โมเดลธุรกิจ Personal Branding ที่อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่ เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ 2 พี่น้อง เกรียงไกร และเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ยังเชื่อว่า ธุรกิจนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก การสร้างแบรนด์ให้กับบุคคลเสมือนเป็นผลิตภัณฑ์ โดยมองหาช่องทางสร้างรายได้จากศักยภาพรอบตัวที่บุคคลนั้นมีอยู่
ความกว้างใหญ่ของขอบข่ายงาน Personal Branding ไม่เพียงแต่อินเด็กซ์ฯ ต้องเปิดบริษัทใหม่ ในชื่อ ยังดี ขึ้นมาดูแลเท่านั้น หากแต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเยนซี่ ต้องปรับเปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เพื่อสื่อสารถึงการเปิดกว้างของธุรกิจที่ไม่ได้มุ่งเป้าอยู่กับงานอีเวนต์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ต้องวิ่งไปสู่การเป็นผู้จัดคอนเสิร์ต การผลิตรายการโทรทัศน์ ผลิตหนังสือ หรือแม้กระทั่งผลิตสินค้าที่ระลึก
ยังดี วางเป้าหมายมองหาลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ ไปใน 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย Artist, Celebrity และ Magazine ที่ล้วนแต่ต้องประสบปัญหารายได้หดหายไปตามสภาพเศรษฐกิจ มี "ดี้" นิติพงษ์ ห่อนาค เป็นแบรนด์แรก โดยวางแผนสร้างรายได้จากความสามารถที่ดี้มีอยู่รอบด้าน ทั้งที่ผ่านไปแล้วอย่าง คอนเสิร์ตทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ในไตรมาสแรก และโชว์มหรสพพูดและเพลง เฉลียง 3 ฝ่าย ตอนคนจะไทย ใครจะทน ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไปจนถึงการผลิตรายการโทรทัศน์ และการรับแต่งเพลงให้กับองค์กรต่างๆ โดยตั้งเป้ารายได้แบรนด์แรกในปีแรกมากกว่า 120 ล้านบาท
ล่าสุดยังดีได้เตรียมต่อยอดแบรนด์ของดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ LOVEiS? ค่ายเพลงอินดี้ของบอย โกสิยพงษ์ จัดโปรเจกต์ยักษ์ มหกรรมดนตรี deeBOYD POP FESTที่มีการนำเอาส ?ดี้?นิติพงษ์ และบอย โกสิยพงษ์ 2 ศิลปินนักแต่งเพลงที่โด่งดังที่สุดของเมืองไทยขึ้นเวทีพร้อมกันเป็นครั้งแรก พร้อมศิลปินนักร้องชื่อดังทั้งวงการอีกมากมายที่จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้
เกรียงไกร กาญจนะโภคิน เผยว่า หลังจากที่ยังดีประสบความสำเร็จสามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักผ่านโปรเจกต์แรก คอนเสิร์ตทุ่งหญ้า สายลม และนมวัวและเฉลียง 3 ฝ่าย ยังดีได้เดินหน้าโปรเจกต์ใหม่ตามแผนที่วางไว้ โดยครั้งนี้มีการต่อยอดแบรนด์ของดี้ นิติพงษ์ ด้วยการนำอีกหนึ่งนักแต่งเพลงชื่อดัง บอย โกสิยพงษ์ ที่มีผลงานทางด้านดนตรีเป็นที่ยอมรับในความเป็นอาร์ทิสสูง มาเข้าร่วมงาน ซึ่งเมื่อรวมกับจุดแข็งด้านต่างๆ ของยังดี เช่นการบริหารจัดการ, การตลาด, การประชาสัมพันธ์, ทีมขาย ทีมครีเอทีฟ ทีมงานเพลง ทีมงานด้านกิจกรรม และกลุ่มศิลปินคุณภาพที่จะเข้าร่วมงาน ทั้งหมดจึงเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการอย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน
'คอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะไม่มีการแบ่งค่ายแบ่งพวก ถือเป็นคอนเสิร์ตที่เราอยากจะให้เกิดขึ้นมานานแล้ว ส่วนเรื่องจำนวนนักร้องศิลปินที่อยากจะเข้าร่วมร้องเพลงในงานนี้ก็ต้องบอกว่าเยอะ เพราะทั้งดี้และบอย ต่างเป็นคนเบื้องหลังที่สร้างผลงานมาอย่างมากมาย ส่วนในแง่ของโปรดักชั่นแสงสีเสียง ก็มีการเตรียมความพร้อมกันเป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้วยังนำประสบการณ์ที่เคยจัดคอนเสิร์ตของอารมณ์ดี้ เข้ามาปรับปรุงจัดโซนนิ่งเพิ่มเติม หากิจกรรมและเพิ่มพื้นที่หรือส่วนต่างๆเข้ามาอาทิ ห้องอาบน้ำ ขณะที่สปอนเซอร์ก็คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนการตอบรับจากผู้ชมนั้นแม้ว่าทั้ง 2 คนจะมีกลุ่มผู้ฟังที่ชัดเจน ซึ่งอาจจะเป็นคนละกลุ่มแต่ก็คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีไม่แตกต่างจากคอนเสิร์ตในครั้งแรกของดี้เลย '
โดยโปรเจกต์ความร่วมกันของดี้ นิติพงษ์ และบอย โกสิยพงษ์ เริ่มแรกจะเป็นการประเดิมมหกรรมดนตรี 'deeBOYD POP FEST ส่วนจะมีการต่อยอดในรูปแบบอื่นๆ ต่อไป หรืออาจเป็นการร่วมมือกันในระยะยาวหรือไม่ จะพิจารณาจากผลการตอบกลับจากงานนี้งานแรก แต่คาดว่าเบื้องต้นอาจจะมีการนำสินค้าที่ระลึกออกมาจำหน่าย
เกรียงไกร กล่าวว่าแนวทางดำเนินธุรกิจของยังดี จะวางรูปแบบเน้นหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้านต่างๆ ที่สามารถสร้างรายได้โดยตรงและสามารถนำมาต่อยอดได้เลยทันที ส่วนแบรนด์ใหม่ๆนั้นยังไม่มีแผนงานที่จะพัฒนา โดยการจับมือกันนั้นจะเป็นไปในรูปแบบการซินเนอยีธุรกิจร่วมกัน ซึ่งโปรเจกต์แรกๆ ของยังดีที่เน้นไปที่งานคอนเสิร์ตเป็นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตทุ่งหญ้า สายลม และนมวัวหรือคอนเสิร์ตล่าสุดที่จะจัดคือ deeBOYD POP FEST เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจโชว์บิซที่เป็นคอนเสิร์ตนี้เป็นน้ำบ่อใหญ่ที่สามารถเห็นผลได้เร็ว แต่ยังดีก็จะยังคงเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์อื่นๆ ภายใต้แนวทางของ Personal Branding ต่อไป โดยในเร็วๆ นี้ มีแผนเดินหน้าต่อยอดแบรนด์อีก 3 โปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่ไม่ใช่คอนเสิร์ต ซึ่งจะออกมาในรูปแบบที่แตกต่างไม่เหมือนใครและคาดว่าผลจากการรุกครั้งนี้จะส่งให้ผลประกอบการก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ที่120 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน
'คอนเสิร์ตแรกที่ยังดีได้จัดคือ ทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ถือว่าผลที่ออกมาคุ้มค่ามากในแง่ของการสร้างแบรนด์ เพราะสามารถสร้างชื่อของยังดีให้เป็นที่รู้จัก และส่งผลให้มีกลุ่มลูกค้าเข้ามาให้ความสนใจในรูปแบบของ Personal Branding มากขึ้น ซึ่งยังดีก็กำลังเตรียมโปรเจกต์ต่างๆที่จะออกมาสอดรับกับความต้องการของลูกค้าเหล่านี้อีก 3แบรนด์ใหญ่ภายในปีนี้'
สำหรับ มหกรรมดนตรี 'deeBOYD POP FEST' มีความแปลกใหม่ที่นอกจากจะมีการแสดงคอนเสิร์ตแล้ว ยังได้วางแผนการเนรมิตพื้นที่ 600ไร่ รอบเวทีแสดงให้เป็นแหล่งรวบรวมของเทศกาลดนตรี, เทศกาลอาหาร,เทศกาลเครื่องเล่นเอาท์ดอร์, เทศกาลถ่ายรูปและการแคมป์ปิ้ง สำหรับdeeBOYD POP FESTกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5-6 ธันวาคม 2552 รวม 2 วัน 2 คืน ตั้งราคาบัตรไว้ที่ 1,800-2,000บาท และจำกัดจำนวนบัตรเข้างานไว้ที่ 12,000 คนต่อวัน โดยพื้นที่ที่ใช้จัดนั้นสามารถรองรับผู้ชมจริงจำนวน 18,000 คน
|