โออิชิวางเป้าแตกไลน์เครื่องดื่ม หลังทุ่ม 1,400 ล้านบาท สร้างโรงงานที่สามเสร็จในอีก 20 เดือนจากนี้ ส่วนเซกิตัดใจเลิกทำตลาดแล้ว ด้านอาหาร แบรดน์ชาบูชิแรงแซงหน้าบุฟเฟ่ต์
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายที่จะขยายไลน์เครื่องดื่มมากขึ้น ทั้งในแง่ของแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ ภายในช่วง 2 ปีจากนี้ภายหลังจากที่โรงงานแห่งใหม่แห่งที่ 3 ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครก่อสร้างเสร็จ ในอีก 20 เดือนจากนี้ ซึ่งจะมีกำลังผลิต 180 ล้านขวดต่อปี สามารถผลิตเครื่องดื่มได้หลากหลายไมใช่แค่ชาเขียวเช่น กลุ่มเครื่องดื่มที่ผสมนม กลุ่มเครื่องดื่มธัญพืช กลุ่มน้ำผลไม้ ขณะที่อีกสองโรงงานเดิมนั้นมีกำลังผลิตรวม 30 ล้านขวดต่อปีและ 22 ล้านกล่องเดือน โดยปัจจุบันส่งออกเพียง 5% เท่านั้น
“โครงการนี้ลงทุนมากกว่า 1,430 ล้านบาท ทั้งค่าก่อสร้างและค่าเครื่องจักรที่ซื้อมาจากบริษัท ชิบูย่า โคเงียว จากประเทศญี่ปุ่น ด้วยเทคโนโลยีการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ (Cold Aseptic Filling) ซึ่งบริษัท ชิบูย่า โคเงียว ประเทศญี่ปุ่น ยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก และมีบทบาทในการผลิตเครื่องดื่มกว่า 50% ที่มีจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเครื่องดื่มหลากหลายมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก”
นายตันกล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ใหญ่ที่สุดของโออิชิในรอบ 10 ปี เนื่องจากมั่นใจภาวะเศรษฐกิจระยะยาวของไทยจะดีขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่กระเตื้องก็ตาม และยังมั่นใจด้วยว่าตลาดชาเขียวยังเติบโตดี แต่ยอมรับว่าบางแบรนด์เลิกทำตลดาดแล้วเช่น เซกิ ส่วนคอฟฟิโอก็เพิ่งจะปรับแผนตลาดไปแล้ว อะมิโนโอเคก็ยังขายอยู่
ทั้งนี้ตัวเลข รอบ 1 ปี ที่ผ่านมา ตลาดชาโดยรวมเติบโต 28%, ตลาดกาแฟพร้อมดื่มเติบโต 21% โดยที่ในตลาดชารวมนั้น เป็นชาเขียวมากที่สุดกว่า 80-90% ขณะที่ตลาดชาดำเริ่มมาแรงและมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งบริษัทฯก็จะใช้งบทำตลาดชาดำมากขึ้นจากที่ขณะนี้มีสัดส่วนรายได้ 20% ของทั้งบริษัท ส่วนตลาดชาเขียวนั้น โออิชิเป็นผู้นำตลาดแชร์ 64% รองลงมาคือเพียวริคุ 12%
สำหรับช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ โออิชิมีอัตราเติบโต 20% คาดว่าปีนี้บริษัท จะมีรายได้เติบโต 22% หรือประมาณ 7,200 ล้านบาท จากปีที่แล้วทำได้ 6,800 ล้านบาท และจะปรับสัดส่วนรายได้อาหารและเครื่องดื่มเท่ากันอย่างละ 50% จากปัจจุบัน อาหาร 40% เครื่องดื่ม 60%
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ ด้านอาหารในเครือโออิชิ กล่าวว่า ในปีนี้ร้านชาบูชิเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตมากสุด 25% และจะมีรายได้สูงที่สุด แซงหน้าแบบบุฟเฟ่ต์ เป็นครั้งแรก ขณะที่บุฟฟเฟ่ต์ของโออิชิทั้งทุกแบรนด์ รวมกันมี 11 สาขา เติบโตแค่ 18% เท่านั้น
ปัจจุบันชาบูชิ 23 สาขา ล่าสุดเปิดสาขาที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าแลรับรูปแบบการทำสายพานอาหารใหม่ โดยนำของเย็นและซุชิวางไว้ทีอีกเคาน์เตอร์แยกออกจากสายพาน และยังมีแผนที่จะเปิดอีก 7 สาขาในปีนี้ เช่นที่ยูเนียนมอลล์, ดิจิตอลเกตุเวย์, ฟุ้ดแชนนอล ซอยละลายทรัพย์, เอสพละนาด รัตนาธิเบศร์, เสรีเซ็นเตอร์
ส่วนแบรนด์อินแอนด์เอ้าท์ได้ปรับมาสู่การผลิตขนมปังและเบเกกอรี่เน้นวางขายช่องทางค้าปลีก ซึ่งเข้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้แล้ว 180 สาขา ซึ่งมองว่าร้านเซเว่นฯเป็นช่องทางและโอกาสที่ใหญ่มากสำหรับอินแอนด์เอ้าท์
|