|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สถานการณ์การแข่งขันในตลาดโรงแรมราคาประหยัด(โลว์คอสต์โฮเทล)กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อแต่ละค่ายทั้งไทยและเทศต่างลงมาเคาะตลาดเล่นสงครามราคาถูก ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปหันมาใช้บริการกันเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายค่ายเชื่อว่าจากปัจจัยดังกล่าวที่เป็นอยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นแรงส่งหนุนให้ธุรกิจโรงแรมในเซกเมนต์นี้เติบโต และไม่หายตายจากไปในตลาดธุรกิจโรงแรม
อันที่จริงเซกเมนต์โรงแรมราคาประหยัดในปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายค่ายเข้ามาเปิดตัวนานแล้วจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองไทย หากจำกันได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีโรงแรมประเภทนี้จำนวนมากเคยรุกตลาดนี้มาก่อน อาทิ ปริ้นเซส และ ดีทู ในเครือของดุสิตธานี หรือแม้แต่เชนของแอคคอร์ที่ใช้แบรนด์ อีบิส รุกตลาด ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นเรื่องของราคาถูกในช่วงเปิดตัว ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์คนไทยอย่าง 'อิมม์'ที่ขอเข้ามาร่วมแจมบนเส้นทางนี้
ขณะเดียวกันเชื่อกันว่าเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไปและตลาดของธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดยังมีช่องว่างอยู่ โดยเฉพาะโรงแรมที่มีราคาห้องพักต่ำกว่า 1,500 บาทต่อคืนลงมาในขณะที่บริการจะมีมาตรฐานแบบสากลไม่ต่างกันมากนักและนำเทคโนโลยีทันสมัยใส่เข้าไปเพื่อให้ความสะดวกสบายกับลูกค้า ส่งผลให้โรงแรมรถที่มีอยู่ในมือลงตลาดด้วยกลยุทธ์ราคาที่ต่ำเป็นใบเบิกทาง
ว่ากันว่าภาพรวมตลาดโรงแรมราคาประหยัดกำลังเติบโตขึ้นมาก วัดได้จากเชนโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่มมีแนวคิดที่จะหันมาบุกตลาดโรงแรมในระดับนี้มากขึ้นอาทิ เครือเซ็นทารา เครืออมารี ดุสิตธานี เป็นต้น ขณะที่ กลุ่มของ ทีซีซีของเจริญ สิริวัฒนภักดี มีการตั้งเป้าไว้ว่าภายในเวลา 3-5 ปี จะขยายการลงทุนในระดับนี้ไปยัง 7 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หัวหิน สมุย พัทยา ภูเก็ตและกระบี่และเมืองค้าขายและราชการ อาทิ โคราช อุดร หาดใหญ่ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันทีซีซีมีโรงแรมแบรนด์ "อิมม์" 2 แห่ง ได้แก่ อิมม์ฟิวชั่น สุขุมวิท ,อิมม์ อีโค เชียงใหม่ ล่าสุดได้ปรับปรุงโรงแรมสุรวงศ์ พลาซ่า พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น "อิมม์ ท่าแพ เชียงใหม่" จำนวน 106 ห้อง เปิดให้บริการเดือนมิถุนายน ขายห้องพักราคาโปรโมชันในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคมนี้ ราคาเพียงแค่ 777 บาทรวมอาหารเช้า เน้นตลาดคนไทยเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดโรงแรม 2 แห่ง ที่หัวหินและเกาะสมุย โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นที่เอฟไอที (นักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง) กลุ่มคนไทยกว่า 50-60% ใช้ช่องทางขายผ่านทางเว็บไซต์เป็นหลัก เนื่องจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวในปัจจุบันจะเน้นแบบValue for Money มากขึ้น
เมื่อหันไปดูกลุ่มของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา พบว่ามีแผนจะเปิดโรงแรมราคาประหยัดภายใต้แบรนด์ 'Select' ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยจะเปิดแห่งแรกที่กรุงเทพฯ รูปแบบจะเน้นราคาประหยัดเริ่มต้นที่ 1,000 บาท
ขณะนี้โรงแรมราคาประหยัดอย่างอีบิส โฮเต็ล กลับกลายเป็นที่ต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเห็นได้จากตัวเลขอัตราเข้าพักทุกแห่งในไทยสูงกว่าโรงแรมระดับเชนในแบรนด์อื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนการเดินทางแต่ยังต้องการบริการมาตรฐานซึ่งตรงจุดนี้เอง อีบิสสามารถตอบโจทย์ได้ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้อีบิสมีการเซ็นสัญญาร่วมกับเอราวัณ กรุ๊ป เปิดโรงแรมอีบิสในไทยจำนวน10 แห่งภายใน 2-3 ปีนี้ ขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ อีบิสป่าตอง ภูเก็ต,อีบิส พัทยา ,อีบิส สาธร กรุงเทพฯ,อีบิส บ่อผุด เกาะสมุย และ อีบิส กรุงเทพฯ นานา โดยปลายปีนี้มีแผนที่จะเเปิด อีบิส กะตะ ภูเก็ต ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเปิด อีบิส กรุงเทพฯ เจ้าพระยา ออกมารองรับตลาด
นับจากนี้ไปเทรนด์ความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยจะเปลี่ยนไป ด้วยกำลังซื้อที่มีอยู่ไม่จำกัดบวกกับความต้องการใช้บริการห้องพักราคาประหยัดและได้มาตรฐานสากล ส่งผลให้โรงแรมบริการระดับกลางของไทยต่างเร่งปรับกลยุทธ์บ้างก็หันไปพึ่งเชนต่างประเทศ บ้างก็ใช้ศักยภาพความพร้อมของคนไทยที่มีอยู่ดึงออกมาต่อสู้แข่งขันกันอย่างเข้มข้น
หลังจากที่เล็งเห็นว่าอัตราการเติบโตของอัตราการเข้าพักและการเพิ่มรายได้จะทำได้อย่างรวดเร็วเหมาะกับสมัยนิยม สามารถขยายฐานตลาดแบบก้าวกระโดดได้โดยไม่ยากเย็นนัก
จากราคาห้องพักผสมผสานกับดีไซด์นอกกรอบของโรงแรมราคาประหยัดในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ตลาดโรงแรมระดับนี้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง เมื่อแต่ละค่ายเข้ามาฟาดฟันกันในตลาดโรงแรมระดับนี้ หวังว่าจะใช้กลยุทธ์เรื่องของกลยุทธ์แนวใหม่โดยเฉพาะเรื่องของราคาถูกในมาตรฐานสากลเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้บริการ เพราะก่อนหน้านี้บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมค่ายใหญ่ๆ มองว่าโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีจำนวนห้องมากๆและราคาสูงๆเริ่มทำตลาดค่อนข้างยาก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหลายกลุ่มจึงหันไปเน้นโรงแรมราคาประหยัดกันเพิ่มขึ้น โดยปรับปรุงห้องพักและนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไปไว้ให้บริการกันเป็นจำนวนมาก
แต่ด้วยปัจจัยในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ นักท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บริการโรงแรม โดยหันมาใช้โรงแรมที่ให้ประสิทธิภาพความปลอดภัยไปพร้อมกับคุ้มค่ากับความประหยัดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโรงแรมประเภทนี้จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค
ขณะที่การตอบรับกระแสของแบรนด์นอกซึ่งเป็นเชนต่างประเทศในช่วงเริ่มแรกนั้นดูจะทำให้ยอดขายห้องพักมีอัตราเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 และด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเข้ามารุกตลาดโรงแรมราคาประหยัดในช่วงนี้จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าตลาดโรงแรมขนาดนี้ในประเทศไทยยังมีช่องว่างให้เจาะอีกมาก
ปัจจุบันยังไม่สามารถบอกถึงบทสรุปของตลาดโรงแรมราคาประหยัดได้ว่าจะ เติบโตแบบฟูฟ่องต่อเนื่องตลอดไป หรือ จะกลายเป็นตลาดที่บูมกันเป็นพักๆ เพียงเท่านั้น
แต่ที่แน่ๆ สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจโลว์คอสต์โฮเทลในตอนนี้ถือว่าเริ่มกลับมาดุเดือดอีกครั้ง หลังจากหลายค่ายแบรนด์ดังหันมาจับรุกตลาดนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
|
|
|
|
|