Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2530
พิพัฒ พะเนียงเวทย์ คนที่ไม่เคยกลัวตาย             
 

   
related stories

ผู้จัดการรุ่นใหม่ในสายตา "ผู้จัดการ"

   
www resources

โฮมเพจ ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์

   
search resources

ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์, บมจ.
พิพัฒ พะเนียงเวทย์
Food and Beverage




คนที่สามารถหยามหยันกับความตายได้โดยไม่สะทกสะท้านหวั่นไหวคนเช่นนี้ใยเล่าไม่มีความสุข

พิพัฒ พะเนียงเวทย์ คนที่ไม่สนิทสนมกันจริง ๆ อาจไม่เชื่อว่าอายุเขาจะ 49 ปีแล้วกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไทยเพรสซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด เจ้าของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" และขนมปังฟาร์มเฮาส์ ผู้ถือลิขสิทธิ์เสียงหัวเราะและอารมณ์ขบขันเป็นโอสถขนานเอก ย่อมเป็นหนึ่งในจำนวนผู้คนน้อยนิดเหล่านั้น

เมื่อพิพัฒอายุ 47 ปี โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแท้จริง นอกจากความรู้สึกที่บอกกับตัวเองว่า อาจเป็นเพราะการค้าตกต่ำถึงขั้นมีปากเสียงกับผู้ถือหุ้น และความมุ่งมั่นต่อการเรียน MBA. จนเกินขอบเขตคงเป็นต้นเหตุให้เกิดความตึงเครียดก่อนที่จะนำไปสู่อาการร้ายแรงของโรคโซไทซีส (โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง)

อาการที่ปรากฏเริ่มจากผิวหนังตามเนื้อตัวเปื่อยยุ่ยเป็นขุย ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ แล้วกำเริบเสิบสานไปตามไขข้อต่าง ๆ ส่อ แววของการเป็นอัมพาต น้ำหนักตัวลดอย่างฮวบฮาบ หลายคนที่เห็นสภาพอย่างนี้ลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่า "โลกอันโสภาของพิพัฒคงหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขาคงไม่รอดแน่ ๆ "

เขาต้องวงเวียนเข้าออกทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลทุก ๆ เช้า 2 ปีติดต่อกันด้วยความเชื่อมมั่นและกำลังใจที่ไม่เคยถดถอย อันเป็นคุณสมบัติที่ดีประการหนึ่งซึ่งได้รับมาจากการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับทีมชาติที่ยังถูกถ่ายทอดมาถึงการทำงานอีกด้วย ทำให้หลุดพ้นจากความตายมาได้อย่างรื่นรมย์

กลับมาบุกปั่นจนบริษัทพลิกฟื้นจากความร่อแร่ที่เคยขายสินค้าได้เพียง 200 กว่าล้านในปี 2528 ทำยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านในปีที่ผ่านมา และคงเฉียดหลักพันล้านในปีนี้ ถึงกับทำให้ผู้ถือหุ้นที่ไม่เคยลงรอยกันในแนวทางแก้ปัญหาเร่งเร้าให้เขาเพิ่มทุนของบริษัทฯอย่างสาแก่ใจ

พิพัฒเป็นคนครื้นเครงที่ไม่ค่อยก้มหัวให้ใครง่าย ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเขาอาจสามารถเชือดใจคนให้เจ็บแสบได้ปานกัน ตอนที่บริษัทยอบแยบเขายึดมั่นกับวิธีแก้ไขส่วนตัวว่า เขาเป็นผู้บริหารอาชีพไม่ใช่เป็นคนที่ต้องคอยรับคำสั่งเพื่อเอาใจนาย "ผลประโยชน์บริษัทสำคัญ เรื่องของคุณ (ผู้ถือหุ้น) ก็เรื่องของคุณ" เขาเปรยห้วน ๆ ก่อนส่งเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานใจตามมา

ในการเพิ่มทุนบริษัทฯเมื่อเร็ว ๆ นี้แทนที่หุ้นส่วนใหญ่จะถูกขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เขากลับกระจายหุ้นให้กับพนักงานมากกว่า เรื่องนี้แม้แต่วิโรจน์ ภู่ตระกูล ประธานฯลีเวอร์ฯซึ่งเป็นอาจารย์สอนเอ็มบีเอที่ธรรมศาสตร์ยังเย้าแหย่ว่า "ลื้อรู้ไหมผู้ถือหุ้นบางคนเขาเกลียดลื้อจะตายอยู่แล้ว"

ฐานะของความเป็นผู้บริหารที่มีไม่ากคนนักในเครือสหพัฒนพิบูลซึ่งมีผลงานเป็นที่โดดเด่นยอมรับของคนทั่วไป และยังอาจมีแนวคิดมไสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นใหญ่บางคนของบริษัทอยู่นั้นทำใหืเขาเข้าใจถึงสภาพการยืนหมิ่นเหม่ออยู่ริมปากเหวได้เป็นอย่างดี เขาบอกสั้น ๆ ว่า ฝีมือเท่านั้นที่จะค้ำให้เขาสามารถอยู่เพื่อผลักดันแผนพัฒนาบริษัทฯไปในทิศทางที่กำหนดไว้แล้วก่อนจะรีไทร์ตัวเองเมื่ออายุ 55 ปีศรี

แต่จุดเด่นในสายตาคนอื่นมองว่า พิพัฒเป็นนักบริหารที่เป็นนักบริหารจริง ๆ ความที่มีจิตใจเป็นนักสู้ของการเป็นนักกีฬาทำให้เขาไม่ค่อยเกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนมากนัก อย่างเช่นคราวที่ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์เข้าไปซื้อกิจการโรงงานทำเส้นหมี่ยังซีเกียง (ฮองเฮา) หลังจากที่ถูกปฏิเสธจากโรงงานในเครือที่ไม่ยอมรับผลิตสินค้าให้

จากการคาดคะเนผิดว่าความต้องการของเส้นหมี่ในตลาดมีไม่น้อยกว่า 80,000 หีบ/เดือน เกิดการพลิกล็อคถล่มทลาย ไทยเพรซิเดนท์ต้องแบกรับภาระขาดทุนโรงงานใหม่หลายสิบล้าน จนเป็นเหตุให้เขาเกิดปากเสียงกับผู้ถือหุ้นที่ขอให้หยุดเดินเครื่องโรงงานแห่งนี้

"หยุดไม่ได้" พิพัฒแข็งกร้าวมากกับการแก้ปัญหาอย่างนี้ เขาไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้นดำเนินการแก้ไขด้วยการรับจ้างผลิตเส้นหมี่ให้กับค่ายอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งกันอยู่ วิธีการนี้ทำให้โรงงานมีรายได้พอที่จะจุนเจือกิจการให้อยู่ต่อไปได้ และทำท่าจะไปได้สวยในปัจจุบันซึ่งเขาสนับสนุนลูกน้องคนหนึ่งให้รับผิดชอบ

"ผมว่าการที่ผมเป็นักกีฬาทำให้มีนิสัยและความคิดในการทำงานหรือแก้ไขปัยหาอย่างเสี่ยงได้เสี่ยงเสีย เล่นกีฬาเราตัดสินการแพ้-ชนะด้วยความเชื่อมั่นภายในเสี้ยววินาที การทำการค้าก็เช่นกันบาทีไม่อาจรีรอได้การทีผมรับจ้างผลิตสินค้าให้คู่แข่งเขาเชื่อใจว่าต้องไม่เบี้ยวเพราะยอมรับในความเป็นนักกีฬาที่ถือสัจจะ" เขาสรุปปรัชญาหนึ่งของการทำงานให้ฟัง

พิพัฒมีอดีตเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติที่ผ่านมาการประลองความสามารถในสระมานับครั้งไม่ถ้วน เคยได้รับเหรียญรางวัลความสำเร็จมามากมาย และยังเคยทำลายสถิติว่ายน้ำของประเทศจีนมาแล้ว และเกียรติอันสูงสุดที่ได้รับคือ เขายังเป็นนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยอีกตำแหน่งหนึ่ง

แต่ก็เป็นตำแหน่งที่เขาออกจะน้อยใจอยู่มากกว่า ขณะที่ค่ายอื่น ๆ เริ่มติดอาวุธด้านกีฬาประสานเข้ากับการวางหมากทางการค้าอย่างลุ่มลึก เครือสหพัฒนพิบูลที่มีเขาอยู่และมีความพร้อมโดยส่วนตัวในทุก ๆ ด้านมากกว่าทุก ๆ ค่าย แต่น่าเสียดายที่ยังไม่อาจเห็นคุณค่าและประโยชน์ในส่วนนี้ของเขา

กีฬาทำให้เขาสนิทสนมกับผู้ใหญ่หลาย ๆ คนไม่ว่าจะเป็น พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ อดีตนายทหารที่เคยมีบทบาทสูงและยังเป็นคหบดีที่ร่ำรวยมากอีกคนหนึ่ง หรือแม้แต่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เขามีภาพถ่ายคู่กันวางโชว์ไว้ในห้องทำงาน

"เวลาผมคุมทีมไปแข่งต่างประเทศได้พบคณะกรรมการโอลิมปิคสากบของประเทศต่าง ๆ ที่ส่วนมากจะเป็นพ่อค้ามักถามว่าจะให้ช่วยเหลืออย่างไรบ้าง คิดว่าขอให้ไทยเพรสซิเดนท์ฟูดส์โตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ผมจะผลักดันให้เข้าไปมีส่วนด้านนี้แน่นอน" เขาย้ำความมั่นใจ

นายห้างเทียมเคยไม่ยอมให้เขาไปแข่งว่ายน้ำในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 3 ปี 2507 เพราะกำลังเลื่อนตำแหน่งทำงานให้

พิพัฒคล่องแคล่วปราดเปรียดมากกับการว่ายแบบผีเสื้อในสมัยหนุ่มที่ร่างกายของเขาพลิ้วไปตามคลื่นจนทำลายสถิติในการแข่งขันมาแล้วหลายครั้ง ทว่าน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่ต้องชิมรสชาติของสินค้าที่ผลิตทำให้ต้องหันกลับมาว่ายกบ ทุกเช้าก่อนมาทำงานต้องลงสระว่ายน้ำประมาณ 20 นาที สลับกับการขี่จักรยานอยู่กับที่อีก 15 นาที

เขาค่อนข้างให้ความสำคัญต่อการว่ายน้ำแล้วพลัดมาเป็นนักบริหาร-นักการตลาดที่ลือชื่อ ค่อนข้างตลกไม่น้อยเดิมทีสมัยที่ไปเรียบต่างประเทศ เขาต้องการสมัครเข้าเรียนเป็นนายแพทย์แต่เมื่อลงไปวายน้ำในสระครูฝึกเห็นหน่วยก้านดีเลยจับยัดให้ไปเรียนด้านพลศึกษาแทน แต่เขาเห็นว่า POTENTIAL ด้านกีฬาในช่วงนั้นคงหากินลำบากเลยต้องเรียนเสริมด้านการตลาดไปในตัว

เขาเคยยกสุภาษิตจีนเปรียบเทียบกับเส้นทางชีวิตของเขาว่า นับว่าเขาเป็นคนที่เกิดมามีบุญติดตัวมาก ๆ นับว่าเขาเป็นคนที่เกิดมามีบุญติดตัวมาก ๆ ตัดสินใจแต่ละครั้งไม่เคยผิดพลาด เหมือนภาษิต "ตาโปไหม่ยิบตาฮั้ง จาโบ้ใหม่แก่ต่าฮั้ง" หรือแปลว่า ผู้หญิงอย่าแต่งงานผิด ผู้ชายอย่าเข้าห้างผิด

อีก 6 ปีที่เหลือกับไทยเพรสซิเดนท์ฟูดส์และเครือสหพัฒนพิบูลคงได้รู้ว่าเขาเข้าห้างผิดหรือเปล่า

พิพัฒเคยมีบทเรียนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินที่หวุดหวิดทำให้เมียไม่พอใจมาแล้ว และก็เป็นอุทาหรณ์เตือนเขามาตลอดทั้งในการทำงานและส่วนตัว เขาคุยเรื่องนี้ด้วยท่าทีเริงร่าและตั้งชื่อวา "นิทานนกกระจอกกินจักรเย็บผ้า" มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาว่าเป็นความเลว เขาไปร่วมเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อ เสียเงินไป 800 บาท พอดีเมียต้องการให้นำเงินไปซื้อจักร จักรก็ไม่ได้เงินก็หมด นกจิกกินไปเกลี้ยง

ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงหันหลังให้กับการพนันโดยสิ้นเชิง

พิพัฒในความเป็นส่วนตัวที่น่าสนใจของเขาอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนทันสมัยที่ยังนิยมแฟชั่นเก่า ๆ นักบริหารรุ่นใหม่ส่วนมากมีทายาทไม่เกิน 2-3 คน แต่กับพิพัฒเขาสร้าง "อุบัติเหตุ" โดยจงใจด้วยการมีบุตร-ธิดามากถึง 7 คน "มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ นะ" เขากล่าวติดตลก

เขาไม่มีรสนิยมของเก่าราคาแพงอย่างผู้บริหารบางคน แต่พิสมัยได้ปลื้มมากกับการใช้ของใหม่ที่ราคาแพง ๆ ชอบใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อหาซื้อของที่ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์กับเสื้อผ้า จนถูกนาห้างเทียมกระตุกเจ็บ ๆ แสบ ๆ บ่อยครั้งว่า "ลื้อจะซื้อมันไปทำไมนักหนา"

ภายในห้องทำงานของเขาที่ต้องมีเสียงเพลงไทยสากลเบา ๆ คอยขับกล่อม โดยเฉพาะเพลง "ฉากสุดท้าย" ของพัณนิดา เศวตาศัย นอกจากจะพรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์การทำงานทุกชนิดรวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เขาใช้เก็บข้อมูลแล้วนั้น ครั้งหนึ่งเคยมีตุ๊กตาสีแดงเข้มตัวหนึ่งวางอยู่ข้าง ๆ

ตุ๊กตาตัวนี้เขาได้มาจากญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว เป็นตุ๊กตาอธิษฐานตามความเชื่อถือของคนญี่ปุ่น ตอนที่ได้มายังไม่มีลูกตา คนที่ให้มาบอกให้ระบายลูกตาลงไปแล้วอธิษฐานว่าปีนี้ต้องการทำอะไรให้ประสบความสำเร็จเมื่อสมดั่งที่อธิษฐานแล้วก็ระบายลูกตาอีกข้างหนึ่ง

วันนี้ตุ๊กตาตัวนั้นมีดวงตาครบทั้งสองข้างแล้ว นั่นย่อมหมายถึงความสำเร็จที่สืบเนื่องกันมาตลอดในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ห่วงก็แต่ว่าอีก 6 ปีที่เหลือก่อนที่จะถึงฉากสุดท้ายของเขากับไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ยังมองเห็นความสำเร็จฉายฉานอีกมาก

แล้วเมื่อนั้นพิพัฒจะไประบายลูกตาตรงจุดไหนของตุ๊กตากันหนอ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us