Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์22 มิถุนายน 2552
2 ล้อออโต้ซัดกันมันหยด ยามาฮ่าจัดชุดใหญ่ขึ้นแท่นเบอร์ 1             
 


   
www resources

โฮมเพจ-ยามาฮ่า มอเตอร์

   
search resources

ไทยยามาฮ่า มอเตอร์, บจก.
Motorcycle




ตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือเอที ส่อเค้าคึกคักตลอดทั้งปี 2 ค่ายใหญ่ ยามาฮ่า-ฮอนด้า เปิดศึกชิงบัลลังก์ ฝ่ายแรกเดินหน้าดันยอดฟีโน่ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 55% ทุ่ม 100 ล้านต่อยอด การสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยแคมเปญ My FINO, My Experience เจาะลึกเข้าหากลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรมท่องเที่ยว แม้ฮอนด้าจะเร่งอัดแคมเปญ LET'S HAVE FUN กระตุ้นยอดจักรยานยนต์รุ่นหัวฉีดเข้าสู้ แต่ดูเหมือนจะฉุดคู่แข่งไม่อยู่

My FINO, My Experience เป็นแคมเปญล่าสุดของ ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ ส่งออกมาสร้างกระแสความนิยมให้กับจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ จักรยานยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงของแบรนด์ยามาฮ่าในปัจจุบัน และนับตั้งแต่เปิดตัวฟีโน่ เมื่อเดือนกันยายน 2549 ด้วยการดีไซน์ตัวถังในคอนเซ็ปต์ Modern Classic ทำให้ยามาฮ่าสามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ จากตลาดรถจักรยานยนต์อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการใช้แคมเปญที่ชื่อ Yes! We are Different เพราะเราแตกต่าง...ยามาฮ่า ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยามาฮ่า ฟีโน่ ทำยอดขายได้เกินความคาดหมาย

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด บอกว่า ฟีโน่ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย ช่วงเปิดตัวเมื่อปี 2549 เราประเมินว่าจะมียอดขายราวๆ 6,000 คันต่อเดือน แต่หลังเปิดตัวไม่นาน ฟีโน่สามารถทำยอดขายได้สูงที่สุด จากรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่น ปัจจุบันฟีโน่มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 20,000 คัน แต่ในบางเดือนฟีโน่เคยสร้างยอดขายมากถึง 25,000 คัน

ความสำเร็จของฟีโน่ ส่งผลให้ยามาฮ่าสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ให้อยู่ในระดับ 23% ในปี 2550 และ 2551 จินตนา บอกว่า แคมเปญ Yes! We are Different ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด และที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดตัว ฟีโน่ พรีเซนเตอร์ของเราไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ-ไมค์ หรือศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ จากเกาหลีใต้ ในภาพยนตร์ และแคมเปญโฆษณา ยังไม่มีการขับขี่ยามาฮ่า ฟีโน่ เลยตลอดช่วง 3 ปี

ในปี 2550 ยามาฮ่าทำตลาดฟีโน่ด้วยแคมเปญ My Style, My Fino เป็นการเพิ่มกระแสความนิยมหลังเปิดตัวเพียง 1 ปี แคมเปญนี้เน้นไปที่การสร้างไอเดียการตกแต่งรถในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้ตัวผลิตภัณฑ์มีความสดใสยิ่งขึ้น และในปี 2551 ยามาฮ่าก็รุกตลาดอีกครั้งด้วยแคมเปญ Fino is More หรือ ฟีโน่ เป็นอะไรได้อีกเยอะ ซึ่งเป็นแคมเปญที่เริ่มนำเอาศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ 13 คนมาเป็นพรีเซนเตอร์ร่วมกับ กอล์ฟ-ไมค์ แคมเปญดังกล่าวนอกจากจะทำให้ชื่อเสียงของยามาฮ่าเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นทั่วประเทศแล้ว ยังมีผลให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เกียร์อัตโนมัติ มียอดขายรวมเป็นอันดับ 1 ของเซกเมนต์

ทั้งนี้ ในแคมเปญใหม่ My FINO, My Experience พรีเซนเตอร์ทุกคนจะได้ขับฟีโน่ ยามาฮ่ามองว่า ปัจจุบันลูกค้าฟีโน่มีจำนวนมากทั่วประเทศ ทุกคนมีเอกลักษณ์ด้วยสไตล์ที่แตกต่างของตัวเอง มีความชื่นชอบ และสนุกกับการขับขี่ฟีโน่ นอกจากในชีวิตประจำวันแล้ว ยามาฮ่า ต้องการเชิญชวนให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีความสุข

จินตนา บอกว่า ในแคมเปญนี้จะถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่แปลกใหม่ ฉีกแนวเดิมๆโดยมีด้วยกันหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวไปกับฟีโน่ของกลุ่มศิลปินซูเปอร์จูเนียร์ โดยมีเจ้าบ้านคือ กอล์ฟ-ไมค์ และในครั้งนี้จะมีพรีเซนเตอร์ใหม่เพิ่มอีก 1 คนคือ สิงโต-เดอะสตาร์

แคมเปญล่าสุดนี้ ยามาฮ่าต้องใช้งบประมาณถึง 100 ล้านบาท เพื่อต่อยอดความสำเร็จของฟีโน่ จากที่ผ่านมา นอกจากภาพยนตร์โฆษณาที่พยายามสื่อถึงการขับขี่ฟีโน่ ท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานแล้ว งบประมาณส่วนหนึ่งจะใช้เพื่อจัดกิจกรรมร่วมกับดีลเลอร์ยามาฮ่าทั่วประเทศกว่า 270 แห่ง โดยให้กลุ่มลูกค้าฟีโน่ที่อยู่ในมือของดีลเลอร์แต่ละรายรวมตัวเพื่อขับขี่รถท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามของแต่ละพื้นที่

My FINO, My Experience จึงเหมือนกับการขยายสังคมผู้ใช้รถฟีโน่ ผ่านตัวผู้ใช้รถในแต่ละพื้นที่อีกทางหนึ่ง

ขณะที่แคมเปญดังกล่าว ยังมาพร้อมกับยามาฮ่า ฟีโน่ รุ่นใหม่ โดยมีการตกแต่งตัวรถเพิ่มเติมด้วยสีใหม่ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่มากยิ่งขึ้น ฟีโน่ใหม่ มีด้วยกัน 3 รุ่นคือ ฟีโน่ พรีเมียม ตกแต่งด้วยลายกราฟิกหรู , ฟีโน่ แฟชั่น ตกแต่งลายกราฟิก สไตล์ Vintage และฟีโน่ ดิสโก้ ตกแต่งลายในแบบยุค Seventy สไตล์ Retro POP

ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มองถึงเป้าหมายสูงสุดในปีนี้ว่า จะต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นได้ถึง 25% ส่วนหนึ่งมาจากการสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของรถจักรยานยนต์ เอที จาก 52% เป็น 55% ในปีนี้ด้วย และยอดขายที่ทำให้ส่วนแบ่งตลาดขยายตัวจะมาจากรถจักรยานยนต์ฟีโน่นั่นเอง โดยคาดว่าหลังเปิดตัวแคมเปญใหม่แล้ว ฟีโน่ จะมียอดขายเพิ่มเป็นเดือนละ 25,000 คัน ปัจจุบันสัดส่วนระหว่างรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ หรือ เอที อยู่ที่ 54:46

สำหรับคู่แข่งหลักของฟีโน่ คือ ฮอนด้า คลิก นั้น ในช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา แม้ฮอนด้าจะมียอดขายสูงกว่าในแต่ละเดือน แต่ช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 นั้น ยามาฮ่า สามารถดันยอด ฟีโน่ ขึ้นมาแซงได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันฮอนด้ามียอดขาย คลิก อยู่ประมาณเดือนละ 22,000-24,000 คัน ส่วนฟีโน่นั้น ในปีที่ผ่านมามียอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000-23,000 คัน

อย่างไรก็ดี ในปี 2552 ตลาดรถจักรยานยนต์รวมนั้นมีการหดตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ โดยพบว่าช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรวมหดตัวไปแล้วถึง 8.9% มียอดขายรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 591,800 คัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของฮอนด้า คลิก จากค่าย เอ.พี.ฮอนด้า อยู่พอสมควร ยอดขายคลิกเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 15,000-18,000 คันต่อเดือน ขณะที่ยามาฮ่า ฟีโน่ ยังคงรักษาระดับยอดขายไว้ได้ราวๆ 18,000-20,000 คันต่อเดือน ทำให้ปัจจุบันฟีโน่ กลายเป็นรถจักรยานยนต์เอทีที่มียอดขายสูงสุดในตลาด

หากฟีโน่สามารถทำยอดขายเพิ่มให้อยู่ในระดับ 25,000 คันต่อเดือน ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ได้ ก็เป็นการยากที่คู่แข่งสำคัญคือฮอนด้า คลิก จะตามทัน แม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกัน เอ.พี.ฮอนด้า จะแก้เกมด้วยการส่งฮอนด้า คลิก ไอ ลวดลายใหม่ ภายใต้แนวคิด B.O. Project เน้นดีไซน์สีสันอิงแฟชั่นคู่สีทันสมัย 'ดำ-ส้ม' หรือ 'Black & Orange Edition' ออกมาประกบก็ตาม ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากราคาจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์หัวฉีด มีราคาสูงกว่าคู่แข่งเมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่น

ทั้งนี้ หากดูจากตัวเลขยอดขายแล้ว ฮอนด้า คลิก เริ่มลดลงในช่วงจังหวะของการเปลี่ยนเครื่องยนต์ จากคาบูเรเตอร์ ไปเป็นหัวฉีดรุ่นใหม่ที่เรียกว่า PGM-FI (Programmed Fuel Injection) และทำให้ฟีโน่ สามารถทำยอดขึ้นแซงได้ในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ฮอนด้ายังเดินหน้าติดตั้งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดังกล่าวกับจักรยานยนต์เกือบทุกรุ่น รวมถึงรุ่นเกียร์ธรรมดาที่มียอดขายสูงสุดอย่าง ฮอนด้า เวฟ ซึ่งฮอนด้าพยายามชูจุดเด่นของเครื่องยนต์ทั้งเรื่องสมรรถนะ และความประหยัด เป็นยุทธศาสตร์ และยังเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับตัวผลิตภัณฑ์

ปัจจัยในเรื่องราคาของจักรยานยนต์เครื่องยนต์หัวฉีด อาจเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้กลายเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ นอกจากนี้ความซับซ้อนในการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถจักรยานยนต์ในกลุ่มวัยรุ่นนี้ ส่วนหนึ่งนิยมซ่อมบำรุง รวมถึงปรับแต่งเครื่องยนต์ด้วยตัวเอง และการที่เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ยังมีไม่แพร่หลายมากนัก ทำให้เรื่องอะไหล่ และค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์สูงกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป

ส่วนหนึ่งมองว่า เครื่องยนต์ประเภทหัวฉีดนั้น หากจะตรวจสอบ เช็กระยะ หรือซ่อมบำรุง ต้องไปที่ศูนย์บริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้บริการอู่ซ่อมรถทั่วไป หรือทำกันเองได้ ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ฮอนด้าเสียโอกาส เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ถือว่ามีปริมาณมากพอสมควร โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

จุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บอกว่า ปัจจุบันรถจักรยานยนต์แบบเครื่องยนต์หัวฉีด ได้รับความนิยมจากตลาดอย่างสูง เป็นผลให้ฮอนด้าขยายฐานตลาด เพิ่มผลิตภัณฑ์รถเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ลงสู่ตลาด เพื่อรองรับและสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กลุ่มเป้าหมาย

ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ฮอนด้า คลิก ไอ จะเน้นความโฉบเฉี่ยวเร้าอารมณ์และสะดุดตาภายใต้เวอร์ชั่น Orange Sport นอกจากนี้ยังมีรุ่น แอร์เบลด ไอ ใหม่กับภาพลักษณ์ภายใต้เวอร์ชั่น Black Street เน้นความหรูหราคมเข้ม โดดเด่นในทุกมิติ

ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับแคมเปญการตลาดชุดใหม่ที่เริ่มดำเนินการไปเมื่อเร็วๆ นี้ คือ 'C'mon..LET'S HAVE FUN ' หรือ 'ได้เวลา...ฮอนด้าหัวฉีด' แคมเปญที่นำกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสนุกกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหัวฉีด

ด้าน จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ บอกว่า ยามาฮ่ายังไม่มีแผนจะผลิตรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์หัวฉีดออกมาทำตลาดในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะยามาฮ่ามองปัจจัยในเรื่องเวลา ซึ่งในขณะนี้ ยังไม่เหมาะที่จะเข้าทำตลาดดังกล่าว อีกทั้งการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านเครื่องยนต์นั้น ตลาดระดับโลกมีแผนที่ชัดเจนว่า เมื่อใดที่ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ควรเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์หัวฉีด และเมื่อถึงเวลานั้น ยามาฮ่าก็พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่เช่นกัน

เท่ากับว่า ยามาฮ่า ยังจะไม่ขยับขึ้นไปต่อกรกับฮอนด้า ในเซกเมนต์เครื่องยนต์หัวฉีด และดูเหมือนยามาฮ่า มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการกินส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์เอทีใว้ให้มากที่สุด เพื่อว่าเมื่อถึงยุคที่ตลาดรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่กลายเป็นเซกเมนต์ของรถเอที โอกาสที่แบรนด์ยามาฮ่า จะขยับขึ้นมาไล่บี้ฮอนด้าชนิดหายใจรดต้นคอก็จะใกล้เข้ามา ส่วน เอ.พี.ฮอนด้า เหมือนกับการทำตลาดแบบซื้ออนาคตล่วงหน้า เพราะเมื่อใดที่ถึงข้อกำหนดให้รถจักรยานยนต์ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์หัวฉีด การบุกเบิกตลาดก่อนคู่แข่งจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบแบรนด์ที่เข้ามาทีหลัง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us