Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2530
พรชัย ชื่นชมลดา นอนจนรวย ก้าวร้าวจนได้ดี             
 

   
related stories

ผู้จัดการรุ่นใหม่ในสายตา "ผู้จัดการ"

   
search resources

พรชัย ชื่นชมลดา
Jewelry and Gold
พรชัยอินเตอร์เนชั่นแนล, บจก.




ความขยันขันแข็งของเขามาจากการนอนที่เต็มอิ่ม ความเชื่อมั่นในการทำการค้าของเขาสั่งสมมาจากความก้าวร้าวในวัยเด็ก พื้นฐานที่ค่อนข้างพิสดารดังกล่าว พลิกพันชีวิตให้รุ่งเรือง และพุ่งไปข้างหน้าเพื่อตักตวงโภคทรัพย์ต่าง ๆ จากการซื้อขายพลอยอย่างไม่หยุดยั้ง

NO INSOMNIA AND NEVER NERVOUS TENSION

ทุกวันเขาต้องนอนอย่างมีความสุขไม่ยินยอมต่อความเคร่งเครียดและเสียงรบกวนใด ๆ มากระทบกระทั่ง แน่นิ่งไม่ไหวติงดุจดั่งคนตายไม่น้อยกว่า 8-10 ชั่วโมง

การนอนอย่างคนขี้เกียจสันหลังยาวในความคิดของเขาคือหัวใจของการทำงานเป็นการเตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่างๆ อย่างสดใสร่าเริง มันเป็นกฎพื้นฐานของความสำเร็จที่ต้องอาศัยความเข้าใจลึกซึ้งเข้าไปเกาะกุม

ผลแห่งการกระทำที่สืบทอดตลอดมา 15 ปีกับเส้นทางชีวิตที่สุกใสเปล่งปลั่ง หาก ดร.ฮาร์ทแมน แห่งมหาวิทยาลัทัฟฟ์สหรัฐอเมริกามีโอกาสรับรู้คงได้ปี๊บคุมหัวเพราะผลงานวิจัยที่ระบุว่า คนนอน 6 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นจะขยันขันแข็งประสบความสำเร็จมากกวาคนนอนวันละ 9 ชั่วโมงถูกฉีกกระจุยอย่างไม่มีชิ้นดีเสียแล้ว

"พลอยแดง" หรือ "ทับทิมสยาม" มณีแดงล้ำค่าที่บางครั้งต้องแลกมันมาด้วยชีวิตเป็นความงามอันดับ 1 ในจำนวนมูลค่าส่งออกอัญมณีทั้งระบบ ปี 2529 ไทยส่งออกทับทิมสยามเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาท -และเขาก็เป็น 1 ใน 10 ผู้ส่งออกรายสำคัญที่มีอายุอานามน้อยที่สุด

ไม่เคยนอนไม่หลับ หลับห้ามปลุกคนอย่างคนขี้เกียจนั้นแหละความสำเร็จเขาสรุปอย่างนั้น

เขาเป็นเถ้าแก่ที่ทำงานเยี่ยงศิลปินเริ่มต้นการทำงานที่เต็มไปด้วยความละเอียดละออเมื่อเวลา 10.00 น. ไล่ไปจนถึง 19.00 น.ในห้องทำงานที่ถูกจัดให้เป็นห้องดูพลอยห้องทำบัญชี และห้องอาหารไปในตัว มันเป็นห้องทำงานหนึ่งในหลายสิบห้องที่อยู่ในตัวอาคารทรงโรมัน ริมถนนเจริญกรุง อาคารที่หรูระยับและสิ้นเปลืองงบในการตกแต่งไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท

หลังโต๊ะทำงานเป็นตู้เซฟใบใหญ่ใช้เป็นที่เก็บพลอยและของมีค่าต่าง ๆ ในนั้นมีทั้งพลอยไพลิน พลอยซีลอน พลอยพม่า พลอยเขมร และทับทิมสยาม บางเม็ดก็อาจมีราคาเพียงเรือนหมื่น ทว่าบางเม็ดที่เขาคีบให้ดูคุณต้องใช้เงินมากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปในการเป็นเจ้าของ

เขาเชี่ยวโชกกับงานค้าพลอยมาตั้งแต่อายุ 13-14 ขวบด้วยการรับจ้างเป็นช่างเจียระไนพลอยแล้วยกระดับขึ้นเป็นโบรคเกอร์เดินขายพลอย กระทั่งสามารถเป็นเจ้าของบริษัทค้าพลอยเมื่ออายุได้เพียง 22 ปีเท่านั้นร้านค้าพลอยของเขาเมื่อ 15 ปีก่อนคือแหล่งผลิตเซียนพลอยที่โด่งดังหลายสิบคนในปัจจุบัน

เขาไม่กระสันที่จะค้าเพชรเพราะเพชรถูกกำหนดราคาโดยเดอเบียร์มหาอำนาจค้าเพชรของโลก ผิดกับพลอยที่เป็น FREE MARKET มีตัวให้เลือกเล่นหลายร้อยประเภท ราคาขึ้นลงก็ขึ้นอยู่กับจังหวะของการค้นพบว่าได้มากหรือน้อย มันเหมือนกับการแทงหุ้น เล่นไม่เป็น ข้อมูลไม่แน่นพอ ก็ม้วยมรณังเท่านั้นเอง

แต่เขาเชื่อมั่นมากว่า ในตลาดนี้เขายังไม่เคยพลาด และคงไม่พลาดตลอดไป

โลกระบือลือนามกล่าวขานถึงกิติศัพท์ของ "คาร์เทียร์" "แวนคลิฟท์" หรือแม้แต่ "เดอเบียร์" ว่าเป็นอัจฉริยะภาพของการค้าอัญมณี เขาตั้งความฝันที่ค่อนข้าง ก้าวร้าวอยู่มาก ๆ ว่า แล้วทำไมจะแบ่งความรับรู้ให้ได้รู้จักเขาบ้างไม่ได้เลยเชียวหรือ

อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มแล้วด้วยการดัดแปลงพื้นที่ชั้นที่ 2 ของอาคารให้กลายเป็น "พิพิธภัณฑ์พลอย" แห่งแรกของประเทศ ที่นี่เป็นศูนย์รวมของพลอยเกือบทุกชนิดของโลก ว่ากันตั้งแต่พลอยที่สามารถหาซื้อได้ยากและมีอายุหลายร้อยพันปีซึ่งผ่านการสะสมของเขามานับสิบ ๆ ปี

เขาเป็นคนราศีธนูที่บุคลิกค่อนข้างจะขัดแย้งกับตำราที่ว่าคนราศีนี้ต้องคู่ควรกับ "บุษราคัม" แต่แหวน 2 วงนี้นิ้วนางมือขวากับนิ้วก้อยมือซ้ายที่เหลือบมองเห็น กลับเป็นแหวนที่ล้อมด้วยทับทิมสยามเม็ดเขื่องวงหนึ่ง กับเชฟไฟร์หรือพลอยไพลินอีกวงหนึ่ง

"อย่าไปเชื่อนักเรื่องราศีต้องคู่ควรกับอัญมณีชนิดไหน เป็นเทคนิคการขายอย่างหนึ่งเท่านั้น ผมนี่เม็ดไหนน้ำงานสวยผมใส่หมด" เขาบอกอย่างนั้น

ปกติคนราศีธนูที่ "ซิเซโร่" ว่าไว้เป็นคนธาตุไฟอารมณ์เยือกเย็นน้ำนิ่งไหลลึก แต่ราศีธนูผู้นี้กลับบอกว่าเขาเป็นคนโฉ่งฉ่างยียวนกวนใจไม่น้อย และอารมณ์รุนแงไม่ใช่ย่อย ขนาดพอเริ่มจะมีกินไปหัดเล่นเทนนิสตีได้ไม่ถูกใจ หักไม้ขว้างไม้ทิ้งอาทิตย์ละอันเสียอย่างนั้น ก็เพราะอย่างนี้ในห้องทำงานมุมหนึ่งต้องมีภาพของ "ซุปเปอร์แม็ค" หรือจอห์น แม็คแอนโร อเมริกันบอยยอดนักเทนนิสของโลกต้นฉบับของ ความก้าวร้าวที่เขาชอบประดับอยู่

"หรือว่าผมจะไม่ใช่คนราศีธนู เพราะบอกกันตรงไปตรงมาเลยว่า ผมไม่รู้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริง พ่อแม่เขาไม่สนใจเรื่องนี้ ที่บอกคุณนั้นเอาจากบัตรประชาชน" เขายอมรับอย่างไม่อ้อมค้อม

ครั้งหนึ่งที่ยังเป็นเสเพลย์บอยคลั่งไคล้หลงกับเสียงเพลงอันเร่าร้อนกระแทกกระทั้นหัวใจของ "โรลลิ่งสโตน" เขาเคยเล่นและมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง ฝันอยากจะไปถึงอเมริกาแต่โชคร้ายหาเงิน 400 เหรียญเป็นค่าเครื่องบินไม่ได้เลยต้องกลับมาเป็นช่างเจียระไนพลอยที่แสวงหาความสำเร็จได้ในทุกวันนี้

วันไหนและคืนไหนที่มันดูเปล่าเปลี่ยวเกินไปนัก เครื่องเสียงชั้นดีภายในห้องทำงานจะทำหน้าที่กระหึ่มจังหวะเพลง "ร็อค" ที่รุนแรงและบ้าคลั่ง มันเป็นความสุขที่เขาปรารถนาใครห้ามไม่ได้ "ร็อค" คือเสียงเพลงในหัวใจและ "ไมเคิล แจ๊คสัน" คือนักร้องคนโปรดไม้แพ้ "โรลลิ่งสโตน"

ต้องยอมรับเขาบ้าดนตรีร็อคเอามาก ๆ กระทั่งร้านค้าพลอยแห่งแรกในชีวิตที่ถนนเดโชก็ยังเดาะตั้งชื่อให้เป็นที่ระลึกว่า "ร้านโรลลิ่งสโตน" ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็น "พรชัยอินเตอร์เนชั่นแนล" บริษัทค้าพลอยชื่อดังของโลกอีกบริษัทหนึ่ง

"ผมเห็นทีไม่ใช่คนราศีธนูแน่ ๆ " เขาย้ำเมื่อพบความจริงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ในราศีนี้

อาจจะมีความเป็นคนราศีธนูอยู่บ้างก็รงที่ การรู้จักฉกฉวยและรอจังหวะการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่โลดโผนแต่ให้หนักแน่น วันนี้เขาไม่ใช่พ่อค้าพลอยเท่านั้นยังเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือวิทยาศาสตร์และากรแพทย์อีกด้วย และตั้งความหวังจะก้าวไกลสู่การเป็นนักค้าที่ดินในอนาคต

"รู้ว่าเขากว้านซื้อที่เอาไว้หลายแปลงแล้ว ด้านหนึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ในพรรคชาติไทยที่ตัวเขาเองเป็นที่ปรึกษาอยู่ เห็นสนิทสนมกับท่านรองนายกฯชาติชายเป็นอย่างดี คุณหญิงของท่านรองฯ ก็ชอบเพชร ๆ พลอย ๆ อยู่แล้วเลยไปกันได้" คนในวงการบอกกับเราถึงอีกด้านหนึ่งของเขา

ความลับที่แฝงอยู่ในความสูงส่งของพ่อค้าอัญมณีผู้นี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนที่โปรดปรานของปลอม เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ไปหาซื้อแถวสวนจตุจักร สูทก็สั่งตัดราคาไม่กี่ร้อยที่ร้าน "ทรงสมัย" ตอนกลางคืนอาจไปเดินเล่นตามไนท์มาร็เก็ต ไม่ก็หมกตัวในคอฟฟี่ซ็อปที่อบร่ำด้วยควันบุหรี่และเสียงอึกทึกของผู้คน กับเสียงเพลงรสนิยมชอบของถูกกระทั่งบางครั้งของการซื้อหาความสุขนอกบ้านเขาเปิดเผยอย่างอารมณ์ดีว่า "ผมไม่เคยหมดเงินกับเลาจน์หรือคลับใหญ่ ๆ แต่เที่ยวหมดไม่ว่าอาบอบนวดหรือโรงน้ำชาที่ไหนก็ได้ถ้าพึงพอใจ"

ใช่ว่าจะชอบของถูกไปทั้งหมดเสียทีเดียว ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินถาวรแล้วเขาพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อมันมาเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยราคาแพงไม่ใช่เล่น ไม่นับอาคารทรงโรมันที่หมดเงินตกแต่งไปนับสิบ ๆ ล้านแล้วนั้น รถยนต์ใช้ส่วนตัวต้องเป็น "เบนซ์" และ "จากัวร์" ที่ได้รับการตกแต่งภายในด้วยสนนราคาเหยียบล้าน"

ความรู้เพียงแค่ชั้นประถมปีที่ 7 ไม่เป็นอุปสรรค์กับความคิดก้าวไกลในการทำงาน แค่เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวเขาสามารถยกระดับอดีตเลขาฯให้กลายเป็น "ศรีภรรยา" ได้อย่างสนิทใจเมื่อมองเห็นแววของเลขาฯคนนั้นว่าพอตัว ที่จะช่วยเหลือเขาทำการค้าได้มากกว่าการเป็นเลขาฯเท่านั้น

อดีตเลขาฯหรือศรีภรรยาในปัจจุบันของเขาจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากอังกฤษ จึงแน่นอนล่ะว่า ความสำเร็จด้านต่างประเทศนั้นย่อมมีรากฐานมาจากภรรยาเป็นสำคัญ "ผมไม่คล่องภาษาอังกฤษ เวลาอยากอ่านหนังสือจิวเวลลี่เพื่อพัฒนาสินค้าก็อาศัยภรรยาช่วยเหลือ" เขายกย่องภรรยาอย่างภาคภูมิใจ

"PRODUCITIVITY THOUGH PEOPLE" เป็นหลักการบริหารงานอย่างหนึ่งสำหรับเขา ถึงแม้จะเชื่อใจในรูปแบบการบริหารงานแบบครอบครัวที่ไปได้สวยไปไดี้ไม่มีรูรั่วกับการค้าอัญมณี ทว่าเมื่อ DIVERSIFIED ไปยังการค้าด้านอื่นเขาก็ยอมรับการจัดองค์กรและบริหารงานสมัยใหม่ด้วยทัศนะที่เต็มใจยิ่ง

"แต่ค้าพลอยยังต้องใช้คนในครอบครัวไม่งั้นเจ๊ง ส่วนกิจการอื่นเราเข้าไปยุ่งมากและไม่เก่งพอก็มีสิทธิ์เจ๊งได้เช่นกัน ผมคิดว่าผมเชื่อใจในผู้บริหารอาชีพที่ว่าจ้างมา" เขากล่าวสั้น ๆ

บริษัท เพียวไซเมนท์ อินสทรูเมนท์ จำกัด (ค้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์) กับบริษัทจัดการด้านที่ดินซึ่งจะตั้งขึ้นในไม่ช้าเป็นตัวอย่างของการยอมรับที่ดี ทั้ง 2 บริษัทแทบจะไม่มีคนในตระกูลเขาและญาติฝ่ายภรรยาเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย 1 ในผู้บริหารคนสำคัญอย่าง "จุติพร ยุตาคม" ก็ผ่านมาเป็น "มือขวา" ของ น.พ.ประเวศ วะสี หมอรางวัลแมกไซไซมาแล้ว

"แซ่โค้ว" เป็นนามสกุลเดิมที่เขาตั้งคำถามกับเราว่า "จำเป็นที่จะต้องรู้หรือเปล่า" พ่อเขาเป็นเพียงแค่คนรับจ้างทำงานทั่ว ๆ ไปที่มีนิสัยแปลกประหลาดอย่างหนึ่งว่า "นั่งที่ไหนหลับที่นั่น" และนั่นเป็นความเลวร้ายที่เขาโชคดีไม่ได้รับเอามาด้วย" พ่อเป็นคนเฉื่อย ปีหนึ่งเปลี่ยนงาน 2 ครั้งเพราะชอบนอนหลับ"

เขาจึงเป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้น หลับเหมือนพ่อเช่นกัน แต่ "หลับ" ของเขากลับเป็นความสำเร็จรุ่งโรจน์

เขาคุยว่ารู้จักทำมาหากินตั้งแต่อายุ 8 ขวบเพราะทางบ้านยากจน ไม่ชอบเรียนหนังสือ ขายไอศกรีมมีเงินให้แม่อาทิตย์ละ 100-200 บาท และมีเหลือเก็บไว้อีกส่วนหนึ่งความเข้มข้นในวัยเด็กเพาะบ่มความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับตัวเขาและสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันที่บอกว่า "ถ้าผมทำอะไรต้องให้มันสำเร็จ"

ค่าจ้างที่ได้รับจากการเป็นช่างเจียระไนพลอยครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ขวบกะรัตละ 50 สตางค์ โดยไปรับจ้างทำกับญาติคนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ทำ ๆ หยุด ๆ เล่นดนตรีไปเรื่อย และฝันอยากจะไปอเมริกาทว่าฝันสะดุดเมื่อไม่มีเงินค่าเครื่องบิน-แล้วนั่นจึงเป็นการเริ่มต้นสู่วงการพลอยเต็มตัวเมื่ออายุ 20 ปี

เขาเริ่มฝึกเป็นช่างเจียระไนพลอยกับพี่ชาย และเบี่ยงเบนมาเป็นโรคเกอร์เดินพลอยที่ต้องติดอาวุธความคมในวิถีการตลาดอย่างถึงลูกถึงคน ประกอบดับช่วงนั้นอุตสาหกรรมค้าพลอยในเมืองไทยฟูเฟื่องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตลาดคึกคักผิดหูผิดตามีการนำเข้าพลอยจากออสเตรเลียแบล็คสตาร์ โกเมนอย่างมากมาย ด้วยความกล้าได้กล้าเสีย "โชคดี" จึงเดินเข้ามาเคาะชีวิตของเขาอย่างฉับพลัน

อายุเพียง 22 ปีก็เป็นดาวรุ่งในวงการที่มีร้านค้าพลอยเป็นของตัวเองได้สำเร็จ

"โรลลิ่งสโตน" ร้านแรกในชีวิตมีอายุเพียง 4-5 ปีก็จบลงพร้อมกับขยับใหญ่ขึ้นเป็น "พรชัยอินเตอร์เนชั่นแนล" ย้ายหลักแหล่งมาอยู่ที่ถนนมเหสักข์และเป็นช่วงเดียวกับที่เขาได้เลขาฯมาเป็นคู่รัก-คู่ใจทางการค้าคนสำคัญกิจการเติบโตตามลำดับกระทั่งล่าสุดจึงมาอยู่ที่ริมถนนเจริญกรุง

ตอนที่ตั้งร้านใหม่บริเวณถนนมเหสังข์ประสบการณ์และความผิดพลาดที่เขาไม่เคยลืมเลยก็คือ ความที่ไว้เนื้อเชื่อใจลูกค้าคนหนึ่งโดยไม่ยอมตรวจสอบฐานะเป็นอยู่และเครดิตทางการเงิน ทำให้ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนถึง 80,000 เหรียญ

ดังนั้นปัจจุบันการซื้อขายพลอยของเขาจะให้เครดิตลูกค้าเพียง 3 เดือน พ้นไปจากนี้หากยังไม่มีการเคลียร์หนี้สินต่าง ๆ ความเป็นไปได้ทางเดียว "บางทีคนเราก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ การฟ้องร้องนั้นไม่จำเป็นแล้วไม่อยากให้มันเกิดขึ้นในวิถีการค้าของผม"

อัญมณีที่ทำให้เขาตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วก็คือพลอยแดงหรือ "ทับทิมสยาม" ซึ่งประเทศไทยมีพลอยชนิดนี้อยู่มากแต่ไม่มีใครสนใจเล่นจริงจังมากนัก เขาเปิดศักราชค้าทับทิมสยามในปี 2518 สามารถปลุกราคาอัญมณีชนิดนี้บางเม็ดให้สูงถึง 10-20 ล้านบาท

"พลอยแดงเม็ดแรกที่ผมซื้อมาเมื่อ 15 ปีก่อนราคากะรัตละไม่กี่แสน ถ้าปัจจุบันก็เป็นสิบ ๆ ล้าน คนที่ชอบเล่นอัญมณีน่าสนใจพลอยมาก ๆ เนื่องจากตอนนี้ขุดพบนับวันน้อยลงซึ่งจะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ยังไงต้องดูจังหวะให้ดีคงไม่มีใครรู้ว่าพลอยนั้นมีราคากว่าเพชรมากนัก" เขาแนะนำเส้นทางไปสู่ความร่ำรวยให้ฟัง

สไตล์การค้า ทำงานของเขาในสายตาคนอื่นยังคงเต็มไปด้วย ความก้าวร้าวมุทะลุและเชื่อมั่นในความคิดของตนเองเป็นที่หนึ่ง จนทำให้เขาต้องเสีย "มือดี" ที่ร่วมกันปลุกปั้นกิจการให้รุ่งเรืองไปคนหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เขาบอกว่า "คน ๆ นั้นมีปัญหามากเอาไว้ไม่อยู่คุยกันไม่รู้เรื่อง"

ความสำเร็จที่เขาภาคภูมิใจมาก ๆ ก็คือ ในฐานะเลขาการสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยเขาสามารถผลักดันให้เกิดการประชุม "อินเตอร์เนชั่นแนลคัลเลอร์สโตนแอสโซซิเอชั่น" หรือการประชุมพ่อค้าพลอยทั่วโลกในเมืองไทยได้สำเร็จ เท่ากับเป็นการประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่า "เมืองไทยเป็นแหล่งพลอยที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง"

ไลฟ์สไตล์ของเขาทุกวันนี้ยังคงง่วนอยู่กับงาน ต้องดูพลอยและติดต่อลูกค้าด้วยตนเองกระนั้นก็ยังมีเวลาส่วนหนึ่งเพื่อการฝึกพนักงานในบริษัทให้มีความชำนาญด้วย เพราะตัวเขาเองวางอนาคตที่จะไปสู่วงการอื่นบ้างแล้ว จึงต้องทำตัวให้เป็นที่รู้จักในวงสังคมมากขึ้น

"ความสัมพันธ์กับนักการเมืองของเขาไม่ยึดติดกับใครคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ปรึกษาของพรรคชาติไทอยู่แต่เขาก็ยังชิดเชื้อกับนักการเมืองฝ่ายค้านอีกหลายคนอาทิเช่น เฉลิม อยู่บำรุง คิดว่าเขาเข้าประเภทรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางที่เก่ง" คนในวงการสรุป

ปัจจุบันธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับนับเป็นธุรกิจสำคัญอย่างหนึ่งของประเทศมูลค่าส่งออกแต่ละปีเพิ่มขึ้นอย่งมหาศาลในปี 2529 ส่งออกเป็นมูลค่า 11,800 ล้านบาท และคงจะมากขึ้นในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปไม่มีที่สิ้นสุด รวมไปถึงความหวังของพ่อค้าทุกคนที่ต้องการเห็นเมืองไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีของโลกคงจะเป็นจริงเช่นกัน

ประกายแวววาวของตลาดที่ไม่มีวันคล้ำหมอง ในฐานะพ่อค้าพลอยคนสำคัยของประเทศเขาย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปอย่างแน่นอน

อิตาลี ที่นั่นสร้าง "แวนคลิพท์" ให้ร่ำรวยขึ้นมาเป็นอัครมหาเศรษฐีของโลกจากการซื้อขายเพชรพลอยเป็นหลัก อิตาลีเป็นตลาดกลางซื้อขายเพชรพลอยที่ใคร ๆ ต่างต้องการกระโจนลงไปคลุกเคล้า บาดเจ็บหรือหัวเราะเป็นเรื่องที่ต้องวัดดวงเพราะค้าอัญมณีก้เหมือนกับการเล่นหุ้น

ที่อิตาลีพ่อค้าคนไทยคนหนึ่งอย่างเขาได้ไปตั้งตัวแทนจำหน่ายพลอยและติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด และยังมีแผนงานที่ตั้งตัวแทนจำหน่ายดังกล่าวนี้ในอีกหลายประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของการส่งออกอัญมณี

เขาคนนี้-พรชัย ชื่นชมลดา พ่อค้าพลอยที่บอกว่าความสำเร็จของตนนั้นมาจากการเกื้อหนุน 3 ประการคือดนตรี กีฬา การนอนหลับ ได้ตั้งความฝันแล้วและเป็นฝันที่ค่อนข้างยาวไกล แต่จะไปได้หรือไม่นั้นอีกไม่ช้าคงได้รู้กัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us