการซอยเซกเมนต์เทชั่นใหม่ๆ จากความต้องการของผู้บริโภค

การขับเคลื่อนการสร้างตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค สำหรับการใช้ในช่วงเวลากลางคืนของบริษัท ได้แก่ การเปิดตัวน้ำยาบ้วนปากซิสเท็มม่า มิดไนท์ แฟนตาซี และสูตรมิดไนท์พาราไดส์ สำหรับผู้หญิง พร้อมกับป้อนข้อมูลการทำงานแบคทีเรียในช่วงกลางคืน หรือกระทั่งแชมพูและครีมนวดผม สูตรพิเศษสำหรับผู้ที่สระผมตอนกลางคืน ตามด้วยเซรั่ม บำรุงผม ฟรีแอนด์ฟรี กลางคืน และล่าสุดผงซักฟอกสูตรเปา ซิลเวอร์นาโน สูตรกลางคืน

รายงานความเคลื่อนไหวตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า สินค้าในหลายตลาด อย่าง แชมพูและครีมนวด ค่ายยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์และพีแอนด์จี ผลัดกันเป็นผู้นำตลาด แม้กระทั่งผงซักฟอก เรียกได้ว่า โดยยูนิลีเวอร์ครองส่วนแบ่งแบบเบ็ดเสร็จ จากการมีสินค้าบรีสและโอโม เซิร์บ ดังนั้นการเป็นผู้ท้าชิงอย่างไลอ้อน จึงต้องอาศัยช่องว่างทางการตลาด

นายบุญฤทธิ์ กล่าวว่า บริษัทยังได้เปิดตัวเจลล้างมือ คิเรอิ คิเรอิ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดตัวโฟมล้างมือ โดยขณะนี้ได้เร่งทำตลาดอย่างหนัก หลังจากไข้หวัด 2009 แพร่ระบาดในประเทศ ส่งผลให้ยอดขาย 1 เดือน 20 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้แจกสินค้าตัวอย่างเจลล้างมือขนาด 30 มล. เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้สินค้า พร้อมกันนี้ขยายช่องทางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด และโรงพยาบาล

สำหรับกลุ่มโชกุบุสซึ ฯ ได้แตกไลน์สินค้าให้ครอบคลุม หลังจากก่อนหน้านี้ มีเพียงครีมอาบน้ำอย่างงเดียว โดยในช่วงที่ผ่านมาเปิดตัวโลชั่น หรือกระทั่งการเปิดตัวครีมอาบน้ำสำหรับผู้ชาย ทั้งนี้ผลประกอบการสิ้นปีนี้ บริษัทตั้งเป้า 9,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 8,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่งออก 10%และในประเทศ 90% โดยปัจจุบันสินค้ากลุ่มของใช้ในครัวเรือน สร้างรายได้หลักให้กับไลอ้อน 40% ที่เหลืออีก 60% เป็นอื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ช่องปาก ผลิตภัณฑ์เส้นผม และของใช้ส่วนบุคคล เป็นต้น