ตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือเอที ส่อเค้าคึกคักตลอดทั้งปี 2 ค่ายใหญ่ ยามาฮ่า-ฮอนด้า เปิดศึกชิงบัลลังก์ ฝ่ายแรกเดินหน้าดันยอดฟีโน่ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 55% ทุ่ม 100 ล้านต่อยอด การสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยแคมเปญ My FINO, My Experience เจาะลึกเข้าหากลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรมท่องเที่ยว แม้ฮอนด้าจะเร่งอัดแคมเปญ LET'S HAVE FUN กระตุ้นยอดจักรยานยนต์รุ่นหัวฉีดเข้าสู้ แต่ดูเหมือนจะฉุดคู่แข่งไม่อยู่
My FINO, My Experience เป็นแคมเปญล่าสุดของ ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ ส่งออกมาสร้างกระแสความนิยมให้กับจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ จักรยานยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงของแบรนด์ยามาฮ่าในปัจจุบัน และนับตั้งแต่เปิดตัวฟีโน่ เมื่อเดือนกันยายน 2549 ด้วยการดีไซน์ตัวถังในคอนเซ็ปต์ Modern Classic ทำให้ยามาฮ่าสามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ จากตลาดรถจักรยานยนต์อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการใช้แคมเปญที่ชื่อ Yes! We are Different เพราะเราแตกต่าง...ยามาฮ่า ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยามาฮ่า ฟีโน่ ทำยอดขายได้เกินความคาดหมาย
จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด บอกว่า ฟีโน่ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย ช่วงเปิดตัวเมื่อปี 2549 เราประเมินว่าจะมียอดขายราวๆ 6,000 คันต่อเดือน แต่หลังเปิดตัวไม่นาน ฟีโน่สามารถทำยอดขายได้สูงที่สุด จากรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่น ปัจจุบันฟีโน่มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 20,000 คัน แต่ในบางเดือนฟีโน่เคยสร้างยอดขายมากถึง 25,000 คัน
ความสำเร็จของฟีโน่ ส่งผลให้ยามาฮ่าสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ให้อยู่ในระดับ 23% ในปี 2550 และ 2551 จินตนา บอกว่า แคมเปญ Yes! We are Different ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด และที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดตัว ฟีโน่ พรีเซนเตอร์ของเราไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ-ไมค์ หรือศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ จากเกาหลีใต้ ในภาพยนตร์ และแคมเปญโฆษณา ยังไม่มีการขับขี่ยามาฮ่า ฟีโน่ เลยตลอดช่วง 3 ปี
ในปี 2550 ยามาฮ่าทำตลาดฟีโน่ด้วยแคมเปญ My Style, My Fino เป็นการเพิ่มกระแสความนิยมหลังเปิดตัวเพียง 1 ปี แคมเปญนี้เน้นไปที่การสร้างไอเดียการตกแต่งรถในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้ตัวผลิตภัณฑ์มีความสดใสยิ่งขึ้น และในปี 2551 ยามาฮ่าก็รุกตลาดอีกครั้งด้วยแคมเปญ Fino is More หรือ ฟีโน่ เป็นอะไรได้อีกเยอะ ซึ่งเป็นแคมเปญที่เริ่มนำเอาศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ 13 คนมาเป็นพรีเซนเตอร์ร่วมกับ กอล์ฟ-ไมค์ แคมเปญดังกล่าวนอกจากจะทำให้ชื่อเสียงของยามาฮ่าเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นทั่วประเทศแล้ว ยังมีผลให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เกียร์อัตโนมัติ มียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ของเซกเมนต์
ทั้งนี้ ในแคมเปญใหม่ My FINO, My Experience พรีเซนเตอร์ทุกคนจะได้ขับฟีโน่ ยามาฮ่ามองว่า ปัจจุบันลูกค้าฟีโน่มีจำนวนมากทั่วประเทศ ทุกคนมีเอกลักษณ์ด้วยสไตล์ที่แตกต่างของตัวเอง มีความชื่นชอบ และสนุกกับการขับขี่ฟีโน่ นอกจากในชีวิตประจำวันแล้ว ยามาฮ่า ต้องการเชิญชวนให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีความสุข
จินตนา บอกว่า ในแคมเปญนี้จะถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่แปลกใหม่ ฉีกแนวเดิมๆโดยมีด้วยกันหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวไปกับฟีโน่ของกลุ่มศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ โดยมีเจ้าบ้านคือ กอล์ฟ-ไมค์ และในครั้งนี้จะมีพรีเซนเตอร์ใหม่เพิ่มอีก 1 คนคือ สิงโต-เดอะสตาร์
แคมเปญล่าสุดนี้ ยามาฮ่าต้องใช้งบประมาณถึง 100 ล้านบาท เพื่อต่อยอดความสำเร็จของฟีโน่ จากที่ผ่านมา นอกจากภาพยนตร์โฆษณาที่พยายามสื่อถึงการขับขี่ฟีโน่ ท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานแล้ว งบประมาณส่วนหนึ่งจะใช้เพื่อจัดกิจกรรมร่วมกับดีลเลอร์ยามาฮ่าทั่วประเทศกว่า 270 แห่ง โดยให้กลุ่มลูกค้าฟีโน่ที่อยู่ในมือของดีลเลอร์แต่ละรายรวมตัวเพื่อขับขี่รถท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามของแต่ละพื้นที่
My FINO, My Experience จึงเหมือนกับการขยายสังคมผู้ใช้รถฟีโน่ ผ่านตัวผู้ใช้รถในแต่ละพื้นที่อีกทางหนึ่ง
ขณะที่แคมเปญดังกล่าว ยังมาพร้อมกับยามาฮ่า ฟีโน่ รุ่นใหม่ โดยมีการตกแต่งตัวรถเพิ่มเติมด้วยสีใหม่ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่มากยิ่งขึ้น ฟีโน่ใหม่ มีด้วยกัน 3 รุ่นคือ ฟีโน่ พรีเมียม ตกแต่งด้วยลายกราฟิกหรู , ฟีโน่ แฟชั่น ตกแต่งลายกราฟิก สไตล์ Vintage และฟีโน่ ดิสโก้ ตกแต่งลายในแบบยุค Seventy สไตล์ Retro POP
ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มองถึงเป้าหมายสูงสุดในปีนี้ว่า จะต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นได้ถึง 25% ส่วนหนึ่งมาจากการสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของรถจักรยานยนต์ เอที จาก 52% เป็น 55% ในปีนี้ด้วย และยอดขายที่ทำให้ส่วนแบ่งตลาดขยายตัวจะมาจากรถจักรยานยนต์ฟีโน่นั่นเอง โดยคาดว่าหลังเปิดตัวแคมเปญใหม่แล้ว ฟีโน่ จะมียอดขายเพิ่มเป็นเดือนละ 25,000 คัน ปัจจุบันสัดส่วนระหว่างรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ หรือ เอที อยู่ที่ 54:46
สำหรับคู่แข่งหลักของฟีโน่ คือ ฮอนด้า คลิก นั้น ในช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา แม้ฮอนด้าจะมียอดขายสูงกว่าในแต่ละเดือน แต่ช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 นั้น ยามาฮ่า สามารถดันยอด ฟีโน่ ขึ้นมาแซงได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันฮอนด้ามียอดขาย คลิก อยู่ประมาณเดือนละ 22,000-24,000 คัน ส่วนฟีโน่นั้น ในปีที่ผ่านมามียอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000-23,000 คัน
อย่างไรก็ดี ในปี 2552 ตลาดรถจักรยานยนต์รวมนั้นมีการหดตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ โดยพบว่าช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรวมหดตัวไปแล้วถึง 8.9% มียอดขายรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 591,800 คัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของฮอนด้า คลิก จากค่าย เอ.พี.ฮอนด้า อยู่พอสมควร ยอดขายคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 15,000-18,000 คันต่อเดือน ขณะที่ยามาฮ่า ฟีโน่ ยังคงรักษาระดับยอดขายไว้ได้ราวๆ 18,000-20,000 คันต่อเดือน ทำให้ปัจจุบันฟีโน่ กลายเป็นรถจักรยานยนต์เอทีที่มียอดขายสูงสุดในตลาด
หากฟีโน่สามารถทำยอดขายเพิ่มให้อยู่ในระดับ 25,000 คันต่อเดือน ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ได้ ก็เป็นการยากที่คู่แข่งสำคัญคือฮอนด้า คลิก จะตามทัน แม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกัน เอ.พี.ฮอนด้า จะแก้เกมด้วยการส่งฮอนด้า คลิก ไอ ลวดลายใหม่ ภายใต้แนวคิด B.O. Project เน้นดีไซน์สีสันอิงแฟชั่นคู่สีทันสมัย 'ดำ-ส้ม' หรือ 'Black & Orange Edition' ออกมาประกบก็ตาม ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากราคาจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์หัวฉีด มีราคาสูงกว่าคู่แข่งเมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่น
ทั้งนี้ หากดูจากตัวเลขยอดขายแล้ว ฮอนด้า คลิก เริ่มลดลงในช่วงจังหวะของการเปลี่ยนเครื่องยนต์ จากคาบูเรเตอร์ ไปเป็นหัวฉีดรุ่นใหม่ที่เรียกว่า PGM-FI (Programmed Fuel Injection) และทำให้ฟีโน่ สามารถทำยอดขึ้นแซงได้ในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ฮอนด้ายังเดินหน้าติดตั้งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดังกล่าวกับจักรยานยนต์เกือบทุกรุ่น รวมถึงรุ่นเกียร์ธรรมดาที่มียอดขายสูงสุดอย่าง ฮอนด้า เวฟ ซึ่งฮอนด้าพยายามชูจุดเด่นของเครื่องยนต์ทั้งเรื่องสมรรถนะ และความประหยัด เป็นยุทธศาสตร์ และยังเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับตัวผลิตภัณฑ์
ปัจจัยในเรื่องราคาของจักรยานยนต์เครื่องยนต์หัวฉีด อาจเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้กลายเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ นอกจากนี้ความซับซ้อนในการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถจักรยานยนต์ในกลุ่มวัยรุ่นนี้ ส่วนหนึ่งนิยมซ่อมบำรุง รวมถึงปรับแต่งเครื่องยนต์ด้วยตัวเอง และการที่เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ยังมีไม่แพร่หลายมากนัก ทำให้เรื่องอะไหล่ และค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์สูงกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป
ส่วนหนึ่งมองว่า เครื่องยนต์ประเภทหัวฉีดนั้น หากจะตรวจสอบ เช็กระยะ หรือซ่อมบำรุง ต้องไปที่ศูนย์บริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้บริการอู่ซ่อมรถทั่วไป หรือทำกันเองได้ ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ฮอนด้าเสียโอกาส เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ถือว่ามีปริมาณมากพอสมควร โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
จุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บอกว่า ปัจจุบันรถจักรยานยนต์แบบเครื่องยนต์หัวฉีด ได้รับความนิยมจากตลาดอย่างสูง เป็นผลให้ฮอนด้าขยายฐานตลาด เพิ่มผลิตภัณฑ์รถเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ลงสู่ตลาด เพื่อรองรับและสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กลุ่มเป้าหมาย
ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ฮอนด้า คลิก ไอ จะเน้นความโฉบเฉี่ยวเร้าอารมณ์และสะดุดตาภายใต้เวอร์ชั่น Orange Sport นอกจากนี้ยังมีรุ่น แอร์เบลด ไอ ใหม่กับภาพลักษณ์ภายใต้เวอร์ชั่น Black Street เน้นความหรูหราคมเข้ม โดดเด่นในทุกมิติ
ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับแคมเปญการตลาดชุดใหม่ที่เริ่มดำเนินการไปเมื่อเร็วๆ นี้ คือ 'C'mon..LET'S HAVE FUN ' หรือ 'ได้เวลา...ฮอนด้าหัวฉีด' แคมเปญที่นำกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสนุกกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหัวฉีด
ด้าน จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ บอกว่า ยามาฮ่ายังไม่มีแผนจะผลิตรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์หัวฉีดออกมาทำตลาดในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะยามาฮ่ามองปัจจัยในเรื่องเวลา ซึ่งในขณะนี้ ยังไม่เหมาะที่จะเข้าทำตลาดดังกล่าว อีกทั้งการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านเครื่องยนต์นั้น ตลาดระดับโลกมีแผนที่ชัดเจนว่า เมื่อใดที่ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ควรเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์หัวฉีด และเมื่อถึงเวลานั้น ยามาฮ่าก็พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่เช่นกัน
เท่ากับว่า ยามาฮ่า ยังจะไม่ขยับขึ้นไปต่อกรกับฮอนด้า ในเซกเมนต์เครื่องยนต์หัวฉีด และดูเหมือนยามาฮ่า มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการกินส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์เอทีใว้ให้มากที่สุด เพื่อว่าเมื่อถึงยุคที่ตลาดรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่กลายเป็นเซกเมนต์ของรถเอที โอกาสที่แบรนด์ยามาฮ่า จะขยับขึ้นมาไล่บี้ฮอนด้าชนิดหายใจรดต้นคอก็จะใกล้เข้ามา ส่วน เอ.พี.ฮอนด้า เหมือนกับการทำตลาดแบบซื้ออนาคตล่วงหน้า เพราะเมื่อใดที่ถึงข้อกำหนดให้รถจักรยานยนต์ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์หัวฉีด การบุกเบิกตลาดก่อนคู่แข่งจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบแบรนด์ที่เข้ามาทีหลัง
|